ตอนที่ 5 หน้ากล้อง
“ดุขนาดนี้เลยเหรอวะ” ผมหดคอมุดลงไปนั่งต่อสายพ่วงคอมพิวเตอร์ ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อ กระทั่งเสร็จแล้วจึงกลับลงมายังแผนกตัวเอง ไม่คิดว่าความดุดันของท่านประธาน จะลามมาถึงแผนกไอทีของผมด้วย
“เกิดอะไรขึ้นพี่” ผมเดินไปสะกิดรุ่นพี่คนหนึ่ง
“ระเบิดลงนะสิ เมื่อเช้าอุตส่าห์รอดตาย ส่วนตอนบ่ายตายหมู่ ไม่รู้คุณนัทไปกินรังต่อหัวเสือที่ไหนมา ฆ่าล้างโคตรทั้งบริษัทเลย คนอะไรวะดุฉิบหาย”
“มึงโทรไปหาฝั่งกระบี่เลยนะ ให้พวกมันแกล้งทำเหี้ยอะไรก็ได้ แล้วรีบเอาตัวคุณนัทกลับกระบี่ไปเลย”
“พวกมันเพิ่งโทรมาบอกผมว่าให้รั้งคุณนัทไว้ที่นี่อีกสัก 3-4 วัน ทางนั้นก็เพิ่งหายใจเต็มปอด”
ผมนั่งฟังพนักงานนินทาท่านประธานจนได้เวลาเลิกงาน แล้วรีบตรงกลับมาห้อง ทันทีเมื่อเปิดประตู ผมเกือบยกโทรศัพท์กดโทรเรียกตำรวจแล้ว เพราะคิดว่ามีโจรโรคจิตบุกเข้ามาข่มขืน
“อื้อคุณ...ใจเย็นสิขอพักก่อน”
“ไม่!”
ขาสองข้างยังก้าวเข้าห้องไม่พ้นโถงทางเดิน แผ่นหลังผมถูกอัดก๊อบปี้เข้าไปติดผนัง เสียงกระดุมเสื้อเชิ้ตขาดดังปึ้ดๆ กระเป๋าสะพายข้างถูกขว้างโยนหายไปทางไหนผมไม่ทันมอง ฝ่ามือหยาบฟาดบีบลงมาบนสะโพกก่อนจะยกผมลอยขึ้นจากพื้น
“จะเอาตรงนี้เลยเหรอ” ผมกดสายตาลงไปมองแท่งเนื้อดุ้นยาว ซึ่งเจ้าของมันถลกร่นขอบกางเกงไหลลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเหมือนตั้งท่ารอผมมานานแล้ว
“ใช่”
“อ๊าก...เบาๆ เจ็บ” ผมแหกปากร้องลั่นเมื่อปากกว้างอ้ากัดลงมาบนกล้ามเนื้อช่วงอก มือหนักบีบก้อนไขมันผสมกล้ามเนื้อทำให้มันเป็นก้อนใหญ่แล้วดูดฟัด ทั้งกัด ทั้งเม้ม เกิดเป็นรอยแดงเกลื่อนตัว สะโพกแน่นกระแทกรัวลงมาจนไม่มีเวลาให้ผมได้พัก เสียงครางจากดังเปลี่ยนเป็นแหบแห้งแทบไม่มีแรงกระดกลิ้น
“พอก่อน ขอเวลานอก” ผมร้องประท้วงหลังจากโงหัวขึ้นมาจากท่าร่วมรักสุดพิสดาร ซึ่งถูกผัวจับกดหัวทิ่มลงไปจนต้องใช้หัวไหล่ยันพื้นรองรับแรงกระแทกที่ผัวตัวแสบตะบี้ตะบันบดเอวลงมาใส่ ผมดีดปลายขาเตะเข้าปลายคางผัว แล้วขยับตัวหนีลงไปนอนในท่าปกติ มือคลึงบีบนวดกล้ามเนื้อช่วงเอวที่เหมือนจะเคล็ดเพราะเล่นท่ายากมากไปหน่อย
“เหนื่อยแล้วเหรอ” ร่างฉ่ำชุ่มเหงื่อขยับปากลงมาลากจูบดูดหัวนมผมไม่หยุด
“เหนื่อยสิถามได้ เอวเคล็ดหมดแล้ว พรุ่งนี้ผมยังต้องไปทำงานอีกนะ คุณเล่นท่ายากแบบนี้ ถ้าพรุ่งนี้ผมต้องเดินขาถ่างไปทำงานนะ ผมจะโกรธคุณ”
“ก็เธอยั่วฉันก่อนนี่เมื่อตอนเที่ยง รู้หรือเปล่าฉันนั่งปวดหัวไมเกรนทั้งวัน เพราะเธอไม่ยอมให้ฉันทำ รู้หรือเปล่าว่าฉันทรมานมากแค่ไหน” หน้าบึ้งปากคว่ำก้มลงมามองผมเหมือนตัดพ้อ
“แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังครับ...โถ โถ โถ น่าสงสารจังเลย จุ๊บ” ผมถามอย่างห่วงใยแฟนหนุ่ม แล้วเอียงแก้มแข็งๆ นั้นมาจุ๊บเสียหนึ่งทีเป็นการง้อ
“อืม”
“ถ้าอยู่ห้องก็ว่าไปอย่างจะให้เอาไม่ขัดขืนเลย แต่นั่นมันที่สาธารณะจะมาปล้ำ มาปี้กันมันไม่เหมาะนี่ครับ แล้วนี่ออกไป 2 น้ำแล้วสบายตัวขึ้นแล้วใช่หรือเปล่า หิวข้าวมั้ยผมจะโทรลงไปสั่งอาหารให้”
“อยากเอาอีก” แฟนหื่นแอบอ้อนขอซ้ำกิจกรรมบริหารกล้ามเนื้อส่วนเอว
“เอาอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ผมหิวข้าว ปลาดิบเมื่อกลางวันมันย่อยหมดแล้ว แถมเมื่อกี้ยังใช้พลังงานไปหลายพันแคลอรี่ เพราะฉะนั้นกินก่อนครับ คุณด้วย...เมื่อกลางวันกินข้าวไปนิดเดียวเอง ไม่ดื้อนะครับบบบบบ” ผมใช้ไม้อ่อนอ้อนผัวเพื่อเอาตัวรอด ส่วนหนึ่งเพราะผมเองก็ต้องการพักและอีกส่วนก็เป็นห่วงคนหื่นนั่นแหละ
"โอเค พักก่อนก็ได้"
"น่ารักที่สุดเลย แฟนใครนะเนี่ย" ผมยื่นจมูกไปหอมแก้ม ขยับลุกขึ้นมานั่งจากนั้นเดินไปตามเก็บเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งเรี่ยราดเต็มพื้นห้อง แล้วเดินประคองกอดเอวผัวพาเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อย
“ผมไปทำงานก่อนนะ” ผมเขย่งปลายเท้ายืดตัวขึ้นไปหอมแก้มแฟนหนุ่มตรงหน้าประตูห้อง
“ตอนเที่ยงฉันไปรับทานข้าวนะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“อือ...ผมไม่ค่อยรู้ว่าแถวนี้มีร้านอะไรอร่อย คุณหาแล้วกันผมกินได้หมด”
"ถ้าอย่างนั้น กลับมากินข้าวที่ห้องกัน"
"รู้นะคิดอะไร" ผมยักคิ้วอย่างรู้ทัน
"ถ้ารู้อย่างนั้นโอเคมั้ยล่ะ"
"เดี๋ยวมันยาว ผมต้องกลับไปทำงานอย่าลืมสิครับ อีกอย่างเมื่อเช้าผมอุตส่าห์ตื่นมาขี่ม้าก้านกล้วยให้ไปตั้งรอบหนึ่งแล้ว ให้ผมพักบ้างสิ"
"โอเค ถ้าอย่างนั้นเที่ยงนี้ฉันจะให้รางวัลเธอด้วยอาหารมื้อพิเศษ"
ผมเดินฮัมเพลงอย่างมีความสุขออกจากคอนโด ก่อนความสุขของผมจะมาสะดุดแล้วระเหยหายไปตอนที่เข้ามาเจอหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานนั่งเอาพวงมาลัยดอกไม้กับธูปกำใหญ่ไหว้ศาลพระภูมิหน้าตึก
“ทำไรกันพี่”
“บนให้โรงแรมที่กระบี่มีปัญหา ท่านประธานจะได้รีบกลับไปไวๆ”
“หา...ขนาดต้องบนกันเลยเหรอ”
“เออ เมื่อเช้า เลขาคุณนัทไลน์เข้ากลุ่ม บอกว่าวันนี้มีเรียกประชุมด่วนอีกแล้ว ฉิบหายเอ๊ยกูตายเกิด ตายเกิด ไม่ได้ผุด ได้เกิดกันสักที สาธุ รถเครนพัง แบ็คโฮชน คนงานขี้แตก อะไรก็ได้แต่ท่านช่วยเอาท่านประธานกลับกระบี่ไปเร็วๆ นะครับ ผมจะมาถวายน้ำแดงสัก 10 ขวด ไอ้วีมาช่วยกันบนสิวะ” คนพูดยกธูปกำใหญ่ที่มีควันโขมงปักลงไปในกระถางทราย
“อ่อ...ครับ” ผมนั่งลงยกมือไหว้ศาลตามรุ่นพี่แล้วช่วยอธิษฐานว่าขอให้ไอ้ท่านประธานมันรีบๆ ไป เพราะทุกคนจะได้เลิกประสาทแดกแบบนี้สักที
“วันนี้ฉันไม่ได้กลับไปนอนด้วยนะ” เจ้าของสีหน้าขรึมเอ่ยเสียงเข้มระหว่างมื้อเที่ยง
“ทำไมล่ะ”
“ฉันมีงานด่วนต้องรีบไปเคลียร์ กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วจะรีบบินไปเลย”
“อ้าว แล้วคืนนี้ผมจะนอนกอดใคร”
“ฉันเคลียร์งานเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหา อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”
“ก็ต้องได้แหละ แล้วคุณจะไปกี่วัน”
“คงสัก 3-4 วัน บัตรเครดิตนี่เอาเก็บไว้ใช้นะ อยากได้อะไรก็รูดซื้อเอา” บัตรเครดิตสีเงินเงาวับ มีตราธนาคารชั้นนำเด่นหราพร้อมสถานะ WISDOM ถึงผมจะไม่ใช่สายช้อปปิ้ง แต่พอรู้ว่าไอ้บัตรนี้มันต้องดีกว่าบัตรเครดิตทั่วไปแน่ๆ
“คุณให้ผมใช้จริงเหรอ”
“ฉันบอกเธอแล้วนี่ว่าฉันไม่ยอมให้แฟนฉันลำบากหรอก”
“ทำไมที่รักถึงได้น่ารักขนาดนี้...” ผมคลานมุดลงไปใต้โต๊ะเพื่อโผล่หัวขึ้นไปนั่งตักแล้วฟัดจูบแฟนเป็นรางวัลให้ความใจป้ำ ใจป๋า
“แล้วฉันจะโทรหานะ”
ตอนบ่ายบรรยากาศในออฟฟิศกลับเข้ามาอยู่ในโหมดสดใสอย่างเดิม ทุกคนยิ้มแย้มพูดคุยกันร่าเริง เมื่อรู้ว่าการประชุมช่วงบ่ายของท่านประธานถูกเลื่อนออกไปผมถึงได้ร้องอ๋อ เกือบถึงเวลาเลิกงานแล้วที่ผมถูกรุ่นพี่ตะโกนบอกให้ยกกล่องเครื่องมือลงลิฟต์ไปช่วยดูคอมพิวเตอร์ให้สาวๆ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เนื่องจากมีการโทรแจ้งเข้ามาว่าคอมพิวเตอร์มีปัญหา
“เรียบร้อยครับ” ผมคลานออกมาจากใต้โต๊ะหลังจากเข้าไปเปลี่ยนสายพ่วงสัญญาณที่มันคงถูกใครเตะหลุดไปเท่านั้น
“ขอบคุณนะ อืมมม....เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเหรอ เอมก็เพิ่งมาทำงานได้ 2 วันเหมือนกันนะ” สาวสวยหน้าตาน่ารักยืนยิ้มหวานให้ผม
“ครับ ผมมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว”
“กวี...ชื่อเพราะจัง”
“อ๋อ ขอบคุณครับ” ผมก้มลงมองป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนคอก่อนจะยิ้มให้ หญิงสาวที่ป้ายชื่อด้านหน้าเขียนว่า "เอมอร"
“เราชื่อเอมนะ กวีเพิ่งเรียนจบหรือเปล่า”
“อืม เพิ่งจบปีนี้แหละ”
“เหมือนกันเลย จบจากที่ไหนเหรอ”
".............."
ตั้งแต่ผมมาทำงานที่นี่ได้อาทิตย์กว่า นอกจากฝ่ายบุคคลที่ซักประวัติผมแล้วก็คงเป็น “เอม” พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่คนนี้แหละที่ถามผมทุกเรื่อง
“กวี”
“หือ”
ผมหันหลังกลับมามองเจ้าของมือที่ยื่นมาสะกิดหลัง ขณะกำลังจะเดินกลับคอนโด สาวสวยฝ่ายประชาสัมพันธ์ยืนยิ้มยิงฟันขาวอยู่ข้างรุ่นพี่หน้าสวยอีกคน
“พักอยู่ไหนเหรอ”
“อ๋อ ผมอยู่นั่น” ผมชี้นิ้วไปทางคอนโดสูงที่อยู่ห่างไปไม่ถึงร้อยเมตร
“จริงดิ คอนโดนั้นเหรอ” รุ่นพี่สาวอีกคนทำตาโตแล้วถามย้ำ หันมองกลับไปยังคอนโดสูงลิบ
“ครับ....ทำไมเหรอ”
“โห เจ๋งอะ พี่แอบส่องคอนโดนี้บ่อยๆ ตั้งแต่มันเริ่มสร้าง เขาว่าหรูมาก แพงมากด้วยใช่มั้ย พี่เคยคิดจะซื้อแต่สู้ราคาไม่ไหว”
“เอ่อ ผม...กลับห้องก่อนนะครับ” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วรีบเดินหนีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ใครจะไปรู้วะว่าแพงหรือไม่แพง ส่วนหรูหรือเปล่าถ้าตอบว่าหรูมากก็จะกลายเป็นผมขี้อวดไปอีกเพราะฉะนั้นไม่ตอบดีกว่า
ปานัท : จะนอนหรือยัง // หน้าจอโทรศัพท์เผยให้ผมเห็นเจ้าของดวงตาคมนั่งทำหน้าขรึม
กวี : ครับ กำลังจะนอน แล้วคุณล่ะทำงานเสร็จหรือยัง
ปานัท : ยังเลย...คิดถึงมากเลยโทรมาหา // มุมปากนั้นจุดประกายรอยยิ้มออดอ้อนขัดกับหน้านิ่ง
กวี : คิดถึงผมหรือว่า.....คิดถึงอะไรกันแน่ // ผมแกล้งยิ้มยั่วแล้วร่นแขนเสื้อนอน ดึงมันลงไปจนเห็นหัวนมสีอ่อน
ปานัท : ดึงลงอีกได้หรือเปล่า // ลูกกระเดือกแหลมขยับขึ้นลงตามจังหวะการกลืนน้ำลาย คนที่อยู่ไกลสูดลมหายใจลึกเริ่มนั่งไม่อยู่นิ่ง
กวี : คุณปานัทครับบบบบบ คุณไม่อยู่ ผมคิดถึงคุณมากเลย // เสื้อนอนถูกผมถอดลงไปกองไว้ตรงเอว ปลายนิ้วเขี่ยวนเล่นอยู่กับปลายหัวนมแข็ง
ปานัท : กวี
กวี : ครับ
ปานัท : เอากล้องลงไปอีกได้มั้ย
กวี : เอาลงไปอีกเหรอ
ปานัท : อืม....คิดถึง
กวี : …………… // ผมไม่ได้ตอบแต่ใช้ขาเกี่ยวขากางเกงนอนที่สวมอยู่ออกแล้วถอดมาแกว่งไว้ในมือข้างหนึ่ง
ปานัท : วี...
กวี : ครับ
ปานัท : นะครับ...เอากล้องลงอีก ขอดูหน่อย
กวี : หื้อ คุณปานัทจะดูอะไร วีไม่ได้ใส่กางเกงนะ วีโป๊อยู่ // ผมแกล้งพูดยั่ว
ปานัท : ก็นั่นแหละ...ถึงอยากดูไง
กวี : ที่รักครับบบบบ... // ผมลากเสียงยาวพร้อมกดมุมกล้องต่ำลงไปเรื่อยๆ จากใบหน้า ต่ำลงไปลำคอ หน้าอก หน้าท้อง กระทั่งถึงส่วนที่มันเป็นกล้ามเนื้อมัดเอ็นที่ถูกมือผมขยำปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาชั่วพริบตาเดียว
ปานัท : วี...
กวี : รีบกลับมาหาวีนะครับ
ปานัท : ………. // ผมหันหน้าจอกลับมาเพื่อมองหน้าแฟน เห็นปากเม้มแน่นสนิทเข้าหากัน สันกรามขึ้นสันเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาเป็นริ้วๆ
ผมย้ายโทรศัพท์ เอามันไปวางพิงได้กับกองผ้านวมตรงปลายเตียง กดมุมกล้องเฉียงลงจนมองเห็นตรงกลางระหว่างขาสองข้าง มือหนึ่งนวดคลึงบีบนมตัวเองเล่น ส่วนอีกมือใช้เคล้นชักรูดดุ้นเนื้อส่วนตัวอวดผัวที่อยู่ไกล
กวี : อ่าส์...ที่รักครับ คิดถึงจังเลย
ปานัท : คิดถึงเหมือนกัน...กวีครับ ขยับมาใกล้ๆ หน่อย // ปากสั่นเอ่ยเสียงพร่าออกมาเหมือนคนเพ้อ
กวี : ใกล้แค่นี้พอมั้ย // ผมขยับไปใกล้จนปลายแท่งเนื้อเกือบจะทิ่มเลนส์กล้องโทรศัพท์
ปานัท : อยากจัง
กวี : อยากเหมือนกัน...ที่รักครับ รีบกลับมาหาวีนะ // ผมเร่งมือขยับจากจังหวะช้าๆ ให้มันเร็วขึ้นเรื่อย เสียงครางที่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งดังกระเส่าขึ้นแข่งกับเสียงมือเวลามันครูดไปกับท่อนเนื้อแข็ง
ปานัท : วี!
กวี : อ๊า....โอ๊ยยยยย // ให้ทุกข์แก่ท่าน ความเสียวนั้นทรมานมาถึงตัวเอง ผมนั่งเกร็งจนแขนขาแทบเป็นตะคริว ข้อมือสับรูดรัวจนหัวมนเผลอแทงทิ่มเข้าไปชนกล้องมือถือเสียหลายรอบ
ปานัท : …………
กวี : ปานัท...ที่รัก...อ่าส์ // ผมเด้งสะโพกลอยขึ้นมาชักมืออยู่ 2-3 ทีตามองน้ำขุ่นที่มันพุ่งปรี๊ดกระฉอกเปรอะเต็มหน้าจอโทรศัพท์ ขาวเป็นเมือกเต็มไปหมด
ปานัท : เซ็กซี่จัง // ยิ้มพอใจกับลมหายใจผ่อนเข้า ผ่อนออกหนักๆ เหมือนคนอีกฟากกำลังพยายามข่มอารมณ์ไว้
กวี : โทรศัพท์ผมจะพังมั้ยเนี่ย น้ำแตกเต็มจอเลย
ปานัท : พรุ่งนี้เอาบัตรฉันไปรูดซื้อเครื่องใหม่นะ
กวี : พูดจริงปะ ซื้อได้จริงเหรอ
ปานัท : จริง...ถ้าพรุ่งนี้มันเลอะอีก ก็ซื้อใหม่อีก ฉันจะซื้อให้เธอวันละเครื่องยังได้เลย
กวี : เอาอีกยี่ห้อได้มั้ย ผมอยากได้
ปานัท : อยากซื้ออะไรซื้อเลยที่รัก เอารุ่นที่กล้องมันชัดๆ นะ