“อย่าลำบากแกเลยณิช ถ้าฉันไม่ไหวจริง ๆ เดี๋ยวฉันให้พี่ป้าน้าอาแถวนี้เรียกรถแท็กซี่ให้”
ปาลินรู้สึกเกรงใจเพื่อนเธอไม่อยากเป็นภาระของใคร และคิดว่าตัวเองยังไหวอยู่ แม้สภาพจะดูแย่กว่าเมื่อวาน แต่อาการข้างในมันรู้สึกดีขึ้น โดยที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้
“นี่ดูสิรอยช้ำเป็นจ้ำแดง ๆ เต็มแขนไปหมด ที่คอก็มี ไปตบกันอีท่าไหนเนี่ย ทีหลังนะแกถ้าจะไปตบกับอีนี่อีกบอกฉันล่วงหน้าก่อนสิ ฉันจะจัดการมันให้ลงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยทีเดียวเชียว!”
เจ้าตัวที่รู้ถึงที่มาของรอยพวกนั้นถึงกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอไม่ใช่คนโกหกเก่ง ส่วนณิชชยานั้นเป็นคนจับผิดเก่ง เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง จะว่าไปณิชชยาก็เคยเตือนเธอ และเคยสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่สนิทแบบแปลก ๆ ระหว่างศรุตและตีรณา แต่เธอไม่เชื่อและมองมันเป็นเรื่องตลก เป็นไงล่ะ... ตอนนี้ถึงกับตลกไม่ออกทีเดียว แต่จะอย่างไรตั้งแต่เกิดเรื่องมา เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยซ้ำเติมให้เธอเจ็บช้ำ
“แกไม่กลัวถูกไล่ออกเหมือนฉันเหรอ”
“ไม่กลัวหรอก งานน่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อนสิหาแบบแกไม่ได้อีกแล้ว”
ณิชชยากระฟัดกระเฟียดไม่พอใจกับคำตัดสินที่ติดค้างอยู่ในใจของทุกคน แต่เธอไม่ได้มีอำนาจโต้แย้ง ปาลินยิ้มเศร้า เธอโยกศีรษะของเพื่อนมาแนบศีรษะตัวเอง
“ขอบใจแกมากนะณิชที่ไม่ทิ้งฉัน”
“ฉันจะทิ้งแกได้ยังไง แกเป็นเพื่อนฉันนะ... เพื่อนคนเดียวของฉัน”
ณิชชยากับปาลินคบหากันตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง จนกระทั่งเรียบจบและทำงานก็ยังตามกันมาสัมภาษณ์ที่เดียวกัน แต่ณิชชยาที่เก่งระดับเกียรตินิยมเหรียญทอง ได้มีโอกาสทำงานตรงสายที่เรียนมา นั่นคือฝ่ายบัญชีของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง... วานิชกิตติกุลพร็อพเพอร์ตี้ แต่เธอนั้นที่เก่งแค่วิชาเดียวคือภาษา จึงปลีกตัวเองออกมาทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดนั่นคือเลขานุการ แต่ใครจะคิดว่างานแรกในชีวิตคือเลขาของรองประธานบริษัทที่ทั้งหล่อและเก่งเพียบพร้อม
“ฉันน่าจะอยู่กับแกวันนั้น” ณิชชยาหน้าเศร้า เพราะคิดว่าที่เพื่อนล้มป่วยอาจจะเพราะเหตุการณ์ในวันนั้น
“ถ้าฉันจะบอกแกว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้รุตแล้ว แกจะเชื่อฉันไหม” คนถูกถามส่ายหน้ารัวเร็วโดยไม่เสียเวลาคิดสักนิด
“ใครเชื่อก็โง่แล้ว ดูสภาพแกสิ... อย่างกับคนตรอมใจ”
ปาลินเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น บางเรื่องเธอก็ไม่ควรพูดออกไป นอกจากเพื่อนจะหัวเราะใส่หน้าแล้ว อาจจะพาเธอไปตรวจสมองเพื่อดูความเสียหายก็เป็นได้
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้บทสนทนาเงียบลง ทั้งสองหันมองหน้าสบตากันราวกับตั้งคำถาม
“หรือจะเป็นไอ้รุต! ดีเลยแม่จะฟาดหน้ามันให้ยับ!” ณิชชยาที่ยังคงเดือด เธอมองหาอาวุธที่พอเหมาะกับมือ ก่อนจะเหลือบเห็นไม้กวาดดอกหญ้าที่พิงอยู่ที่ผนังห้อง
“ไม่ใช่หรอก มันไม่เคยเข้ามาในห้องนี้ มากสุดก็แค่หน้าตึกเท่านั้น”
นับเป็นความโชคดีที่เธอปฏิบัติตามคำสั่งสอนของยายอย่างเคร่งครัด แต่แล้วฝ่ามือบางก็กำมือตัวเองแน่น เมื่อนึกได้ว่าเธอเพิ่งพลาดท่าเสียทีใครบางคนไป
“ไม่รู้ละ จะเป็นใครไปไม่ได้อีกหรอกนอกจากมัน”
คนพูดเดินจ้ำอ้าวไปยังประตูไม้ เธอเปิดออกกว้างพร้อมกับง้างมือขึ้น แต่แล้วก็มือไม้อ่อนแรง ด้ามไม้กวาดหล่นกองอยู่ตรงหน้า ณิชชยาหน้าเสียเมื่อเห็นใบหน้าของคนมาเยือน เธอจำไม่ผิดคนหรอก แม้ว่าจะเคยเห็นแต่ในระยะไกล
“ใช่ห้องของปาลินไหมครับ” ชลธรมาที่นี่ตามเอกสารที่อำนาจหามาให้
“ชะ... ใช่ค่ะ สะ... สวัสดีค่ะ... คะ... คุณชล” ณิชชยาพูดติดตะกุกตะกัก จนเธออยากจะตบปากตัวเองให้ฟันร่วงหมดปาก เพราะทั้งตื่นเต้นและตกใจ
“รู้จักผมเหรอครับ” เขายังคงจ้องหน้าณิชชยาอย่างต้องการคำตอบ
“ณิช... อ้อหนู... หนูทำงานที่บริษัทของคุณชลค่ะ หนูอยู่ฝ่ายบัญชี” เขาพยักหน้ารับรู้ สายตากวาดมองหาเจ้าของห้อง
“ใครมาเหรอณิช” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถาม ขณะฝืนตัวเองให้ลุกนั่ง
“แก... คือว่า...” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเพื่อนสนิทดูน่าตกใจไม่น้อย คงไม่ใช่เจ้าหนี้ที่ไหน เพราะเธอไม่เคยเป็นหนี้ใคร
“ใครเหรอ”
เธอยังคงอยากรู้คำตอบ จนกระทั่งร่างสูงใหญ่ที่เธอฝันถึง ถึงสามวันสามคืนปรากฏกายอยู่ตรงหน้า ปาลินถึงกับหน้าซีด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอเขาที่นี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้
“ฉันตาฝาดไปใช่ไหม” ปาลินพึมพำเบา ๆ ให้ได้ยินกับเพื่อนแค่สองคน
“ถ้าแกตาฝาดฉันขอตาบอดเลยแล้วกัน”
ณิชชยานั่งสั่นเป็นลูกนกไปด้วยอีกคน ใครจะไปเตรียมใจว่าจะเจอกับผู้บริหารระดับสูงที่นี่ในอพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ ของเพื่อนสนิท
“คุณชล” ปาลินตั้งใจจะตะโกนเรียกชื่อเขา แต่เสียงที่ผ่านริมฝีปากสีซีดนั่นมีเพียงลมบางเบาเท่านั้น ชลธรได้สำรวจใบหน้าอิดโรยของคนบนเตียงก็รู้ในทันทีว่าเธอกำลังป่วย
“เอ่อ... น้ำค่ะคุณชล”
ณิชชยากุลีกุจอไปรินน้ำในตู้เย็นมาเสิร์ฟ เธอนั่งลงที่ข้าง ๆ เตียงของเพื่อน ด้วยห้องที่ขนาดเล็กทำให้ภายในห้องแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย นอกจากเตียง ตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะญี่ปุ่น ที่ตอนนี้มีซองยาวางไว้อยู่จำนวนหนึ่ง แม้ห้องจะเล็กมากเมื่อเทียบกับห้องน้ำที่คอนโด แต่ก็ยังจัดว่ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ชลธรวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะตัวเล็กก่อนจะนั่งลง ยิ่งทำให้เจ้าของห้องและเพื่อนสนิทอึดอัดใจน่าดู