บทที่ 2 ลิ้นสองแฉก 2/2

1231 Words
“พี่ปานมุก วันนี้เป็นวันที่พี่ต้องการกำลังใจ ฉันผู้เป็นน้องสาวรีบมาเพราะเป็นห่วงพี่ รู้ว่าพี่จะหย่ากับพี่เขยอย่างคุณอัสนี แล้วทำไมต้องพูดจาร้ายกาจกับน้องสาวอย่างปิ่นด้วยล่ะ” ปานมุกกรอกตาไปมา มองละครเวทีที่ปิ่นมุกกำลังแสดงได้อย่างถึงบทบาท ด้วยความเบื่อหน่าย หากไม่โง่เหมือนควายก็คงมองออกว่าอะไรเป็นอะไร เธอไม่อยากจะเชื่อ คนฉลาดอย่างอัสนีไม่รู้เหรอผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไง ถามจริ๊ง? “จะมานับญาติอะไรกันวันนี้ ปกติก็ไม่เคยเห็นฉันพี่สาวอยู่แล้วนี่ ยุยงให้ปานมุกทำเรื่องน่าอายสารพัด ทั้งใส่ร้ายต่าง ๆ นานา และสีซอให้คนอย่างอัสนีฟัง จนปานมุกต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ถามจริงนะ ยังคิดนับญาติกันด้วยงั้นเหรอ” “คุณกรกัญจน์ ดูด้วยตาคงจะเข้าใจนะคะ ไม่ใช่ฉันที่ยังไม่ออกไป แต่เป็นควายเผือกตัวเมียตัวนี้ต่างหาก” แต่ละคำที่ปานมุกพ่นออกมาทำให้กรกัญจน์อึ้งไม่น้อย ไม่รู้ว่าตอนที่โดนคุณอัสนีทำร้ายได้ทำให้สมองเธอกระทบกระเทือนด้วยหรือเปล่าถึงทำให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ เขาขยับเข้ามาด้านหน้าของผู้หญิงทั้งสองคน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับปิ่นปัก “คุณปิ่นปักโปรดหลีกทางด้วยครับ หากคุณไม่อยากให้คุณอัสนีต้องทำร้ายคุณอีกคน” เขาใจเย็นมาสักพักแล้ว และควรจะใจร้อนเพราะใกล้เวลากลับมาแล้วจริง ๆ เพียงชั่วระยะเวลาสามชั่วโมง เขายังจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ไม่เรียบร้อย ต้องได้ระเห็จไปหางานใหม่เป็นแน่ หลังจากรออยู่ชั่วอึดใจ เธอก็ไม่เห็นน้องสาวขยับจึงพูดด้วยถ้อยคำยั่วโมโหขึ้นอีก เพื่อต้องการฉีกหน้ากากแสนดีนี่ทิ้งเสีย “คุณกรกัญจน์ ฉันเสียใจด้วยนะคะ กระบือที่ไหนจะเข้าใจภาษาคน” ปิ่นปักฉงนใจ ทั้งกำมืดแน่นมองไปที่ใบหน้าของปานมุกราวกับว่านี่ไม่ใช่พี่สาวหัวอ่อนของเธอคนเก่า ‘ปานมุกสู้คนตั้งแต่เมื่อไหร่’ ปานมุกมองปิ่นปักที่โกรธจนขมับขึ้นเส้นลือด หากจะโกรธจนความดันขึ้นเส้นเลือดในสมองแตกก็คงดีไม่น้อย เธอก็จะได้สะใจและไม่ต้องเปลืองแรงมากนัก ปิ่นปักเห็นใบหน้าที่ยิ้มอย่างสาแก่ใจที่ได้เยาะเย้ยถากถางเธอได้ ความโอหังของพี่สาวนั้น หากเป็นที่บ้านล่ะก็ เธอจะจิกหัวลงมาตบให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ในบ้านเธียรธีดาเธอทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าที่คุณหญิงคนต่อไปของบ้านหลังนี้ต้องเป็นของเธอเท่านั้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจ้างให้คนวางยาปานมุก แล้วลากไปนอนในห้องของอัสนีจัดฉากให้เหมือนดูยั่วยวนเขา แต่ทำไมกลายเป็นว่าปานมุกเปลี่ยนไป ยานั้นมีปัญหางั้นเหรอ ทำไมเธอกลายเป็นคนพูดจาฉะฉานต่อปากต่อคำได้เจ็บแสบจนเลือดซิบเช่นนี้ล่ะ “คุณปิ่นปัก” กรกัญจน์ที่ยังไม่เห็นเธอขยับเขยื้อนกายหลีกทางจึงเตือนด้วยเสียงเข้มขึ้น และนั่นหมายความว่าเรื่องนี้ต้องรายงานให้กับคุณอัสนีทราบ ว่าปิ่นปักขวางการทำงานของเขา ปิ่นปักเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ระงับความสงสัยในตัวพี่สาวไว้ชั่วขณะ แล้วคลี่ยิ้มริมฝีปากสีชมพูอย่างอ่อนหวานส่งไปหาผู้ช่วยของอัสนี “ไม่ใช่ฉันจะขวางไม่ให้พี่สาวออกไป แต่ว่าคุณอัสนีบอกให้ฉันมาตรวจดูกระเป๋าของพี่สาวต่างหาก ว่าหยิบของอะไรจากเธียรธีดาไปหรือเปล่า” ปิ่นปักก็ยังคงเป็นปิ่นปัก เธอแสร้งหาเรื่องได้ตลอดเพื่อต้องการกลั่นแกล้งปานมุก แต่ก็อ้างชื่อของอัสนีเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ “ฉันไม่ได้เอาอะไรออกไปสักหน่อย แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัว” แต่ว่าปิ่นปักกลับไม่สนใจ ก้าวไปคว้ากระเป๋าใบเล็กที่เธอถืออยู่ให้อออกจากมือของพี่สาว แล้วก็ลงมือค้น แต่ทว่าก็ต้องแปลกใจเพราะมันไม่มีอะไรในกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอเลยนอกจากเสื้อผ้าสองสามชุด “พอได้หรือยัง” ปานมุกรู้ดีกว่าใคร เพราะเป็นคนเก็บของด้วยตัวเอง และต้องการจะรีบออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่เป็นน้องสาวอีก เธอค้นแล้วค้นอีกแต่ก็ไม่พบของอะไรที่แสดงว่ามันมีค่าเลยสักนิด “พี่ถ้าพี่ไม่ได้เอาอะไรไปก็ปล่อยให้ฉันตรวจให้แน่ใจเถอะ อย่าเร่งร้อนสิ เกิดทำงานผิดพลาดคุณอัสนีว่าฉันจะทำยังไง” “คุณเป็นพยานให้ฉันด้วยนะคะ คุณกรกัญจน์” เธอยืนมองน้องสาวค้นแล้วค้นอีกในกระเป๋าที่เล็กแค่นั้น ทั้งเทออกมาสะบัดหาสิ่งของมีค่าสักชิ้นก็ไม่มี กระทั่งเงินสักบาทก็ไม่มีซุกซ่อน ‘เป็นไปได้ยังไง’ “ขอฉันเช็คอีกรอบนะคะคุณกรกัญจน์” “งั้นก็เช็คให้พอ ฉันไปล่ะ” เธอตัดสินใจไม่เอากระเป๋าใบนั้นไป เพราะรำคาญท่าทางราวกับสุนัขดมกลิ่นหาของผิดกฎหมายของน้องสาว แต่เมื่อกำลังจะเดินออกจากบ้าน รถสปอร์ตสีดำคันหรูก็วิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าทางเข้ามาในตัวบ้าน “เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม” เสียงทรงพลังของอัสนีประกาศกร้าวทำให้ปานมุกสะดุ้ง เธอเผลอเอามือไปคลำที่คอรู้สึกหวาดหวั่นกลัวเขาจะมาบีบคอเธออีก “ไม่...ไม่กล้า” เธอตอบเสียงสั่น ราวกับไม่ใช่ตัวเธอตอบไป ‘ปานมุก เธอไปเกิดเถอะที่เหลือให้ฉันจัดการเอง’ ปานดาวรู้ว่าปานมุกยังมีห่วง จึงครอบงำความคิดเธอบ้างบางขณะ เมื่อเธอผ่อนลมหายใจดีแล้ว ก็สลัดความกลัวนั้นออกไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่รู้สึกหวาดหวั่นอันตราย “แล้วยังเสนอหน้าอยู่ที่บ้านนี้เพื่ออะไร” “ถามปิ่นปักดูแล้วกัน คุณกัญจน์เป็นพยานได้ เธอพยายามรั้งฉันไม่ให้ออกไป” ดวงตามืดมนมองไปยังร่างอีกร่างด้านหลัง ทำให้บรรยากาศในบ้านรู้สึกเหมือนกำลังถูกปกคลุมด้วยหมอกควันพิษ “คุณอัสขา...ปิ่นไม่ได้ขวางนะคะ พี่ปานมุกจะออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วยังใส่ร้ายฉันอีกงั้นเหรอ” ปิ่นปักรีบวิ่งไปเอาหน้า เพราะกลัวความผิด ที่เธอขวางปานมุกถึงยังไม่ได้ออกจากบ้านเธียรธีดาไป “ทำไม” เสียงเครียดถามคนที่วิ่งเข้ามา “ก็ช่วยคุณตรวจดูกระเป๋าพี่ปานมุกไงคะ ว่าเอาอะไรของคุณไปหรือเปล่า” เหอะ!!! “สาระแน!” เธอต่อว่าน้องสาวโดยไม่สนใจเขาที่ใบหน้าเคร่งเครียดลง “เสื้อผ้าบนตัวคุณ ก็เป็นเงินของบ้านเธียรธีดาซื้อให้ ถอดมันออกซะ!” สิ้นคำสั่งเขาก็จากไปราวกับสายลม แต่มันทำให้อีกคนได้ใจมองเธออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD