ถ้าไอศูรย์จะลองมองด้วยใจที่ลดอคติลงนิดหนึ่ง จะเห็นว่านักข่าวสามารถสืบค้นวันเกิดของเธอได้ไม่ยาก เพราะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่หาได้ทั่วไป ส่วนเรื่องที่ให้นุชจรินทร์ปล่อยข่าว เธอคงไม่โง่ถึงขนาดยอมประจานตัวเองหรอก เพราะยิ่งเรื่องซุบซิบสนุกปากแบบนี้กระจายออกไปมากเท่าไร เธอก็ยิ่งดูน่าสมเพชในสายตาคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น
แต่พูดไปแล้วเขาจะเชื่อไหม เสี้ยวหนึ่งในใจเขาจะยอมให้เสียงของเธอจะดังทะลุเข้าไปในหูบ้างรึเปล่า...
หญิงสาวคิดอย่างขื่นขม แววตามองเขาตัดพ้อและมีความรวดร้าวอยู่เด่นชัด คำถามที่ออกจากปากจึงมีแต่ความประชดประชัน
“คุณรับความจริงไม่ได้เหรอคะ”
“ขวัญรัก!”
เขาตวาดก้อง แต่เธอไม่แสดงอาการสะทกสะท้าน
“ทำไมล่ะคะ อีกหน่อยคุณก็จะหย่ากับฉันแล้ว ยังต้องแคร์อะไรอีกเหรอคะ”
“จนถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่สำนึกผิดอีกเหรอ”
เธอเลิกคิ้วเหมือนกำลังฟังเขาเล่าเรื่องตลก
“ฉันต้องรู้สึกผิดอะไรเหรอคะ รู้สึกผิดที่น้องสาวเข้ามาเป็นมือที่สามในชีวิตแต่งงาน หรือเรื่องที่สามีนอกใจล่ะคะ”
“ยอมรับแล้วสินะว่าคุณใส่ร้ายเนตร”
“ฉันใส่ร้ายเขารึเปล่า พวกคุณไม่รู้อยู่แก่ใจเหรอคะ”
โดนเธอย้อนถามแทงใจ ไอศูรย์ยิ่งบีบข้อมือเธอแน่นราวกับจะให้หักคามือเขา ดวงตาคู่คมหรี่ลงเหมือนสัตว์ร้ายกระหายเลือดที่แยกเขี้ยวจะขย้ำเหยื่อ พริบตาเดียวก็ฉกหน้าประกบจูบอย่างดุดัน บดขยี้ริมฝีปากเธออย่างไม่ปรานี แทบจะฉีกกระชากปากเธอจนแตกยับ
ขวัญรักพยายามสะบัดหน้าหนี แม้จะรู้ตัวว่าอ่อนด้อยกำลังไม่อาจต้านทางแรงเขาได้ แต่เธอก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีเหมือนกัน ถึงเธอจะรักเขาหมดหัวใจ แต่ใช่จะยอมให้เขามาเหยียบย่ำทำร้ายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าเขาไม่รักเธอ ก็อย่ามาแตะต้องเธอให้เสียเกียรติของเขา
อาศัยช่วงที่เขาดูดดึงบดเคล้ากลีบปากเธออย่างมัวเมา หญิงสาวก็กลั้นใจอ้าปากงับริมฝีปากเขาจมเขี้ยว สะบัดหน้าขึงตาตะโกนใส่เขาอย่างเดือดดาลว่า
“อย่ามาแตะต้องฉัน!”
ไม่รู้ว่าจู่ๆ เธอเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อาจเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่เขาทำกับเธอ หรือความเสียใจที่ได้ยินบทสนทนาของแม่สามีกับน้องสาว ขวัญรักจึงเกิดฮึดสะบัดมือเขาจนหลุด เธอยกสองมือผลักอกเขาออกเต็มแรง แล้วลุกขึ้นจะวิ่งหนี ทว่าไอศูรย์ยังคงไวกว่าจับตัวเธอพลิกคว่ำหน้า ล็อกข้อมือของเธอไว้ด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ทะมึนขึ้นคร่อมทาบทับเธอไว้ใต้ร่างอีกครั้ง
“กล้ากัดผม คงรู้ผลที่จะตามมาแล้วใช่ไหม”
มุมปากบางของเขายกโค้งขึ้นอย่างเยือกเย็น ทำให้ใบหน้าคมสันยิ่งดูเคร่งขรึม เย็นชาและโหดร้าย แผ่รังสีคุกคามปกคลุมทั่วร่างจนรู้สึกได้ถึงเธอ
ขวัญรักยิ่งออกแรงดิ้น แต่แทบขยับไม่ได้เหมือนปลานอนตาย เขาอาศัยช่องว่างเล็กๆ สอดมือเข้าใต้ทรวงอกปลดกระดุมเสื้อของชุดเดรสทีละเม็ดๆ ทำให้ใจเธอดิ่งวูบ เพียงอึดใจเดียวผิวของเธอก็สัมผัสได้กับความวูบหวิว เมื่อเขาถลกเสื้อลงมารั้งแขนจนสะบัดไม่หลุด
หัวไหล่กลมมนและแผ่นหลังเกลี้ยงเกลาเย้ายวนตา ไอศูรย์ก้มหน้าแนบปากพรมจูบทั่วนวลเนื้อ ลิ้นร้อนละเลียดเล็มเลีย ตวัดลิ้นดุนดันขบเม้มเนื้อนุ่มเต็มปากเต็มคำ จูบแล้วคลึง ดึงแล้วดูดแรงๆ จนร่างเล็กบางสะท้านเฮือก
“อ๊าส์...”
ขวัญรักแหงนหน้าเริด หวีดร้องด้วยความเสียวซ่าน เพียรห่อไหล่แอ่นหลังหนีริมฝีปากชั่วร้ายช่ำชอง แต่นอกจากหนีไม่พ้นแล้วยังถูกเขาแกล้งกัดฝังเขี้ยวซ้ำอีกต่างหาก จูบไปก็กัดไปพลาง ทิ้งรอยฟันเป็นวงรีตื้นบ้าง ห้อเลือดบ้าง ถลอกบ้างไว้บนผิวเรียบเนียน
“ปล่อย... เจ็บ!” เธอร้องบอกเสียงสั่นเครือ หลับตาแน่นข่มความเจ็บที่รุมเร้า
“นี่เป็นบทลงโทษของคุณ”
เขาพูดเสียงอู้อี้ขณะใช้ปากปลดตะขอบราเซียลูกไม้ ลมหายใจร้อนผ่าวแผดเผาแผ่นหลังเหมือนจะมอดไหม้ กระตุ้นเร้าจนกายสยิวกระตุกเบาๆ เป็นระลอก หญิงสาวนอนคว่ำหน้ากัดผ้าคลุมเตียงกลั้นเสียงร้องอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่วายถูกฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปตามรอยผ่าของกระโปรงโลมลูบเรียวขางาม บีบคลำคลึงเคล้นเนื้อในต้นขาจนขนอ่อนลุกชัน จงใจปัดป่ายปลายนิ้วเฉียดปุ่มกระสันไปมา แต่ไม่รุกเร้าโอ้โลม
“ขอร้องผมสิ… ขอให้ผมนอนกับคุณ”