ต้นไม้แห่งรัก หากบำรุงด้วยใจมั่นคงและรอคอย ดอกผลที่ได้กลับคืนมา ย่อมหอมหวานเสมอ...
“แล้วแกล่ะ? แกวางอนาคตไว้ยังไง? แล้วคิดว่าอีกยี่สิบปีต่อจากนี้ เราจะยังคบกันอยู่อีกไหม?” คีรยาถามนายแบบของตนทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้า มุ่งมั่นฝนปลายดินสอลงในส่วนที่เป็นนัยน์ตาเขา ปลายผมม้าที่ขยับไหวยามเธอขยับตัว เหนี่ยวหัวใจของขุนเขาให้เอนเอียงตามไปด้วยอย่างเผลอไผล...
“ไม่รู้สิ...ยังไม่ได้วางอะไรไว้ทั้งนั้น เพราะนี่ยังไม่ได้คิดเลย ว่าเรียนจบแล้วจะไปทำอะไร นอกเสียจาก...” การเว้นว่างในประโยคชวนให้อีกฝ่ายแหงนเงยขึ้นสบตา นาทีนั้นคล้ายทั้งโลกกำลังหยุดหมุน ทุกสรรพสิ่งรอบกายล้วนเงียบงัน มีเพียงสองหัวใจที่เต้นแรงจนทั้งคู่ได้แต่กลั้นหายใจเพื่อรอฟังในบางสิ่ง...
“ถ้ามีแก...ถ้าอนาคต แกไม่หนีเราไปไหน ต่อให้ทางข้างหน้าเป็นหุบเหว เราก็เชื่อว่าตัวเองต้องปีนลงไปได้ แล้วแกล่ะคิ้ม ในอนาคตของแกที่ว่านั่น แกวางเราเอาไว้ที่ตรงไหน...”
“ตรงไหนเหรอ?” คีรยาลดกระดานวาดรูปลงแล้วจ้องลึกลงไปในตาเขา…
“อาจจะเป็นตรงนี้…” เธอแตะปลายนิ้วชี้ลงไปที่ขมับขวาของอีกฝ่าย สายลมหนาวที่พัดโชยจากริมแม่น้ำและเสียงเพลงเบาๆ จากลานเบียร์ บ่มให้บรรยากาศรอบๆ คนทั้งสองอบอวลไปด้วยไอรัก…
“หรืออาจจะเป็นที่ตรงนี้…” เธอลากปลายนิ้วผ่านลำคอและลาดไหล่ก่อนจะหยุดตรงแผงอกด้านซ้ายของคนคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า สัมผัสได้ถึงจังหวะเต้นระรัวของหัวใจที่ทะลุความเงียบมาในโสตประสาท
ไวกว่าความคิด ขุนเขาฉวยจังหวะนั้นรั้งเอวบางเข้าไปจนประชิดตัว โชคดีที่จุดที่พวกเขานั่งวาดรูปกันอยู่มีผ้ากั้น อีกด้านหนึ่งก็เป็นกำแพงสูงของสวนหย่อม คนที่เดินผ่านไปมาจึงไม่ทันสังเกตเห็น
คราวนี้จึงกลายเป็นคีรยาที่หัวใจเต้นรุนแรง หญิงสาวได้แต่เกร็งกายเพราะทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ มองใบหน้าและริมฝีปากของเพื่อนสนิทที่คืบคลานเข้ามาใกล้ด้วยความตื่นเต้น ยิ่งเห็นว่าระยะห่างเหลือน้อยลงมากเท่าไหร่ คีรยาก็รู้สึกคล้ายหัวใจจะวายลงมากเท่านั้น…
“อย่าริเล่นกับไฟเชียวนะมึง ยิ่งจุดติดง่ายๆ อยู่…”