@ CITYZEN ASTOTEL
"วันนี้มีประชุมทั้งวันเลยคุณมิเชลไหวแน่นะคะ" พี่แก้วหรือกรองแก้วเลขาส่วนตัวของฉันเอ่ยแจ้งทันทีที่เปิดประตูลงจากรถ
หลังจากที่ฉันลาป่วยไปถึงสองวันเต็มๆ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับมิเชล ดีลท์มาก่อน ตลอด27ปีตั้งแต่เกิดมา ทว่าหลังจากคืนนั้นที่ถูกแทนไทจับขย้ำ ก็ถึงกับเป็นไข้นอนซมเลยทีเดียว
และนอกจากฉันจะระบมปวดไปทั้งตัวเหมือนถูกค้อนทุบแล้ว เนื้อตัวของฉันก็ยังเต็มไปด้วยรอยดูดแดงช้ำเต็มไปหมด
หมอนั่นรุนแรงเสียจนฉันเกือบสลบคาเตียง...และแน่นอนว่าเขายังไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปกับฉันบ้างเพราะชิงหนีออกมาเสียก่อน
ฉันเองก็ไม่คิดจะบอกเรื่องคืนนั้นกับเขาเพราะกลัวมองหน้ากันไม่ติด เรื่องของเรื่องถ้าฉันไม่เผลอไผลไปเองเขาก็ทำอะไรฉันไม่ได้ ถูกไหม
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษความแรดร่านของตัวเอง ที่ดันไปหลงรักเพื่อนแล้วยอมปล่อยตัวเผลอไผลให้เขาทำแบบนั้น ทีนี้คนจะเป็นจะตายกลับเป็นตัวฉันที่เริ่มก่อน รู้สึกก่อนและเจ็บก่อน ทีแรกก็แค่แอบรักพอได้กันกลับกลายเป็นรักแทนไทมากกว่าเดิม มันหน่วงอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็คงไม่มีทางไหนที่ดีไปกว่า ปกปิดเรื่องทั้งหมดเอาไว้กับตัวเอง
"ไหวค่ะ เชลดีขึ้นมากแล้ว"
ฉันยิ้มหวานพร้อมกับเดินนำเข้าไปในตึกเพื่อเป็นการยืนยันว่าไหวจริง ๆ ไม่อย่างนั้นพี่แก้วคงรายงานแด๊ดดี๊เรื่องที่ฉันดื้อไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ๆ ซึ่งตอนนี้ท่านไปตรวจงานโรงแรมที่ภูเก็ตกว่าจะกลับก็คงอีกหลายวัน
"เรียกทีมการตลาดเข้าประชุมเลยนะคะ เชลให้เวลาเตรียมตัวครึ่งชั่วโมง"
"ค่ะ"
ฉันเดินแยกไปยังห้องทำงานของตัวเอง ส่วนพี่แก้วไปดูแลเอกสารให้พร้อมประชุม ไม่ได้มาทำงาน2วันงานสุมหัวฉันราวกับไม่ได้มา2ปี จะว่าไปหากไม่ป่วยฉันก็แทบไม่มีวันลาพักร้อนกับเขาเลยสักวัน เรียกได้ว่าหลังจากสิ้นสุดพิธีรับปริญญาเพียงห้าวันก็ถูกพ่อบังเกิดเกล้า หรือที่ทุกคนเรียกว่ามิสเตอร์เซนท์รับตัวกลับมาประเทศไทยทันที
จากที่ตั้งใจให้พี่แม็กซ์ตันซึ่งเป็นพี่ชายของฉันบริหารโรงแรมสาขาใหญ่ที่กรุงเทพฯ แด๊ดดี๊กลับยกโรงแรมให้ฉันเข้าบริหารงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน ส่วนพี่แม็กซ์ตันนั้นขอไปบริหารโรงแรมทางภาคเหนือ เพราะกลัวว่าฉันจะลำบากที่ต้องไปอยู่ต่างจังหวัด
ฉันไม่ปฏิเสธท่านเพราะรู้ว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้น ยังไงก็ต้องช่วยธุรกิจของครอบครัวอยู่ดี นี่ก็ผ่านมาเกือบ4ปีกว่าแล้วที่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แบบนี้
ไม่รู้ว่าต้องดีใจหรือเสียใจกับเส้นทางชีวิตที่ไปได้เร็วกว่าคนอื่น ด้วยฉันถูกส่งไปเรียนที่อเมริกาในระดับปริญญาตรีตั้งแต่อายุ17ปีด้วยการสอบเทียบ ตอนเรียนจบปริญญาโทฉันอายุเพียง23ปีเท่านั้น จากที่คิดว่ารีบเรียนรีบไปใช้ชีวิตอิสระ กลายเป็นว่ารีบเรียนรีบกลับมาทำงานธุรกิจครอบครัวเฉยเลย
ก๊อก! ก๊อก!
"เชิญค่ะ" ฉันอนุญาตเพราะรู้ดีว่าเป็นป้าแม่บ้านเอากาแฟมาเสิร์ฟเช่นทุกวัน
"ขออนุญาตนะคะ"
เพียงแค่แม่บ้านเปิดประตูเข้ามากลิ่นอาหารหอมกรุ่นก็ลอยมาเตะจมูก จนต้องหยุดปากกาที่กำลังจรดเซ็นเอกสารแล้วเงยหน้าขึ้นมองแม่บ้านด้วยความสนใจ
"คุณแทนไทส่งโจ๊กกับผลไม้มาให้ค่ะ"
เพียงแค่ได้ยินชื่อเพื่อนสนิทคนนี้หัวใจของฉันก็แกว่งไกวด้วยความประหม่า ถึงแม้แทนไทจะแวะเข้าไปหาถึงในห้องด้วยความเป็นห่วงก็ตาม แต่ฉันกลัวว่าเขาจะเห็นรอยตามตัวที่เขาฝากเอาไว้แล้วเกิดความสงสัย สองวันที่ผ่านมาฉันจึงไม่ยอมโผล่หน้าออกจากผ้าห่มไปเจอเขาเลย
โชคดีที่ได้โอลีฟเพื่อนสาวสองของฉันสกัดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแทนไทคงเข้าไปอุ้มฉันลงมาจากคอนโดเพื่อไปหาหมอแล้ว
"แทนมาที่นี่เหรอคะป้า" ฉันวางปากกาในมือลงแล้วหันไปสนใจโจ๊กหน้าตาน่าทานในถ้วยด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
"ไรเดอร์เอามาส่งค่ะ คุณแทนไทกำชับว่าต้องยกมาเสิร์ฟตอนร้อนๆ และเพิ่มขิงกับไข่ลวกให้เป็นพิเศษ จะได้หายไข้ไวๆ และยังมีน้ำขิง ผลไม้อีกสองกล่อง พร้อมกำชับว่าให้ทานให้หมดภายในวันนี้ค่ะ"
เขาก็เป็นซะแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ฉันหลงรักเขาได้ยังไง
"ขอบคุณค่ะ ป้ามีอะไรก็ไปทำต่อเถอะ"
ป้าแม่บ้านเดินออกไปแล้วเหลือเพียงฉันที่นั่งยิ้มให้กับอาหารตรงหน้า โจ๊กพิเศษขิงของโปรดของฉัน แม้ว่าแทนไทจะเกลียดขิงแค่ไหนแต่เขาก็มักจะแว้นไปซื้อโจ๊กร้านโปรดมาให้เป็นประจำ แล้วไหนจะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ถูกจัดเรียงมาอย่างดีอีก
นี่ขนาดเป็นแค่เพื่อนยังดูแลดีขนาดนี้ ถ้าฉันเดินไปบอกเขาว่าเรามีอะไรกันและขอเขาเป็นแฟน แทนไทยังจะดีกับฉันแบบนี้อยู่ไหมนะ
ยังไงก็แค่คิด ความจริงคือไม่กล้าบอกเขาหรอก
มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอาหารและยาตรงหน้าตามสไตล์คนใช้ชีวิตติดโซเชียลมีเดีย แม้การป่วยจะแค่เล็กน้อยแต่การอ่อยหนุ่มๆ นั้นค่อนข้างใหญ่หลวง จากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ในอินสตาแกรมด้วยรูปภาพ ตามด้วยเพลงขอบคุณที่เกิดมาให้รัก แน่นอนว่าคนแรกที่เข้ามากดอิโมจิโกรธก็คือโอลีฟ
OLIVE ตอบกลับสตอรี่ของคุณ
'เพื่อนนอนเฝ้า2วันติดชะนีไม่คิดจะขอบคุณสักคำ แต่พอเป็นโจ๊กอุ่นๆ จากสามีเท่านั้นแหละ ขอบคุณจริงๆ ที่เกิดมาให้รัก ให้เราเจอกัน โพดโพบักโมเมล่อน'
MICHELLE :ขอร้องอย่าอิจฉา
OLIVE : ไม่ได้อิจ...แต่เลิกได้เลิกนะความสัมพันธ์แบบอุปกรณ์การเกษตร
"อะไรของหล่อนเนี่ย" ฉันถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับเพราะเริ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่โอลีฟเพื่อนฉันกำลังสื่อ ถึงกับกดเข้าไปหาคำตอบในกลูเกิ้ลแต่ไม่พบคำตอบ
MICHELLE :อะไรของแก ส้อมพรวด บัวรดน้ำ
OLIVE : จอบ
คราวนี้เกาหัวแกรกๆ ยิ่งคุยยิ่งงง รีบทานข้าวแล้วไปประชุมดีกว่า ทว่าระหว่างที่ฉันจะวางโทรศัพท์ลงโอลีฟก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง
OLIVE : จอบ ภาษาอีสานคือแอบ ลอบ คอยฟัง
OLIVE : ความสัมพันธ์แบบอุปกรณ์การเกษตรของแกคือ ความสัมพันธ์แบบจอบเบิ่ง (แอบมอง) จอบหลอย (แอบแซ่บ)
MICHELLE : โคตรลึกซึ้ง เดี๋ยวเย็นนี้เลี้ยงเบียร์
OLIVE : เลิศคัก
"เฮ้อ~" ถึงกับทอดถอนใจแล้วส่ายหน้าอย่างปลงตก ฉันไม่ได้โทษภาษาบ้านเกิดของโอลีฟนะ เพราะแม่นี่ชอบใช้พูดกับฉันอยู่บ่อยๆ ซึ่งฉันก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ไม่คิดว่าโอลีฟจะเปรียบเทียบความรักที่ฉันมีต่อแทนไทได้ชวนปวดหัวขนาดนี้
'ความสัมพันธ์แบบอุปกรณ์การเกษตร = ความสัมพันธ์แบบจอบหลอย'