บทที่ 07 แผนการจับคู่

1712 Words
ตื่นเช้ามาในวันหยุดที่แสนสดใสด้วยการขับรถกลับบ้าน เพราะวันหยุดสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้กลับ ครั้งนี้จึงตั้งใจออกจากบ้านแต่เช้าเพราะกลัวผู้เป็นแม่งอนเสียก่อน รถสปอร์ตสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ ฉันลงจากรถพร้อมกับปรายตามองชายชุดดำแปลกหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่สี่คน ไม่ค่อยมีความแปลกใจเพราะฉันรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนของใคร "สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านด้วยความนอบน้อม ก่อนที่จะเข้าไปนั่งระหว่างป๊ากับม้า โดยที่มีลุงคิณกับป้าแพรนั่งคุยกันพร้อมหน้า ซึ่งท่านสองคนคือพ่อกับแม่ของพี่คีริน "โตเป็นสาวแล้วสวยขึ้นเยอะเลยหนูพาย" ป้าแพรพูดพร้อมกับยิ้มเอ็นดูให้ฉัน "ขอบคุณค่ะ ป้าแพรยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ" "บริษัทเป็นยังไงบ้างล่ะ" ลุงคิณถามฉันต่อ "ช่วงนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวเองค่ะ หนักพอสมควร" ฉันตอบกลับไปตามตรง ตอนนี้ฉันต้องพิสูจน์ให้บอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นทุกคนไว้ใจให้ฉันบริหารบริษัท เพราะฉันยังเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่มีผลงาน มีอีกหลายคนที่กำลังจะจ้องแย่งตำแหน่งฉันทุกเมื่อ "ลุงเชื่อว่าหนูทำได้ ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาตาคีรินได้นะ เราสองคนสนิทกันหนิ" ลุงคิณเสนอลูกชายเขา ฉันว่าต้องใช้คำว่าเคยสนิทกันมากกว่า เพราะตอนนี้ฉันไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ "จริงด้วย คีรินก็เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทที่หนูบริหารอยู่หนิ เราได้เจอพี่เขาหรือเปล่า" ม้าหันมาถามฉัน "ก็...เจอกันบ้างค่ะ" "พี่แพรก็ชวนคีรินมาทานข้าวเย็นด้วยกันสิ จะได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากัน" ม้าเสนอความเห็น เป็นอย่างเดียวในตอนนี้ที่ฉันไม่เข้าข้างเลยสักนิด ฉันอยากหายหน้าไปในตอนนี้เลย "ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวพี่จะลองโทรดู" ป้าแพรพูดขึ้นแล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ฉันได้แต่กุมมือภาวนาในใจอย่าให้เขามา ขอให้เขางานยุ่ง ติดธุระ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมาที่นี่... และแล้วป้าแพรก็เดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นเช่นนี้... "คีรินบอกเดี๋ยวจะรีบมา" ให้ตายเถอะ...ทำไมฉันถึงขอแล้วมันกลับได้ตรงข้ามกันเลยนะ จะหนีกลับก็เสียมารยาท จะอยู่ต่อก็ลำบากใจ ยัยพะพายทำบุญด้วยอะไร เลือกเวลากลับบ้านได้ถูกจังหวะจริงๆ พวกผู้ใหญ่ก็นั่งคุยเพื่อรอเวลาทานข้าวเย็น คุยกันสนุกคอในขณะที่ฉันนิ่งไปเมื่อรู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับคนที่ฉันไม่อยากเจอ จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เสียงฝีเท้าหนักก็เดินเข้ามาในห้องรับแขก พร้อมกับยิ้มทักทายผู้ใหญ่ทันที "สวัสดีครับ" ผิดคาดที่ฉันเงยหน้าขึ้นกลับไม่ใช่พี่คีริน แต่กลับเป็นเฮียพร้อมที่เดินเข้ามายิ้มระรื่น ฉันที่ใบหน้าบูดบึ้งในตอนแรกเริ่มยิ้มออก แต่ความสุขอยู่กับฉันได้ไม่นานก็ต้องจางหายเพราะผ่านไปไม่กี่วินาทีฝีเท้าหนักของอีกคนก็คนเดินเข้ามา คราวนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากพี่คีริน "สวัสดีครับ" "อ้าว...ตาพร้อมมากับคีรินได้ยังไงล่ะ" "ตอนป้าแพรโทรมาหาคีริน ผมทำธุระอยู่กับมันพอดีครับ" "ปกติไม่ยักเห็นจะกลับบ้าน แล้วอารมณ์ไหนวันนี้ถึงกลับมาได้ล่ะ" "ก็ไม่มีอะไรหนิครับม้า แค่อยากแวะมาทานข้าวกับม้าไง" เฮียพร้อมตอบม้า แต่ม้ากลับส่ายหน้าราวกับไม่เชื่อที่เฮียพร้อมพูด "ก็อารมณ์หวงน้องละสิ" ป๊าพูดขึ้นเบาๆ แต่ฉันที่นั่งข้างๆ ดันได้ยินที่ป๊าพูดทุกคำ "ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะครับ พอดีผมกับพร้อมพึ่งทำธุระเสร็จครับ" "ติดธุระก็ไม่ต้องมาสิ" ฉันอยากตะโกนพูดคำนี้ใส่หน้าเขาเสียจริง แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่เบือนหน้าหนี ไม่สนที่จะจ้องมองใบหน้าของเขาเลยสักนิด "ไม่เป็นไร มากันครบแล้ว เราไปทานข้าวกันเถอะ" ทันทีที่พูจบทุกคนก็แยกย้ายกันไปห้องอาหารใหญ่ ฉันกอดแขนม้าไม่ยอมปล่อย รีบเดินทั้งๆ ที่เห็นว่าสายตาของพี่คีรินมองฉันตลอดเวลา ป๊าฉันรับหน้าที่นั่งหัวโต๊ะ ฝั่งซ้ายก็ม้า เฮียพร้อมแล้วก็ฉัน ฝั่งขวาก็ ลุงคิณ ป้าแพร และพี่คีริน ที่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้เราสองคนต้องมาตรงข้ามกันตลอดเวลา แค่นั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันก็อึดอัดแทบแย่แล้ว "คีรินตักกับข้าวให้น้องสิ" ป้าแพรพูดขึ้น ฉันที่ตอนแรกนั่งก้มหน้าเขี่ยข้าวในจานเล่นเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง พี่คีรินตักกับข้าวให้ฉัน ฉันก็พยักหน้าเชิงขอบคุณ แล้วส่งยิ้มฝืนๆ ให้ แล้วกลับมาก้มหน้าลงอีกครั้ง "พายตักให้พี่เขาบ้างสิ" "คะ?" คนชงเข้มรายที่สองพูดขึ้น เธอคือแม่ฉันเอง ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าคุณหญิงสองคนกำลังจับคู่เราสองคน ฉันตะหงิดใจตั้งแต่ที่ยิ้มกรุ่มกริ่มให้กันตอนชวนพี่คีรินมาแล้ว "พะพายตักไม่ถึงหรอกม้า เดี๋ยวผมตักให้เอง" ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบพี่ชายที่นั่งด้านข้างฉันก็พูดขึ้นเสียก่อน ก่อนที่จะยื่นมือไปตักอาหารที่มีแต่ผักเขียวใส่จานเพื่อนตัวเอง แล้วยิ้มกว้างราวกับต้องการแกล้ง ม้าฉันมองเฮียพร้อมตาขวาง พี่ชายทำหน้าที่ขัดขวางแผนการจับคู่ได้ดีเลยทีเดียว ไม่เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนขี้หวงน้องที่สุด ช่วงเวลาทานข้าวที่แสนอึดอัดผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตลอดเวลาการรับประทานมีแต่ฉันที่เอาแต่หลบสายตาที่มองฉันอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา… หลังทานข้าวทั้งฉันพี่คีรินและเฮียพร้อมกับถูกดึงตัวให้คุยกันต่อ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันก็ทนไม่ไหว เอ่ยขัดออกมาหมายจะรีบออกจากตรงนี้สักที "เอ่อ...ดึกแล้ว หนูขอตัวกลับคอนโดก่อนนะคะ” "ดึกแล้ว ม้าว่านอนที่บ้านไหมพาย" "ไม่เป็นไรดีกว่าม้า พรุ่งนี้หนูต้องรีบเข้าบริษัทแต่เช้า" "เดี๋ยวผมไปส่งน้องเอง" เฮียพร้อมพูดขึ้น ฉันปลื้มในตัวพี่ชายของฉันมาก ช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว "ให้ตาคีรินไปส่งน้องดีกว่า เราอยู่คนละทางกับน้องเลยไม่ใช่หรือไง" ใจคอจะเอาฉันใส่พานถวายให้พี่คีรินให้ได้เลยสินะ "ไม่เป็นไรค่ะ พายเอารถมา" ฉันรีบปฏิเสธม้าทันที "ให้พี่เขาไปส่งน่ะดีแล้วลูก เป็นผู้หญิงขับรถค่ำมืดแบบนี้มันอันตราย เดี๋ยวป้าให้การ์ดขับรถหนูไปส่งให้" ป้าแพรพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเรากำลังเถียงกันอยู่ ฉันเลยหันไปหาเฮียเพื่อขอความช่วยเหลือ เฮียก็ทำหน้าเชิงว่าช่วยอะไรฉันไม่ได้เพราะม้ากับป้าแพร ดักฉันไปซะทุกทางเลย ต้องยอมสินะพะพาย "พายเกรงใจ..." งัดไพ่ใบสุดท้ายพร้อมกับทำหน้ายิ้มแห้งๆ "เกรงใจอะไรลูก พี่เขาเต็มใจไปส่งหนูอยู่แล้ว ใช่ไหมคีริน?" ฉันหันไปมองร่างสูงที่ถูกยิงคำถาม "เต็มใจครับ" จนเจ้าตัวตอบ ทั้งป้าแพรและม้าฉันก็ยิ้มกว้าง จนเป็นฉันที่ต้องยอม เดินคอตกขึ้นรถพี่คีรินตามระเบียบ ฉันย้ายตัวเองมานั่งในรถหรูโรลรอยส์ข้างๆ พี่คีริน ที่มีบอดี้การ์ดของเขาทำหน้าที่ขับรถให้ ในรถตกอยู่ในความเงียบสงัด โดยที่ฉันหันหน้าหนีเขามองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา "ไม่อยากอยู่กับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ?" จนกระทั่งเสียงทุ้มที่พูดทำลายความเงียบ "ค่ะ" ซึ่งฉันก็ตอบไปตามความจริง ตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ จากนั้นบรรยากาศในรถก็กลับมาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศรถที่พอทำให้ความอึดอัดเพลาลงบ้าง ไม่นานรถหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าคอนโด ฉันรีบลงจากรถโดยไม่รอให้เขาพูดหรือฉันที่พูดขอบคุณ ช่างเถอะ...ฉันไม่จำเป็นต้องมีมารยาท รีบหนีจากตรงนี้คือสิ่งที่ฉันอยากทำมากที่สุด ฉันยืนรอลิฟต์หรูอยู่นานสองนาน จนได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมายืนเคียงข้าง จึงรีบหันขวับกลับไปมองทันที "ไม่ต้องขึ้นไปส่ง ฉันไปเองได้" พี่คีรินยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยืนด้านข้าง จนฉันรีบพูดขึ้นแล้วขยับถอยห่างจากเขา "พี่จะกลับห้อง" ติ๊ง! ทันทีเขาพูดจบประตูเหล็กหนาก็ถูกเปิดออก พี่คีรินเดินเข้าไปในลิฟต์หน้าตาเฉย ต่างจากฉันที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่เขาบอก กลับห้อง? เขาอยู่ที่นี่เหรอ? "จะเข้าไหม?" เขาเลิกคิ้วถามฉันที่ยืนนิ่ง จนฉันค่อยๆ ก้าวเข้ามาเขาก็รีบกดปิด แล้วกดเลขชั้นของตัวเองทันที ความสงสัยของฉันถูกเฉลยเมื่อพี่คีรินกดหมายเลขชั้นสูงสุดชั้นเดียวกับที่ฉันอยู่ ต้องใช้ห้องนั้นแน่ๆ ติ๊ง! เสียงลิฟต์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมาถึงชั้นที่ฉันสูงสุด ฉันรีบเดินออกจากลิฟต์ แตะคีย์การ์ดเข้าไปที่ห้องตัวเองด้วยความรีบเร่ง ที่เฮียบอกคอนโดเพื่อนคงเป็นพี่คีรินสินะ เฮียนะเฮีย ทำมาบอกว่าหวงฉัน แต่ก็ฝากปลาย่างไว้กับแมวอยู่ดี มันน่าโมโหจริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD