“แล้วเราล่ะ มีแฟนหรือยัง” ภาคิณทำทีเป็นไม่สนใจ หันมาถามต่อจนเพื่อนที่นั่งใกล้ถึงกับเหล่ตามอง รู้สึกได้กลิ่นทะแม่งๆแถวนี้ชอบกล พลางเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“หนูเหรอ ไม่มีหรอกค่ะ อย่างหนูใครจะสนใจ โสดมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วพี่คิณณ์ก็เห็น”
“หื้อ อย่างน้องเนี่ยนะโสด พี่ไม่อยากจะเชื่อ” พี่พอร์ชที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ พูดขึ้นบ้าง
“โสดค่ะ เชื่อเถอะ ไม่เห็นมีใครมาจีบสักคน ที่ไปชอบๆเขา เขาก็ไม่สนใจ” พูดจบก็ยกเบียร์ที่วางอยู่ยกขึ้นมาดื่ม พยายามไม่สบตาคนตรงหน้าที่เอาแต่จ้องจนใจสั่นไปหมด
“มันคงตาถั่ว” ภาคิณพูดหน้านิ่ง
พรวด!!!
พริบพราวพ่นเบียร์ที่ดื่มออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะสำลักหน้าแดงหน้าดำ เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย จนเขาถึงกับหัวเราะขำ โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังว่าตัวเองอยู่แท้ๆ
“ไหวไหมเนี่ยน้องกู” เอิร์ทว่าพลางทิชชู่ยื่นให้ ส่ายหน้าหัวเราะขำ
หลังจากดื่มกินกันจนดึกร้านใกล้ปิด แต่ละคนก็เริ่มแปรสภาพไม่เหมือนเดิมจากตอนมา ทั้งเดินไม่ตรงจำทางกลับบ้านแทบไม่ได้ รองเท้าหายเพราะเต้นจนลืมดู แม้กระทั่งพริบพราวที่เอาแต่นั่งสัปหงกงันงกอยู่กับโต๊ะด้านนอกของร้าน ไม่ยอมลุกสักที
“ไงพราว กลับยังไง นั่งแท็กซี่กลับคนเดียวจะรอดไหมเนี่ย” อ้อมหันมาหาสาวน้อยที่ยังนั่งมึนลุกไม่ขึ้นจนต้องเข้าไปช่วยพยุง
“ไหวค่ะ พราวเรียกพี่มาแล้ว”
“พี่ชายเราเหรอ”
“เปล่าค่ะ พี่แกร็บ”
“โอ้ย!! ไอ้พราว เมาแล้วยังมุกอีก เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ตรงนี้หรอก”
“เอางี้เดี๋ยว กูไปส่งน้องๆเอง ยังไงก็ต้องไปส่งไอ้ยิ้มอยู่แล้ว” ภาคิณเสนอตัวหลังจากดูทรงแล้วรุ่นน้องของเขาทั้งสองคนน่าจะไม่มีใครกลับถึงบ้านได้แน่ๆ ไหนๆเขาก็ไม่ดื่มกินอะไรมากมาย สติอยู่ครบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีน้ำใจขับไปส่งรุ่นน้องก็คงไม่เสียหายอะไร
“เอองั้นเอาตามนี้แล้วกัน ปั้นแป้งแล้วเธอล่ะกลับไง จะนั่งรถไปกับพี่คิณณ์ด้วยไหม”
“หนูยังหารองเท้าไม่เจอเลยค่ะ”
“โอ้ยไม่ต้องหาแล้ว เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ เอาเรื่องกลับบ้านก่อน ฉันง่วงแล้วเนี่ย”
“บ้านหนูอยู่แจ้งวัฒนะ พี่คิณณ์จะไปส่งถึงโน้นเลยเหรอ”
“อ้าวแล้วถ้างั้นจะกลับยังไง สภาพแกตอนนี้ไม่ไหวแล้วนะ”
“หนูจะนอนคอนโดเพื่อน โทรไปบอกมันแล้ว” ภาคิณส่ายหัวไปมาฟังคนเมากับคนมึนเถียงกัน เดินไปพยุงคนที่เกือบจะนั่งหลับให้ลุกขึ้นยืน ประคองเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนไม่ไกลมากนัก โดยมียิ้มกับอุ้มเดินตามมาขึ้นรถด้วย
“บ้านน้องพราวอยู่ไหน มึงรู้เหรอ” ยิ้มถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ขับรถมาได้สักพักถึงหันไปเห็นว่ารุ่นน้องคนสวยนอนหลับคอพับไปเรียบร้อยแล้ว
“รู้ อยู่เลียบด่วน”
“เห้ย แกรู้ได้ไง เคยไปส่งเหรอ”
“อืม สมัยรับน้อง ก็เมาแบบนี้แหละ แต่ปกติจะรั่วๆหน่อย วันนี้ดันเมาแล้วหลับ”
“แล้วแกจะส่งใครก่อน ระหว่างฉัน อุ้ม หรือว่าพราว”
“ส่งแกก่อน ค่อยส่งอุ้มแล้วก็พราว”
“อ้าวทำไมแกต้องอ้อมล่ะ ในเมื่อบ้านแกกับฉันอยู่เกษตรเหมือนกัน”
“กูจะไปนอนบ้านเพื่อน” เมื่อได้คำตอบก็สิ้นความสงสัย ยิ้มจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ในขณะที่ภาคิณนั้นคอยลอบมองรุ่นน้องมหาลัยที่เขาคุ้นเคย กำลังนั่งคอพับคออ่อนอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง
ส่งทุกคนจนถึงบ้านเรียบร้อย ทั้งอุ้มและยิ้ม จนมาถึงบ้านของพริบพราวที่เขาคุ้นเคยเพราะเคยมารับและมาส่งสมัยเรียนปีสี่ ช่วงนั้นกิจกรรมรับน้องมีบ่อย ทำให้กลับบ้านค่อนข้างดึก สังสรรค์กันก็บ่อยทำให้เขามีโอกาสได้มาส่งรุ่นน้องคนนี้อยู่บ่อยครั้ง
“น้องพราว ถึงบ้านแล้ว” เขาหันไปเรียกคนที่เอียงตัวนอนจนหัวจะชิดเบาะหลังอยู่แล้ว
“งื้อ ถึงแล้วเหรอคะ ขอบคุณนะคะพี่คิณณ์” หญิงสาวสะลึมสะลือลืมตามองไปรอบๆ ก่อนจะพนมมือไหว้รุ่นพี่ ทำท่าจะลงจากรถแต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกเรียกไว้ก่อน
“พรุ่งนี้ว่างไหม ไปดูหนังกัน ....เดี๋ยวพี่ไลน์ไปละกัน” เขาเห็นว่าหญิงสาวยัง งงๆเบลอๆจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากมาย พริบพราวเองก็ทั้งงงทั้งมึน กะพริบตาปริบๆคิดว่าตัวเองฟังผิด หรือไม่ก็หูฝาด แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเขา เดินลงจากรถเดินไปเข้าบ้าน ทั้งๆที่สติยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก ในหัวยังคิดถึงคำพูดของเขาพร้อมกับครุ่นคิดว่าที่ได้ยินนั้นจริงหรือฝัน
ครั้นเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยปิดไฟเตรียมตัวเข้านอน ข้อความในไลน์ก็ดังขึ้น พร้อมกับแสงสว่างจากหน้าจอมือถือ ทำให้เธอต้องคว้ามาดูด้วยความสงสัย ดึกดื่นค่อนคืนใครกันส่งข้อความมาก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ตาสว่างทันทีเมื่อเห็นชื่อและข้อความทั้งหมด
‘พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงพี่มารับนะ’
รับไปไหนอะ....หรือว่า....
เพียงแค่คิด ก็ทำให้ยิ้มทั้งปากทั้งตา คว้าหมอนใบใหญ่มากอดรัดจนแน่น พลิกตัวไปมาดีดดิ้นด้วยความดีใจ แอบรักมาก็หลายปี อยู่ดีๆจะได้ไปดูหนังกับพี่เขา ถ้าหากนี่เป็นความฝันก็อย่ามีใครมาปลุกให้ตื่นเลย ฝันดีขนาดนี้
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเวลาสายใกล้สิบโมงเช้า พริบพราวที่กำลังนอนหลับฝันดีถึงกับผวาสะดุ้งตื่น รีบคว้าโทรศัพท์กดมารับโดยไม่ทันดูด้วยซ้ำว่าเจ้าของสายเรียกเข้าเป็นใคร พร้อมกับปรับน้ำเสียงให้ดูหวานสดใสที่สุดเท่าที่สภาพในตอนนี้จะทำได้
“ฮัลโหล สวัสดีค่า”
“หื้อ ไปกินน้ำผึ้งอาบสตอมาเหรอคะ เสียงหวานเชียว”
“หื้มมมม นังเซียล โทรมาทำไมแต่เช้าเนี่ย คนกำลังนอนหลับฝันดีเลย”
“เช้าบ้านแกสิ นี่มันจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ดูเวลามั่ง”
“เออไง แต่ฉันยังไม่ตื่น...ห๊า!! สิบเอ็ดโมง ตายๆๆๆ ตายแน่ๆ งั้นฉันวางสายก่อน ฉันรีบ”
“เห้ยเดี๋ยว!!!....” ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด
ยังไม่ทันฟังว่าเพื่อนจะพูดอะไรด้วยซ้ำ รีบกดวางสายเพราะไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้กระโดด เด้งตัวออกจากเตียงหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำพยายามทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ในตอนนี้
ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีกับการอาบน้ำ อีกยี่สิบนาทีในการแต่งตัวแต่งหน้าทำผม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้นจะไม่หยิบมาดูไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนสาวคนสนิทคนเดิม ก็กลัวว่าจะคิดผิดแล้วกลายเป็นคนที่ตัวเองเฝ้ารอ แต่พอหยิบโทรศัพท์มาถึงกับถอนฉุน กดรับปลายสายพร้อมกับกรอกน้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อย
“มีอะไรยะ”
“วันนี้ว่างไหม ฉันจะชวนแกไปทำเล็บ ทำผม”
“โทรมาแค่เนี๊ยะ วันนี้ไม่ว่างค่ะคุณหนู แกโทรหาคาเฟย์เถอะ ฉันมีธุระ”
“ธุระอะไรวันเสาร์ แกมีฝึกงานวันนี้เหรอ”
“วันนี้ไม่มี แต่ว่าฉันมีนัดเข้าใจไหมเคเซีย ฉันมีนัด”
“เคเค แล้วมีนัดกับใคร”
“โอ้ยยยไอ้เซียล ฉันรีบ แค่นี้ก่อนนะ ไว้ค่ำๆเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แค่นี้แหละ” หญิงสาวรีบกดวางสาย ยู่ปากด้วยความหงุดหงิด เวลาเหลือน้อยแต่เธอยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลย ใจอยากจะพิถีพิถันแต่งตัวให้ดูสวยดูน่ารักมากที่สุด พี่เขาอุตส่าห์ชวนเธอไปดูหนังด้วยกันทั้งที จะไปแบบเรียบๆไม่สวยได้ยังไง