วันรุ่งขึ้นขวัญรักกะเวลาที่ไอศูรย์ออกไปทำงานแล้วโทร. หาน้าเอี้ยง เพื่อกลับมาเก็บข้าวของส่วนตัวและเอกสารสำคัญโดยใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเธอเอาไปแค่เสื้อผ้าของเธอเพียงไม่กี่ชุด ส่วนเสื้อผ้าราคาแพงที่เขาซื้อให้เพื่อออกงาน รวมถึงเครื่องประดับเพชรพลอย เธอไม่เอาติดมือไปเลยสักชิ้น
หญิงสาวหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงบันได ชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเห็นแม่บ้านสาวใหญ่ยืนมองอยู่ตรงเชิงบันไดเหมือนจะรู้ เธอยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยกับหล่อนอย่างจริงใจว่า
“ขอบคุณนะคะน้าเอี้ยงที่คอยดูแลขวัญตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่”
“คุณขวัญจะไปไหนคะ”
“ขวัญอยากไปพักใจสักหน่อยค่ะ”
แม่บ้านมองหญิงสาวด้วยความเสียดาย ทั้งที่เธอเป็นคนดี แต่เจ้านายของหล่อนกลับไม่ยอมรักษาเอาไว้ให้ดี หล่อนไม่อยากให้เธอจากไปเลยจริงๆ
“แล้วคุณขวัญจะกลับมาไหมคะ”
ขวัญรักยิ้มแทนคำตอบ แล้วเอ่ยขอร้อง
“อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะคะน้าเอี้ยง”
“แม้แต่กับคุณไอศูรย์เหรอคะ”
เธอพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรถึงเขาอีก เพียงแค่นี้แม่บ้านเก่าแก่ก็เข้าใจ หล่อนพูดอะไรไม่ออก อยากจะรั้งไม่ให้หญิงสาวไป แต่ก็รู้ว่าความรักเป็นเรื่องที่บังคับใจกันไม่ได้ จบแบบนี้อาจจะดีกับทั้งคู่มากกว่า
อย่างน้อย... ขวัญรักก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะเจ้านายหล่อนอีก
“โชคดีนะคะคุณขวัญ” หล่อนทำได้แค่อวยพร
ขวัญรักสวมกอดแม่บ้านที่เคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างซึ้งใจ เธอมองไปรอบๆ ตัวบ้านที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไอศูรย์มาสองปีเต็มๆ อีกครั้ง มีความรู้สึกขัดแย้งและซับซ้อนที่ไม่สามารถอธิบายได้
ทั้งอยากและไม่อยากจากไป...
เธอยิ้มอย่างขมขื่น ที่นี่มีความทรงจำไม่ดีมากมายที่เธออยากละทิ้ง แต่พอต้องจากไปจริงๆ เธอก็นึกใจหายและอดเสียใจขึ้นมาไม่ได้
ขวัญรักถอนหายใจหนักๆ แล้วหักใจเดินออกจากเรือนหอโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก บอกตัวเองว่าเธอยังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ อย่ามัวพิรี้พิไรอีกเลย
เธอต้องเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวนะขวัญ!
หลายวันที่ผ่านมาขวัญรักยุ่งจนแทบไม่มีเวลาให้โศกเศร้า เพราะมีหลายอย่างต้องจัดการ ไหนจะต้องติดต่อกับพุฒาและบริษัทที่อเมริกา ยังต้องจัดการเรื่องพาสปอร์ตและเตรียมข้าวของจำเป็นสำหรับใช้ชีวิตที่นั่นให้เรียบร้อยด้วย
ปกติเธอเป็นคนทำอะไรรวดเร็วอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมจึงอยากให้วันเวลาเดินผ่านไปช้าๆ ยิ่งนานเท่าไรก็ยิ่งดี...
เธอยังรออะไรอีก?
หวังอะไรอยู่?
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอเฝ้ารอคอยว่าเสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นเมื่อไร แม้ในใจย้ำเตือนตัวเองตลอดให้เลิกหวังลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว แต่จิตใต้สำนึกยังคงอดคิดถึงเขาไม่ได้อยู่ดี บางส่วนของใจยังคงเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ อยากรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่ งานยุ่งไหม ทานข้าวรึยัง นอนดึกรึเปล่า มีคนดูแลเอาใจใส่เขาดีเท่าที่ควรหรือไม่
เธอรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้ช่างไร้สาระ ป่านนี้เขาคงอยู่ดีมีความสุขกับเนตรกมลจนไม่มีเวลาคิดถึงเธอแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไอศูรย์ก็เงียบหายและไม่เคยโทร. หาเธอแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับเธอได้ล้มหายตายจากไปจากใจเขาแล้ว
นี่คงเป็นสิ่งที่เขาคิดและตัดสินใจแล้ว
ขวัญรักนั่งปวดใจอยู่ภายในสนามบิน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขอเพียงแค่เขาโทร. มาพูดอะไรสักคำ เธอก็จะไม่ไป เธอจะอยู่ข้างๆ เขาเหมือนเคย แม้จะต้องพบกับความทุกข์ระทมสักแค่ไหนก็ตาม
แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายความหวังของเธอก็ยังเป็นหมัน...
เธอแหงนหน้าขับไล่น้ำตาไหลให้ย้อนลงไป ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปยังด้านนอกลานบินกว้างไกล ช่างเหมือนกับความโดดเดี่ยวอ้างว้างในใจเธอเหลือเกิน...
หญิงสาวนั่งรอเงียบๆ อยู่ในมุมที่ไม่มีคนพลุกพล่าน กระทั่งได้เวลาที่สายการบินแจ้งให้เตรียมตัวขึ้นเครื่อง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเธอก็สั่น หัวใจของเธอสั่นไหวตาม รีบเปิดกระเป๋าสะพายควานหามันขึ้นมา ไม่ใช่สายเรียกเข้า แต่เป็นการส่งข้อความ
เธอมองชื่อคนส่งแล้วหัวใจเต้นแรงลุ้นระทึก มีตัวอักษรปรากฏอยู่เพียงสองสามคำสั้นๆ ว่า
หย่ากันเถอะ