ตอนที่ 7 ใต้โต๊ะ

2639 Words
ตอนที่ 7 ใต้โต๊ะ ติ๊ด แกร๊ก เสียงระบบปลดล็อกประตูดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก่อนบานประตูหนักจะถูกผลักเปิดเข้ามา แม่บ้านที่ผัวผมจ้างให้มาทำความสะอาดห้องเป็นประจำ เข็นรถประจำตำแหน่งเข้ามายืนมองเราสองคน “ป้ามาทำความสะอาดค่ะ” “ครับ ทำได้เลย” ผมเหลือบหางตามองเอมอรแวบหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายข้างส่วนตัว “วีจะไปไหนเหรอ” “ออกไปข้างนอกน่ะ” “เอ่อ เอม...” “ถ้าเอมจะหาโทรศัพท์ก็อยู่หาต่อไปได้นะ ป้าครับฝากดูแลเพื่อนผมด้วย” “ได้ค่ะคุณวี” “เดี๋ยวสิ วี” “หือ” “เอม ขอลงไปพร้อมวีดีกว่า” "แล้ว...เอมไม่หาโทรศัพท์แล้วเหรอ" "ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นแค่เครื่องสำรองน่ะ" สาวสวยฝ่ายประชาสัมพันธ์ยืนนิ่งมาข้างๆ ขณะลิฟต์เคลื่อนลงมาจนถึงชั้นล่างสุด ผมเห็นจากหางตาเหมือนเอมมีอะไรบางอย่างอยากพูดกับผม แต่ไม่กล้า ตากลมกวาดมองตั้งแต่หนังหัวของผมลงไปจนถึงรองเท้าผ้าใบ สายตาเหมือนสงสัยแต่ไม่กล้าถาม อาจเพราะเอมคงเห็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมของคุณปานัทในตู้แขวนจนเต็มราว แต่ผมดันเลือกเอาเสื้อยืดตัวละ 199 มาใส่ล่ะมั้ง "มีอะไรหรือเปล่า" "วีแต่งตัวแบบนี้ดูติดดินดีนะ แล้วจะไปไหนเหรอทำไมไม่ขับรถไปล่ะ" “กลับบ้านไปหาแม่ วีไปก่อนนะ” ผมยกมือโบกแท็กซี่ซึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดแล้วขึ้นรถไปทันทีไม่ได้ใส่ใจตอบคำถามเพราะเห็นว่ามันไม่สำคัญ “ไงไอ้วี นึกว่าได้ผัวแล้วจะลืมแม่ซะอีก” “ลืมได้ไงล่ะ นี่แม่ทั้งคนเชียวนะ” ผมเอากระเป๋าไปแขวนไว้กับตะขอติดผนังห้อง แล้วเดินไปหยิบผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ซึ่งซักอบมาใหม่ๆ ขึ้นมาจากตะกร้า สะบัดกางออกแล้วช่วยแม่รีดผ้าตามหน้าที่เหมือนที่เคยทำมานานหลายปี “แล้วผัวมึงเป็นไงมั่ง เขาดีมั้ย” “อืม...ก็ดีนะแม่” “เออ เขาดีด้วยก็ดีแล้ว เออมึงมาก็ดีเดี๋ยวเดินไปร้านค้านะ ซื้อน้ำแดงกับพวงมาลัยดอกดาวเรืองตรงปากซอยมาไหว้พระพรหมท่านหน่อย ผัวจะได้รัก ผัวจะได้หลง” “ยังต้องบนอีกเหรอแม่” “เออสิวะ บนให้ได้ผัวแล้ว ต่อไปก็บนให้ผัวรัก ผัวหลง แล้วอย่าลืมบนให้ผ่านทดลองงานด้วยล่ะ” “อืม” ผมกำธูปจุดไฟแช็กลนตรงปลาย แล้วเดินไปนั่งยองหลับตาพนมมืออธิษฐานบนบานศาลกล่าวให้กับพระพรหมหน้าโรงแรมที่แม่ผมเคารพรัก นับถือ ปากพร่ำงึมงำเบาๆ “พระพรหมครับ งานใหม่ของผมมันดีมากเลย งานสบาย หัวหน้าดี เพื่อนร่วมงานดี แถมโบนัสปลายปีเขาลือกันว่าได้เยอะมาก ถ้าพระพรหมใจดี ขอให้ผมได้ทำงานที่นี่ต่อไปนานๆ นะครับ ให้อยู่ไปจนเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการเลยก็ได้ แล้วไล่ผู้จัดการฝ่ายผมไปอยู่แผนกอื่นแทน หรือส่งแกไปอยู่สาขาอื่นก็ได้ แล้วก็...พระพรหมครับ ผมคิดถึงผัว...ขอให้ผัวผมรีบกลับมาได้หรือเปล่า ผมนอนชักว่าวจนเมื่อยมือไปหมดแล้ว อยากนอนกอดผัว...สาธุ..เหี้ย เหี้ย เหี้ย ผัวมา” ผมลืมตามาเจอผัวยืนจ้องหน้าอยู่ใกล้ๆ “ไหว้ขออะไร” “ขอผัว” ผมกระโดดลุกขึ้นยืนเอาธูปไปปักในกระถางทรายแล้ววิ่งเข้าไปกอดผัวด้วยความดีใจ จนลืมอายว่าตอนนี้เรายืนอยู่กันหน้าโรงแรมที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา แม้ว่าส่วนมากแขกที่มาเข้าพักจะเป็นฝรั่งและชาวต่างชาติก็เถอะ “ขอผัว?” “ใช่ ขอให้คุณกลับมาเร็วๆ” “อยากให้ฉันกลับมาเร็วๆ ทำไมต้องไปขอพระพรหม แค่ยกหูโทรศัพท์ แล้วบอกให้ฉันรีบกลับ เท่านี้ฉันก็มาแล้ว” ผมพาแฟนไปสวัสดีแม่ จากนั้นอยู่คุยกันอีกนิดหน่อย คุณปานัทจึงพาผมออกมากินมื้อเที่ยงแสนอร่อย เดินช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวจำพวก ครีมอาบน้ำ ครีมโกนหนวด โรลออน น้ำหอม แถมได้กระเป๋าสะพายใบใหม่ที่ราคาแพงจนผมไม่กล้าแม้แต่จะมองป้ายราคามัน “เมื่อคืนเมามากเหรอ” “อืม จำไม่ได้เลย เมาทีไรภาพตัดทุกที โชคดีหน่อยที่เมาอยู่ห้อง ไม่อย่างนั้นคงได้ลงไปนอนกลิ้งข้างถนนแน่เลย” ผมเอนตัวลงไปนอนซบอกผัวภายในอ่างอาบน้ำหลังจากเราเล่นรักกันจนน้ำแตกหมดเรี่ยวหมดแรง พื้นห้องน้ำเจิ่งนองเปียกแฉะเต็มไปหมด “นอนกลิ้งข้างถนน น่ะฉันไม่ห่วง...แต่ถ้าเผลอลงไปนอนข้างใคร...ฉันเอาตายนะ ขอเตือนเอาไว้ก่อน” "นี่คุณจะฆ่าเมียอย่างผมได้ลงคอเชียวเหรอ" "เปล่า...ฉันจะฆ่าคนที่มันกล้ามายุ่งกับเมียฉัน ส่วนเธอ...คงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปสัก 7 วัน 7 คืน" “โทรศัพท์เครื่องนี้...ของใคร” คุณปานัทพยักหน้าไปทางโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งซึ่งวางอยู่บนราวระเบียง “เอ๋...สงสัยของเอมมั้งครับ เห็นมาตามหาอยู่เมื่อวาน คุณเจอมันตรงไหนเหรอ....เฮ้ยยยย” ผมกระโจนวิ่งมาเกาะราวระเบียงกันตก ชะโงกหน้าลงไปมองโทรศัพท์เครื่องเล็กที่ลอยละลิ่วปลิวละล่องตกลงไปในอากาศ ก่อนจะหายวับกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนลานซีเมนต์ ส่วนของลานจอดรถด้านล่าง จากนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งขับมาเหยียบทับมันซ้ำอีกที “คุณปานัท...โทรศัพท์” “บอกเขาแล้วกัน ครั้งหน้าให้ระวังหน่อย อย่าเที่ยวมาลืมของในห้องคนอื่น” หน้านิ่งแต่เหี้ยมเกรียมทำน้ำลายผมเหนียวจนฝืดคอ “เอ่อ...ครับ” “ฮัลโหล ล็อบบี้ใช่มั้ย ผมปานัท...บังเอิญผมทำโทรศัพท์ตกลงไปตรงลานจอดรถ คุณช่วยให้ใครตามไปเก็บซากให้ที แล้วก็ฝากไว้ที่ล็อบบี้นั่นแหละ เดี๋ยวเจ้าของเขาจะมารับเอง” สีหน้าเย็นชากับน้ำเสียงไร้อารมณ์ที่ผมไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที “คุณปานัท หึงเหรอครับ” ผมเลิกสนใจโทรศัพท์ชะตาขาดเครื่องนั้น แล้วมาหย่อนก้นนั่งลงบนตักใหญ่ มือจับหูแก้วกาแฟดำแล้วยกมาป้อนให้แฟนจนถึงปาก “ในโลกนี้ฉันใจดี กับคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้น พี่เขยฉัน พี่ชายฉัน น้องชายฉัน หลานๆ แล้วก็เธอ ส่วนคนอื่น...ฉันไม่สน” “เพิ่มแม่ผมอีกคนได้มั้ยที่คุณจะใจดีด้วย...นะ” ผมเอียงตัวลงไปซบไหล่กว้าง กอดเอวหนาอย่างประจบ “วี...” เอมอรวิ่งมาดักหน้าก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปในลิฟต์ “หือ” “เย็นนี้เอมไปห้องวีได้มั้ย เอมหาโทรศัพท์ไม่เจอจริงๆ นะ” “อ๋อ...เกือบลืมไปเลย โทรศัพท์เอมมัน...น่าจะตกลงมาจากห้อง เอมเอาไปวางไว้ตรงระเบียงหรือเปล่า รปภ.เขาเก็บซากโทรศัพท์ได้ อยู่ตรงลานจอดรถข้างล่าง เห็นเขาเขียนประกาศตามหาเจ้าของอยู่ เอมลองไปดูสิ” “ห๊ะ!” “วีไปก่อนนะ” ผมกระตุกยิ้มเห็นใจแล้วรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที “วุ่นวายอะไรกันอีกวะพี่” ผมเดินเข้ามาภายในส่วนของแผนกไอทีแล้วจับสังเกตความโกลาหลได้ในทันที “พ่อมึงมาอีกแล้วน่ะสิ” “ท่านประธาน นะเหรอ” “เออ...เช้านี้เรียกประชุมต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว เหี้ยเอ๊ย...” “พี่ด่าท่านประธานว่าเหี้ยเหรอ” “กูอุทาน” “อ๋อ...แล้วไป” ผมนั่งมองหัวหน้าหันไปร้องสั่งงานอะไร 2-3 อย่างกับรุ่นพี่จากนั้นนั่งหน้านิ่วคิ้วผูกโบรื้อค้นเอกสารกับพิมพ์อะไรก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ดูร้อนรนมาก “เป็นไงล่ะ ตั้งนานไม่ทำมาหูแหกตาแหกเอาเวลานี้” รุ่นพี่คนหนึ่งนั่งหัวเราะ “ใครจะรู้ว่าพ่อมึงจะโผล่มาวันนี้ เห็นทุกทีมาประมาณวันพุธ พฤหัสฯ” “เอ้า....ไอ้เหี้ยยยยย” พี่อีกคนร้องขึ้นมาจนทุกคนต้องหันไปมอง “อะไรอีกวะ” “น้องเอมโดนย้ายไปโรงแรมต่างจังหวัดว่ะพี่” “ฮะ!” “เออจริงๆ พี่เปิดเมล์บริษัทดิ ฝ่ายบุคคลเพิ่งส่งเข้ามาเมื่อกี้เอง” “ปาณัท...ปาณัท...ปานัท...เหี้ย! ณ.เณรขวักไขว่ หรือว่า น.หนู ทับถมวะ” ผมอ่านชื่อคนลงนามท้ายเอกสารโยกย้ายพนักงานแล้วขนลุกซู่ขึ้นมาทันที “อะไรของมึงอีกไอ้วี เหี้ยเยอะเหลือเกินนะแผนกกูเนี่ย” หัวหน้าผมร้องตะโกนมาจากด้านหลัง “เปล่า....ไม่มี...ไม่มีเหี้ยอะไรเลย...หมายถึงสมองกูเนี่ยไม่มีเหี้ยอะไรเลย” พอดีกับเสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะส่วนกลางสำหรับการแจ้งบริการงานของแผนกดังขึ้น ผมจึงยื่นมือออกไปรับพร้อมกับคำบอกล่าวว่า “ท่านประธาน” ต้องการให้แผนกไอทีเข้าไปเชื่อมสัญญาณจอภาพในห้องประชุม ผมหันไปมองสภาพความวุ่นวายของทั้งหัวหน้า ผู้จัดการและรุ่นพี่ที่กำลังกุลีกุจอช่วยกันเตรียมเอกสารสำหรับเข้าประชุมด่วนกันชนิดผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจึงตกปากรับคำว่าจะขึ้นไปดูให้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาใน “ห้องเย็น” ซึ่งเปรียบดั่งลานประหาร ของเหล่าผู้จัดการหัวหน้าฝ่ายตามที่คนเขาเล่าๆ กันมา ห้องประชุมใหญ่หรูหราจุคนได้น่าจะมากกว่า 50 คน หากนับคร่าวๆ ตามจำนวนเก้าอี้ หัวมุมสุดเก้าอี้ตัวใหญ่ คงไม่ใช่ของใครที่ไหน นอกจากตำแหน่งของ “ท่านประธาน” จอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ถูกผมต่อสายพ่วงให้แล้วปรับให้มันอยู่ในระยะที่พอเหมาะพอดี “เสร็จหรือยัง” “หา...เฮือกกก เหี้ย เอ๊ยยยย” ลางสังหรณ์ สังเห่า ของผมที่นั่งอ่านชื่อท่านประธานเมื่อเช้าในใบคำสั่งย้ายเด็กฝึกงานฝ่ายประชาสัมพันธ์มันดันกลายเป็นความจริง คนที่ยืนดูดปาก บีบตูด ผมก่อนมาทำงานเมื่อเช้ามายืนหน้านิ่งอยู่ภายในห้องประชุม ทีนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมทุกคนถึงเรียกมันว่าห้องเย็น เพราะตอนนี้ผมเองก็หนาวยะเยือกไปตลอดแนวกระดูกสันหลังไม่ต่างกัน “หื้อ” ผมก้าวเท้าถอยเอาแผ่นหลังไปแปะผนังห้องเลียนแบบจิ้งจก “ตกใจอะไร” “นี่...ผมมีผัวเป็นท่านประธานบริษัทเหรอ” “แล้วไม่ดีหรือไง ทำไมทำหน้าเหมือนไม่ดีใจเลย” “ก็...” ก็จะบอกยังไง ถ้าเป็นประธานบริษัทที่ใครๆ ก็รักมันก็อีกเรื่อง นี่ฉายา หล่อแบบเทพบุตร ดุเหมือนยมบาล ชื่อเสียง กิตติศัพท์แต่ละอย่างดีๆ ทั้งนั้น แล้วเมื่อยิ่งย้อนนึกไปถึงโทรศัพท์ของเอมกับใบโยกย้ายเมื่อเช้า ผมจะเอาอะไรมายิ้มได้ นี่ถ้าวันไหนผมทำอะไรไม่ถูกใจ พ่อคุณพ่อขนุนหนังนี่ขึ้นมา ผมจะถูกเชือดให้อยู่ในสภาพไหนยังเดาไม่ออกเลย “ก็อะไร” ท่านประธานตัวใหญ่เดินเข้ามาดึงผมไปกอดก่อนจะหอมแก้มแรงๆ “อื้อ เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น” “คนเห็นแล้วไม่ดีเหรอ เป็นแฟนท่านประธานเท่จะตาย” เท่ตายล่ะ...จะโดนหยุมหัวแทนท่านประธานน่ะสิไม่ว่า ถ้าหากวันไหนใครถูกท่านประธานด่ามาแล้วสู้ไม่ได้ ผมจะกลายเป็นกระโถนที่รองรับอารมณ์คนพวกนั้นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย “ไม่เอาหรอก ผมขออยู่เงียบๆ ดีกว่า” “ไม่เปิดตัวหน่อยเหรอ” “ไม่เอาครับ” “ถ้าอย่างนั้น มานี่สิ” มือนุ่มจูงผมมานั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง นิ้วแข็งเริ่มบดบีบไปตามจุดสยิวต่างๆ บนร่างกาย “ที่รัก เดี๋ยวคนเห็น” ผมเบี่ยงหัวนมหลบปลายนิ้วมือที่ขยี้มันจนเผลอร้องครางออกมา ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นพล่านพุ่งตรงจากยอดหัวนมลงไปปลายถุงอัณฑะ “อยาก” “มาอยากอะไรตอนนี้เล่าครับ นี่มันที่ทำงาน” “ก็ฉันอยาก...” หน้านิ่งตอบเสียงอย่างจริงจัง แกรก เสียงเปิดประตูดูดผมมุดลงไปหมอบอยู่ใต้โต๊ะตัวใหญ่ โชคดีที่ข้างใต้เป็นแผ่นไม้ทึบและกว้างขวางมากพอให้ผมลงไปนั่งขัดสมาธิได้อย่างสบาย จากนั้นหูแว่วได้ยินเหมือนเสียงคนนับสิบเดินเรียงแถวเข้ามาพร้อมคำกล่าวทักทายสวัสดีท่านผู้บริหารใหญ่ที่นั่งเอามือบีบไข่อยู่ตรงหน้า ผมนั่งเอาคางเกยขาผัว เงี่ยหูฟังเสียงเลขาเปิดประชุมจากนั้นก็เป็นพวกผู้จัดการฝ่ายต่างๆ รายงานผลนู่น นี่ นั่น ฟังแล้วปวดหัว มือข้างหนึ่งยื่นลงมาเกลี่ยแก้ม ผมจึงแกล้งกัดเล็บแข็งๆ นั้นก่อนจะจูบมันซ้ำๆ หลายหน คนที่นั่งหน้านิ่งเหมือนรูปปั้น ถูกผมขยำเป้ากางเกงจนแท่งเอ็นข้างในมันดันเนื้อผ้าพองใหญ่อูมนูนขึ้นมาเห็นเป็นลำเป็นปล้อง “คุณนัทมีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อท่านประธานทำเสียงกระแอมแทรกขึ้นมา “เปล่า...ทำต่อเลย” ผมไม่มั่นใจไอ้คำว่า “ต่อเลย” นั้นคุณปานัทบอกผม หรือว่าบอกคนในห้องประชุม แต่จะบอกใครก็ช่าง ตอนนี้ผมอยากแกล้งพ่อคนขรึม ซิปกางเกงถูกผมค่อยๆ ดึงรูดลงมาจนสุด มือล้วงเข้าไปควักเอาดุ้นเนื้ออันใหญ่ออกมาแล้วจูบหัวทักทายมันอย่างสนิทสนม “ฮัลโหล...” ผมกระซิบให้ไอ้งูตาเดียว ลิ้นเรียวชอนไชแหย่ลึกเข้าไปในรูเล็กที่กำลังมีน้ำหวานฉ่ำเยิ้มไหลออกมาเป็นเมือกใส ส่วนหัวหยักความยาวสักหนึ่งนิ้วถูกอมดูด อมดูด ผลุบเข้า ผลุบออก2-3 รอบก่อนที่มือหนักจะเอื้อมลงมาใต้โต๊ะแล้วจับหัวผมกดทะลวงท่อนเนื้อความยาวสิบเอ็ดนิ้วแทงลึกทีเดียวเกือบไหลลงกระเพาะ “อ๊อก” “คุณนัทมีอะไรหรือเปล่าคะ” “เอ่อ...ถอยหลังไปสไลด์ก่อนหน้านั้นอีกที พอดีผมฟังไม่ถนัด” เสียงขรึมยังคงเรียบเฉยขัดกับกิจกรรมเร่าร้อนใต้โต๊ะ ผมนั่งคุกเข่าทั้งดูด ทั้งเลียทุกอย่างที่มันอยู่ตรงกลางหว่างขาผัวจนน้ำลายฉ่ำเหนียวลื่นยืดเต็มไปหมด จนเมื่อแว่วได้ยินเหมือนกำลังสรุปการประชุมช่วงเช้า ผมจึงเร่งฝีปากใช้พลังลมปราณทั้งหมด ดูดพลังจากผัวให้มันกลั่นออกมาเป็นน้ำ “อึ้ก” มือหนักขยำเส้นผมบนหัวแล้วกดหน้าผมจมลงไป กลางหน้าผากโขกเข้ากับหัวเข็มขัดแข็ง เจ็บเกือบตายแต่ดิ้นไม่ได้เพราะกลัวว่าคนข้างนอกจะสงสัย “คุณนัทมีอะไรจะกล่าวเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ” “ไม่มี...ไปทานข้าวกันเถอะ เอาไว้บ่ายนี้ค่อยว่ากันอีกที” น้ำเสียงราบเรียบเหมือนผิวน้ำกลางทะเลสาบ หากแต่ลาวาสีขาวขุ่นร้อนระอุปะทุระเบิดลวกคอผมจนแทบสุก “............” ผมทุบกำปั้นลงไปบนหัวเข่าแข็ง เป็นสัญญาณว่าให้แฟนช่วยปล่อยมือแต่ดูเหมือนผมจะไม่ได้รับอนุญาตให้คายสิ่งที่มันลื่นไหลลงไปในคอออกมา “เชิญทุกคนลุกได้เลยครับ ผมมีงานต้องเคลียร์ต่อในห้องนี้อีกสักพัก เชิญทุกคนออกไปได้” “เอ่อ...คุณนัทจะให้โทรจองร้านอาหารหรือเปล่าคะ” “วันนี้ไม่ต้อง ผมจะกินในห้องนี้” “ถ้าอย่างนั้น...ให้โทรสั่งอาหารมั้ยคะ” “ไม่ต้อง...ผมมี...อาหารเที่ยงของผมแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD