“ก็มิยากเท่าใดหรอกหากอยากอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข แค่เจ้าทำในสิ่งที่ท่านแม่ทัพชอบ อย่าทำในสิ่งที่ท่านไม่ชอบเท่านั้นล่ะ”
“ฟังดูเหมือนง่ายเลยนะผิงอัน”
“ตอนแรกข้าก็คิดเช่นเจ้า แต่มันก็มิใช่เสียทั้งหมด น่า...อยู่ไปเจ้าก็จะรู้เองล่ะ แต่ขอบอกไว้เสียก่อนนะว่าที่นี่มิใช่ที่ที่เจ้าจะอยู่สบายนัก”
“หมายความว่าอย่างไรเล่าผิงอัน”
หยู่เยียนตั้งคำถามและเห็นผิงอันรีบปิดประตูห้องก่อนหันกลับมาเพื่อบอกว่า
“เจ้าอยู่ที่นี่ต้องระแวดระวังตัวให้ดีนะรู้หรือไม่”
“ข้าต้องระวังอันใด?”
“เจ้าต้องระวังท่านแม่ทัพนั่นล่ะ”
บทที่ 3
“ท่านแม่ทัพเช่นนั้นรึ...ใยข้าต้องระวังเขาด้วยเล่า”
“เจ้าเพิ่งมายังมิรู้อันใด จะบอกให้นะว่าแม่ทัพหลีเหว่ยคือผู้มีความเด็ดขาดอย่างยิ่ง และเขามิชอบให้ใครขัดใจแม้เพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม หากเจ้าทำมิถูกใจอาจถูกจับไปขังในคุกลับได้เลยเชียวนะ”
“ว่าอย่างไรนะ! คุกลับเช่นนั้นรึ”
“ชู่ว...อย่าเสียงดังไปซี เดี๋ยวผู้ใดผ่านมาได้ยินจะถูกทำโทษสถานหนักเลยนะ”
“ท่านแม่ทัพเด็ดขาดถึงขั้นนั้นเลยเชียวรึ ข้าชักจะกลัวขึ้นมาเสียแล้วซี”
“หากเจ้ากลัวก็ต้องอยู่ที่นี่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวนะหยู่เยียน และที่สำคัญ ในจวนของท่านแม่ทัพนี้เต็มไปด้วยนายทหารหน้าตาดี เจ้าอย่าได้แสดงความพึงใจต่อนายทหารคนใดอย่างเด็ดขาด เพราะท่านแม่ทัพไม่ชอบให้มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับชู้สาวในที่พำนักของเขา”
“ข้าจะพยายามทำตัวดี ๆ จะได้อยู่ที่นี่นานๆ”
“ถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้าไปวุ่นวายกับท่านแม่ทัพหลีเหว่ยเป็นเด็ดขาด เขามิชอบให้นางรับใช้เข้าใกล้ อันนี้ข้ามิได้กุเรื่องขึ้นมาพูดเอง แต่ท่านแม่ทัพมิชอบให้สตรีใดเข้าใกล้เพราะเกรงจะเป็นที่ครหา”
“เอ้อ...ตอนผ่านเข้ามาในจวนของท่านแม่ทัพหลีเหว่ย ข้าเห็นมีตำหนักหนึ่งอยู่หลังไม้ใหญ่ด้านโน้น งดงามยิ่งนัก”
“อ้อ...นั่นคือหอเหมยฟ้า เป็นสถานที่ท่านแม่ทัพชอบไปนั่งเขียนหนังสือในยามว่าง แต่เจ้าอย่าไปสนใจเลย ปกติมิค่อยมีใครเข้าไปที่นั่นหรอก”
“ขอบใจเจ้ามากนะผิงอันที่ช่วยบอกข้าเรื่องการวางตัวในจวนแห่งนี้ ข้าจะจดจำไว้และไม่ทำในสิ่งที่เจ้าบอกว่ามิสมควร”
“ดีแล้ว...เชื่อฟังข้าแล้วเจ้าจะอยู่ที่นี่ได้นานๆ...ถ้าเช่นนั้นแล้วเดี๋ยวข้าไปก่อน เจ้าจงจัดเสื้อผ้าและที่นอนของเจ้าให้เรียบร้อยเถิด”
ผิงอันกล่าวจบก็เดินออกไป สาวใช้ในจวนแม่ทัพหยุดยืนหน้าห้องเมื่อปิดประตูบลง นางเบ้ปากและพูดกับตัวเอง
“ชิ! สาวชาวบ้านเช่นเจ้ารึจะมาสู้สาวใช้ในจวนของท่านแม่ทัพอย่างข้าได้ หยู่เยียน...หน้าตาเจ้าสะสวยมิใช่เล่น ได้ขัดสีฉวีวรรณคงงามไม่แพ้ข้าและสาวใช้คนอื่น ข้าจะมิยอมให้เจ้าได้อยู่ใกล้ชิดท่านแม่ทัพเป็นเด็ดขาด”
กล่าวแล้วนางก็เดินออกไป ทิ้งให้หยู่เยียนอยู่ในห้องพักของนางลำพัง ขณะนั้นสาวชาวบ้านก็นั่งนึกถึงคำพูดของผิงอัน สงสัยจะเป็นจริงดั่งนางว่า ก็ดูเอาเถิด ท่านแม่ทัพหลีเหว่ยผู้งามสง่า ใบหน้าคร้ามคมเข้ม ดูทีรึวัยก็น่าจะปาเข้าไปหลายร้อนหลายหนาวเข้าแล้วแต่กลับยังมิมีฮูหยินข้างกาย หรือว่าจะไม่ชอบสตรีนางใดเลยก็มิรู้ได้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องเจ้าของจวนที่นางครุ่นคิดนั้นจะมิอาจลบความรู้สึกใคร่รู้ที่หยู่เยียนมีต่อหอเหมยฟ้าได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งให้อยากรู้เสียนักว่าที่หออันงดงามนั้นมีดีอันใด หยู่เยียนคิดตามประสาสาวชาวบ้านหลังจากวันนั้นนางก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตเป็นสาวใช้ในจวนใหญ่โตของแม่ทัพผู้กล้าแกร่ง นางต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีของนางรับใช้ภายในเรือนของเจ้าขุนมูลนายใหญ่วึ่งมันช่างแตกต่างไปจากชีวิตของสาวชาวบ้านอย่างแต่ก่อน
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือนางรู้จักการแต่งกายให้สะอาดสะอ้านและงดงามด้วยอาภรณ์แม้เป็นเพียงข้ารับใช้แม่ทัพใหญ่ก็ตาม ส่วนเรื่องนายทหารที่ผิงอันเคยเตือนนางไว้นั้นกลับมิได้สำคัญต่อหยู่เยียนแม้แต่น้อย นับแต่มาอยู่ในจวนนางก็ยังมิเคยเห็นชายใดหรือแม้กระทั่งทหารนายใดเป็นที่ถูกตาต้องใจได้มากเทียมเท่ากับแม่ทัพหลีเหว่ย
แย่แล้ว...นี่นางนึกอะไรของนางกันนะ ชักจะลามปามไปใหญ่แล้ว บุรุษมากหน้าในจวนใยจึงมิมีผู้ใดดึงดูดนางได้เท่ากับแม่ทัพใหญ่อย่างหลีเหว่ยกันนะ
“หยู่เยียน...วันนี้งานในครัวไม่มากเท่าไหร่ ถ้ายังไงเจ้าช่วยไปเก็บดอกไม้ในสวนมาให้ข้าสักตะกร้า”
อิงเยว่ หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้าแม่ครัวสั่งนางรับใช้ผู้เข้ามาใหม่และนางเห็นว่าหยู่เยียนนั้นขยันขันแข็ง ไม่ว่าจะใช้ให้ทำอะไรก็ไม่เคยบ่นแม้งานหนักหรือเบา หยู่เยียนได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับไปว่า
“เจ้าค่ะ...แต่ว่าท่านป้าจะให้ข้าไปเก็บดอกไม้ที่ไหนหรือเจ้าคะ?”
“ไปเก็บที่สวนดอกไม้ในจวนนี่ล่ะ เจ้าเดินตรงไปทางนี้นะ มันเป็นทางเล็ก ๆ ไปยังหอเหมยฟ้า แต่เจ้ามิต้องเข้าไปที่หอแห่งนั้นหรอกนะ”
“หอเหมยฟ้าที่งดงามนั่นหรือคะท่านป้าอิงเยว่”
“นั่นล่ะ...ที่นั่นเป็นเขตหวงห้ามของท่านแม่ทัพ ไม่ค่อยมีผู้ใดเข้าไปยุ่มย่าม เจ้าอย่าเก็บดอกไม้จนลืมแล้วเผลอเข้าไปที่นั่นเสียล่ะ”