“คุณเก้าจะรับอะไรดีคะ”
หญิงสาวเปิดเมนูพลิกอ่านแต่ก็เจอกับสายตาดุ ทำให้จำใจต้องสั่งมาให้เขา อย่างที่เลขาที่ดีควรรู้ว่าเจ้านายชอบอะไร อาหารถูกลำเลียงลงกระเพาะ แต่เขาและเธอกินกันไปได้นิดเดียว คงเพราะเลยเวลาหิวจนกินไม่ลง
“คุณจรัลจัดการเรื่องเงินสองล้านให้แม่ของเธอเรียบร้อยแล้วนะ” กฤษกรรวบช้อนและยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“พิ้งค์จะรีบหาเงินมาคืนคุณค่ะ”
“มันคือค่าตัวของเธอ” เป็นประโยคสั้นๆ แต่เธอเจ็บจนจุก
“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบาก จริงๆ พิ้งค์พอมีเงินเก็บอยู่ล้านกว่าบาท พิ้งค์จะนำมาคืนคุณก่อน”
“บอกว่าไม่ต้องยังไงล่ะ” น้ำเสียงขรึมนั่น ทำเอามือบางถึงกับชะงักค้างอยู่ที่แก้วน้ำ
“เธออยากได้สองล้านตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นคนดีปฏิเสธเลย”
พชิรารู้สึกชาไปทั่วใบหน้าราวกับถูกตบ ความร้อนที่ปกคลุมทั่วร่างกายทำให้เธอเหงื่อตก ทั้งที่ภายในร้านก็ดูจะฉ่ำเย็นไปด้วยเครื่องทำปรับอาการขนาดใหญ่
“ฉันได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์กับแม่ของเธอเมื่อคืน” หญิงสาวรู้สึกถึงความแห้งผากในลำคอ
“จริงๆ เธอไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็ได้ แค่บอกขอยืมฉันดีๆ ฉันก็ให้ได้” ไม่มีคำปฏิเสธใดๆ จากปากของเธอ ในเมื่อเขายัดเยียดข้อกล่าวหาให้เสร็จสรรพแล้ว พูดไปมันก็ดูเหมือนแก้ตัว
“ถือเสียว่าเราไม่ได้มีอะไรติดค้างกันอีก คุณก็ทำหน้าที่ของคุณไป”
“ค่ะ” เธอรับคำเบาๆ
“ผมมีนัดต่อกับคุณน้ำ วันนี้ผมไม่รับงานอะไรอีก”
“ค่ะ”
“อีกเรื่อง... ฉันอยากให้เรื่องของเราเป็นความลับ เธอทำได้ใช่ไหม”
ถึงเขาไม่พูดขึ้นมา เธอก็ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เธอไม่เคยคิดจะประกาศให้ใครรู้ว่าได้ขึ้นเตียงกับเขามันไม่ใช่สิ่งที่น่ายกย่อง แต่มันคือความอับอายที่สุดในชีวิต
“ค่ะ และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก” พชิรายืนยันนำเสียงหนักแน่น
“ดี พูดกันง่ายๆ แบบนี้ฉันชอบ”
เขาวางธนบัตรใบสีเทาไว้สองใบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กฤษกรก้มมองคนตัวเล็กที่ยังเอาแต่นั่งนิ่ง เขาจากมาเพราะมีนัดกับธารธารา นางแบบที่สนิทอีกคน และเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีเลขาคอยติดตาม
กฤษกรได้รับโทรศัพท์จากจรัล ทุกอย่างเรียบร้อยดี คนที่มาออกฤทธิ์ออกเดชที่บริษัทของเขาเมื่อช่วงสายหงอเป็นลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง พรประภาตาลุกวาวเมื่อเห็นเงิน อำนาจเงินมันหอมหวานและทำได้ทุกอย่างจริงๆ เห็นทีเขาคงได้เปิดรับเลขาหน้าใหม่เร็วๆ นี้ เพราะพชิราไม่ได้น่ารักอย่างที่คิดอีกแล้ว เธอก็คงเหมือนผู้หญิงอื่นๆ ลูกไม้ตื้นๆ ขึ้นเตียงแล้วก็เรียกร้อง แต่ถามว่าคุ้มไหมกับสิ่งที่เขาเสียไปแล้วได้รับจากเธอมา กฤษกรลอบยิ้มเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่เร่าร้อน เขาไม่เคยหลับนอนกับผู้หญิงพรหมจรรย์ ก็ถือว่าคุ้มอยู่ คิดถึงใบหน้าหวานและหุ่นสะโอดสะองแล้วรู้สึกร้อนไปทั้งกาย เขาลงจากรถฮัมเพลงไปตลอดทาง ไฟภายในคฤหาสน์หรูยังคงสว่างจ้า ทั้งที่เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน
“กลับมาแล้วเหรอ” ชรัตอยู่ที่ห้องรับแขกเอ่ยถามบุตรชายที่กำลังจะเดินผ่านไป
“ครับ ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“รอแกอยู่”
“มีอะไรกับผมเหรอ” กฤษกรมานั่งลงตรงข้ามบิดา
“ฉันได้ยินเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นวันนี้” กฤษกรรู้ว่าคนของบิดาหูตาเป็นสับปะรด เขาไม่มีวันปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ แต่แคร์ที่ไหน
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“ด้วยเงินสองล้าน ฉันว่ามันเยอะไปนะ” ชรัตจ้องหน้าบุตรชาย
“แล้วไปทำอีท่าไหนแม่เขาถึงได้วิ่งโร่มาถึงที่ แล้วยังมาทำนิสัยสถุลชั้นต่ำที่บริษัทฉันอีก” กฤษกรพูดไม่ออก
“ไหนแกบอกว่าไม่ชอบทำตัวเป็นสมภาร แล้วที่ทำอยู่นี่ล่ะ”
คนเป็นพ่อคลี่ยิ้ม แต่กฤษกรรู้ว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มของพ่อที่มีความสัมพันธ์ดีๆ ระหว่างลูก ทว่ามันคือรอยยิ้มสมเพชเขาต่างหาก
“ไล่เลขาคนนั้นของแกออกไป ก่อนที่จะเรียกร้องไปกว่านี้”
“เรื่องนี้ผมจัดการเอง” เขาเหลือบมองคนเป็นพ่อ
“ติดใจ?”
“เปล่า แต่เธอทำงานดีและทำงานเก่งมาก ผมไม่อยากเปลี่ยนเลขา เราทำงานเข้าขากันได้ดี” กฤษกรเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิตส่วนตัว เพราะฉะนั้นถ้าจะมีคนบอกให้เขาไปขวา เขาก็จะไปซ้าย
“แน่ใจเหรอว่าเก่งแค่เรื่องงาน” คนเป็นพ่อหรี่มองบุตรชาย
“ครับ”
เขาตอบรับสั้นๆ จะว่าไปความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อนั้นค่อนข้างแย่ ไม่ได้สนิทสนมอย่างที่คนอื่นเห็น กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นมากั้นกลางตั้งแต่เขาจำความได้นับวันยิ่งก่อตัวสูงขึ้น
“คุณพ่อจะคุยแค่เรื่องนี้ใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว” เขาลุกจากโซฟาตัวยาว
“พรุ่งนี้แกควรจะไปรับหนูพิมพ์ไปกินข้าว ช้อปปิ้ง หรือดูหนังสักเรื่องนะ” กฤษกรล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง
“หนูพิมพ์นาราลูกสาวท่านทูต พ่อให้เลขาจัดการโทรไปนัดให้แกแล้ว ห้าโมงเย็นแกควรไปก่อนเวลา เดี๋ยวจะให้จรัลส่งรายละเอียดให้อีกที” กฤษกรยกยิ้มที่มุมปากเขาจ้องหน้าคนเป็นพ่ออย่างรู้ทันกัน