ไอศูรย์เอาเธอมาหย่อนทิ้งไว้ที่บ้าน สั่งการให้สไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าทำผมชื่อดังเนรมิตเธอให้สวยที่สุด ก่อนจะจากไป เธอไม่ทันได้เอ่ยปากถามก็ถูกพวกเขาล้อมหน้าล้อมหลัง ขวัญรักนั่งงงๆ ปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายกับเธออยู่หลายชั่วโมง หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอจึงมีเวลาได้หายใจโล่งอกบ้าง
“โอ้โห! คุณผู้หญิงสวยมากๆ เลยค่ะ สวยยังกับเจ้าหญิงแน่ะ”
กลุ่มคนที่รังสรรค์ความงามให้เธอพากันตื่นเต้น ร้องบอดด้วยความชื่นชม ทำเอาขวัญรักต้องเงยหน้ามองตัวเองในกระจกให้ชัดๆ หญิงสาวที่ปรากฏตรงหน้าสวมใส่ชุดราตรียาวสีชมพู ตัวเสื้อปักเลื่อมสวยงามเข้ากับกระโปรงบานเนื้อผ้าซานตินทอไหมแสนหรูหรา แต่งหน้าบางๆ ด้วยโทนสีหวานอบอุ่น เน้นดวงตาคมโตและริมฝีปากสีชมพูฉ่ำ ถักเปียมวยรอบผม สวมเทียร่าประดับเพชรเม็ดเล็ก แต่เลอค่า เข้าชุดกับต่างหูระย้า
นี่คือเธอหรือ?
หญิงสาวตะลึงเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเก้อเขิน รู้สึกไม่คุ้นชินกับตัวเองแบบนี้สักเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าถ้าเขาเห็นเธอจะคิดว่าแปลกๆ รึเปล่า?
“ขอบคุณค่ะ”
เธอเอ่ยขอบคุณพวกเขาตามมารยาท แล้วเดินตามสารถีออกไปขึ้นรถที่เปิดประตูจอดรออยู่ ไม่รู้ว่ากำลังจะถูกพาไปที่ไหน เป็นงานเลี้ยงสำคัญอะไร เพราะคนของไอศูรย์ไม่ได้บอก และเธอไม่กล้าถาม
รอจนรถยุโรปหรูหราจอดลงหน้าโรงแรมระดับหกดาวในเวลาหนึ่งทุ่มตรง ชายที่ดูเหมือนผู้จัดการและบรรดาพนักงานยืนเข้าแถวรอต้อนรับเธออยู่สองข้างทางพรมแดง สารถีเปิดประตูรถ ขวัญรักก้าวเดินไปอย่างเก้ๆ กังๆ พวกเขาโค้งกายอย่างนอบน้อมเมื่อเธอเดินผ่านราวกับเป็นบุคคลสำคัญ
หญิงสาวถูกผู้จัดการพาเข้ามาในโซนที่เป็นสวนดอกไม้ มีศาลาสไตล์โรมันใหญ่โตโอ่อ่าตั้งอยู่กลางสวนโดดเด่น ที่มุมหนึ่งนักดนตรีเริ่มบรรเลงไวโอลินและเปียโนสอดประสานอย่างไพเราะจับใจ คนเล่นไวโอลินค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาใกล้หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ยื่นดอกกุหลาบสีแดงดอกโตหนึ่งดอกให้แก่เธอ แล้วผายมือนำเธอไปยังมุมที่มีชายหนุ่มร่างสูงสง่างามในชุดสูทยืนหันหลังอยู่
เธอผงกหัวให้นักไวโอลินที่ก้าวถอยออกไป แล้วเพ่งมองไปยังชายผู้สูงส่งคนนั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมา สีหน้าดูอึ้งเล้กน้อย ดวงตาวับวามจับจ้องมองเธออย่างอ่อนหวาน บรรยากาศรอบตัวเขาเปล่งประกายความอบอุ่น ไม่เหมือนกับความเย็นชาที่เธอสัมผัสจนด้านชาทุกวัน
นี่มันอะไรกัน?
ขวัญรักมองรอบกายอย่างงุนงง เขาบอกว่ามีงานเลี้ยงไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจึงไม่มีแขกเหรื่อสักคน ภายในโรงแรมเงียบกริบเหมือนถูกคนจองเอาไว้แล้ว
เขาจองงั้นหรือ?
เพื่ออะไร? เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
มีคำถามผุดขึ้นในหัวเธอมากมาย แต่ถูกสกัดไว้เพียงคำเดียวที่เอ่ยออกจากริมฝีปากเซ็กซี่ดึงดูดใจของเขา
“วันนี้คุณสวยมาก เจ้าหญิงของผม มานี่สิ...”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มแหบต่ำเหมือนมนตร์สะกด ทำให้หญิงสาวก้าวขาเข้าไปหาอย่างง่ายดาย เขาดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ชิด ตวัดท่อนแขนกำยำโอบรอบเอวเธออย่างทะนุถนอม สายตาคู่นั้นแสดงความรักใคร่อย่างลึกซึ้ง
“ผมจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณ และเป็นวันครบรอบที่ผมขอคุณแต่งงาน”
สมองของขวัญรักอื้ออึงเหมือนถูกระเบิดจนหัวขาวโพลนไปหมด วันนี้ใช่วันเกิดเธอเสียที่ไหน อีกตั้งสามเดือนข้างหน้ากว่าจะถึง แถมเขาก็ไม่เคยสนใจหรืออยากจะรู้มาก่อนด้วย ยิ่งวันครบรอบขอแต่งงาน เธอยิ่งแน่ใจว่าไม่เคยมีวันนั้นเกิดขึ้นแน่นอน
เขาพูดเรื่องอะไร? ทำแบบนี้ไปทำไม?
ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก ดวงตาของเธอยิ่งฉายแววว้าวุ่นสับสนมากขึ้น ร่างกายเริ่มเกร็งทื่อ อยากจะขยับถอยห่างจากเขา แต่ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มต่ำลงมาประทับจูบดูดดื่มอย่างแนบแน่น คลอเคลียคลุกเคล้าอย่างเร่าร้อนผสานความอ่อนหวาน สอดแทรกปลายลิ้นรัดรึงดูดดึงอย่างชื่นมื่นหยอกเอิน สัมผัสถึงความซาบซ่านหวามฉ่ำของอุ้งปากเธอจนพอใจ จึงถอนริมฝีปากออก
“สุขสันต์วันเกิด...ที่รัก”
เขากระซิบข้างหูด้วยสุ้มเสียงหวานละมุน ลมหายใจอุ่นๆ รินรดต้นคอทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นอย่างชัดเจน เมื่อลดสายตาก็เห็นสร้อยคอที่เขาบรรจงสวมให้ ลวดลายของมันช่างหรูหรา ห้อยจี้เพชรเม็ดงามเปล่งประกายจนแสบตา