เจ้านี่มัน!!!

1468 Words
หลังจากที่กินมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว หรันเยี่ยนางก็กลับเข้าไปในมิติของนาง วันนี้ฝาแฝดมิได้มากวนนางเพื่อขอตามเข้าไปด้วย ทั้งสองกำลังสนใจที่นอนใหม่ของตนเองอยู่ พอนางเห็นเสี่ยวไป๋ ก็วิ่งตรงเข้าไปหา เพื่อจะอุ้มมันเข้ามากอดขอบคุณที่มันส่งเมล็ดผักออกไปให้นางด้านนอก แต่ก็ถูกมันหยุดเอาไว้เสียก่อน “หยุด!!! ไปปลูกผักรอบใหม่ได้แล้ว” มันยกเท้าหน้าขึ้นมาห้ามหรันเยี่ย “เข้าใจแล้ว” นางเดินคอตกไปที่แปลงผัก พร้อมกับถุงเมล็ดผักที่เสี่ยวไป๋วางไว้ให้ หรันเยี่ยมองผลผลิตที่ถูกเสี่ยวไป๋เก็บเข้าไปไว้ที่โกดังอย่างเศร้าใจ ปริมาณที่ได้ไม่ได้มากเช่นข้าว ถึงแม้จะปลูกมากถึงห้าแปลงแล้ว เพียงโรงเก็บผักโรงแรกยังไม่เต็มเลย “ต้องปลูกอีกกี่รอบกัน” นางถอนหายใจออกมา “ไม่มีปุ๋ยหรือยาเร่งผลผลิตรึ” นางร้องถามอย่างมีความหวัง “เจ้ามีเงินซื้อหรือไม่เล่า” “เห้อ หากเป็นเมื่อก่อน วันเดียวข้าคงผ่านไปแล้วนับสิบด่าน” นางถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าใจ หรันเยี่ยเดินคอตกกลับเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นางนำเสื้อผ้าที่เป็นของเดิมของเจ้าของร่างมาไว้ภายในมิติด้วย ครั้งนี้เสี่ยวไป๋เดินตามนางเข้าไปในห้อง โดยที่หรันเยี่ยไม่ได้ลากให้มันเข้าไปด้วย พอนางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย นางก็ล้มตัวนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับคุยกับเสี่ยวไป๋ “เสี่ยวไป๋ วันนี้ข้าขุดดินด้านนอก เหตุใดถึงเหนื่อยมากกว่าตอนที่อยู่ด้านในเล่า” เรื่องนี้นางสงสัยอยู่ไม่น้อย “ด้านในมิติมีมวลพลังงานที่ด้านนอกไม่มี เจ้าอยู่ด้านในนี่ร่างกายจะไม่เหนื่อยล้า แม้จะทำงานหนัก ทั้งอากาศก็ยังบริสุทธิ์มากกว่าเป็นไหนๆ” “คงจะจริง หากใช้ชีวิตอยู่ข้างในมิติไปตลอดได้ก็คงดี” หรันเยี่ยมองเพดานห้องพร้อมทั้งเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย “เจ้าก็รีบเล่นให้ผ่านทุกด่านเสียสิ ไม่แน่อาจจะได้กลับไปที่โลกเดิม” หรันเยี่ยลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียง นางจับตัวเสี่ยวไป๋ยกขึ้น พร้อมทั้งเขย่าถามมัน “จริงรึ เจ้าพูดจริงหรือไม่” “โอ๊ยย ปล่อยข้า เจ้าบ้าไปแล้วรึ ข้าพูดว่าไม่แน่ ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับไปได้อีกรึไม่” “แล้วเจ้าเล่า หากข้าผ่านครบทั้งห้าสิบด่าน เจ้าจะอยู่ต่อหรือกลับไป” หรันเยี่ยมองมันอย่างกดดัน “ไม่รู้ เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้” ความจริงตามข้อตกลงที่เสี่ยวไป๋ได้ทำไว้ มันเป็นเพียงผู้ดูแลระบบที่ปรากฏกายด้วยรูปลักษณ์ของสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อเกมสิ้นสุดลงมันต้องกลับไปที่โลกเดิมของมันทันที แต่มันไม่อาจบอกหรันเยี่ยได้ เพราะกลัวว่านางจะหมดใจที่จะเล่นต่อ “เอาเถิด ข้าทำใจไว้แล้ว” นางปล่อยตัวเสี่ยวไป๋แล้วล้มตัวลงนอนใช้ผ้าห่มคลุมตัวจนมิด “ประเดี๋ยวก็หายใจไม่ออก” มันใช้ปากกัดผ้าห่มแล้วดึงออกให้หัวของหรันเยี่ยโผล่ออกมา “เสี่ยวไป๋ เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้ที่โลกนี้คนเดียวได้หรือไม่” หรันเยี่ยมองเสี่ยวไป๋อย่างอ้อนวอน เสี่ยวไป๋ เหมือนเป็นสหายเพียงคนเดียวของนางที่โลกนี้ นับตั้งแต่ที่มาถึงได้ไม่กี่วัน ก็มีมันเคยช่วยเหลือมาโดยตลอด หากวันหนึ่งนางต้องถูกทิ้งไว้เพียงผู้เดียวคงเศร้าใจไม่น้อย “เหอะ ต่อไปเจ้ามีครอบครัวก็ลืมข้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้ายังต้องการข้าอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้” มันปรายตามองหรันเยี่ยอย่างดูแคลน “อืม ก็อาจจะใช่” นางหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ พร้อมทั้งหันหลังหนีเพื่อหลับทันที โดยไม่ได้มองสีหน้าของเสี่ยวไป๋เลยว่ามันกำลังแยกเขี้ยวเตรียมจะกัดนางอย่างโมโห “เจ้านี่มัน” กลายเป็นคำพูดติดปากสำหรับเสี่ยวไป๋ไปเสียแล้ว ด่าไม่ออกก็พูดคำนี้ไว้ก่อน หรันเยี่ยนางตีมึน ไม่สนใจเสียงตำหนิของเสี่ยวไป๋ เพียงไม่นานนางก็หลับสนิทไปทันที พอนางตื่นขึ้น นางก็จัดการตัวเอง ก่อนจะไปที่แปลงปลูกผัก เสี่ยวไป๋ออกมาเก็บเกี่ยวผักทั้งหมดเข้าโกดังไปแล้ว ตอนนี้มันกำลังไปจัดการเตรียมอาหารให้หรันเยี่ยอยู่ หรันเยี่ยจึงต้องลงผักชุดใหม่ที่เสี่ยวไป๋มันทิ้งถุงเมล็ดไว้ที่ข้างแปลง นางยังขุดแปลงเพิ่มอีกสามแปลงเพื่อที่จะปลูกผักให้มีจำนวนที่มากขึ้น เสี่ยวไป๋ที่ไม่เห็นหรันเยี่ยกลับเข้าไปในบ้านมันจึงเดินออกมาตามนาง พอเห็นว่านางกำลังขุดแปลงเพิ่มมันก็ยืนมองอย่างสนใจ “อาเยี่ย เจ้าไปกินข้าวได้แล้ว” มันร้องเรียกเมื่อเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำสักที “อีกเดี๋ยว ข้าใกล้เสร็จแล้ว” นางร้องบอก โดยที่มือก็ยังออกแรงขุดไม่หยุด ผ่านไปกว่าชั่วยามที่หรันเยี่ยนางยอมวางมือ “ขอเมล็ดผักเพิ่มด้วย” นางเงยหน้าที่มีแต่เหงื่อไคลขึ้นมาบอกเสี่ยวไป๋ “เจ้าอยากปลูกอันใด” “อะไรก็ได้ เอามาเถิด” เพราะมีให้เลือกเพียงแค่สองอย่าง นางจึงไม่คิดจะเลือก เสี่ยวไป๋เห็นว่านางขุดเพิ่มได้ถึงสามแปลงมันจึงนำเมล็ดผักกาดขาวออกมาให้นางเสียทั้งหมด “ปลูกผักกาดขาวก่อน ใช้เวลาเก็บเร็วกว่าแครอท ประเดี๋ยวเจ้าออกไปแล้วกลับเข้ามาหลังทานมื้อเที่ยงเจ้าก็จะปลูกได้วันนี้อีกสองรอบ” “เมื่อวานไม่เห็นจะพูดเช่นนี้” หรันเยี่ยเท้าสะเอวมองมันอย่างหงุดหงิด “เหอะ ก็ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้ว” “เพ้ย” นางเดินมาหยิบถุงเมล็ดแล้วรีบนำไปหว่านทันที พอเรียบร้อยก็เดินกระทืบเท้ากลับเข้าบ้านไปล้างตัวเพื่อกินข้าว หรันเยี่ยยังคงทำเช่นนี้ต่อไปอีกถึงสามวัน กว่าที่โรงเก็บผักของนางทั้งสามโรงจะมีผักอยู่เต็มโรงเก็บ “ว้าว...” นางร้องออกมาอย่างยินดี เมื่อภายในมิติปรากฏเล้าไก่ขึ้นมา ภายในมีไก่ไข่อยู่ห้าตัว แต่ละตัวต้องใช้เวลาในการออกไข่สองชั่วยามต่อครั้ง ก็นับว่ายังดี “ต่อไปเจ้าต้องปลูกข้าวโพด เพื่อใช้เป็นอาหารไก่” เสี่ยวไป๋นำถุงเมล็ดข้าวโพดออกมาให้นาง ตอนนี้หรันเยี่ยมีแปลงปลูกทั้งหมดแปดแปลง นางใช้ปลูกข้าวโพดเสียทั้งหมด ด้วยไก่ไข่จำเป็นต้องกินข้าวโพดจำนวนไม่น้อยเพื่อผลิตไข่ นางจึงคิดที่จะขุดแปลงเพิ่มอีกสักหน่อย “ประเดี๋ยว” เสี่ยวไป๋ร้องเรียกนางไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าหรันเยี่ยกำลังจับจอบของนางขึ้นมาอีกครั้ง “มีอันใด” “เจ้ายังขุดแปลงเพิ่มไม่ได้ ต้องรอเก็บไข่ชุดแรกก่อน แล้วเจ้าจะได้เครื่องสีข้าวกับเครื่องแปรรูปผักเป็นผักดอง ถึงจะขุดแปลงเพิ่มได้อีกห้าแปลง” “โอ๊ะ...มีเรื่องเช่นนี้ด้วย ข้าคิดว่าข้าสามารถขุดได้เรื่อย ๆ เสียอีก” “ก็เหมือนในเกมที่เจ้าเคยเล่น มิใช่ว่าจะมีแปลงปลูกให้เจ้าได้ตลอด เวลานี้เจ้าไปนั่งรอเก็บไข่เสียก่อน” เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วยามกว่าจะได้เก็บไข่ หรันเยี่ยนางจึงออกไปด้านนอกมิติก่อน เพื่อไม่ให้ครอบครัวของนางต้องรอกินมื้อเที่ยงนาน “พี่ใหญ่ ยังไม่อาจพาข้าเข้าไปได้อีกรึ” ลู่เฉิงดึงชายเสื้อของหรันเยี่ยอย่างออดอ้อน “ใกล้แล้ว” นางบีบจมูกน้อยๆ ของน้องชาย ตอนนี้ผักในเรือนก็เริ่มจะโผล่พ้นดินออกมาให้ได้เห็น ครอบครัวจ้าวต่างตั้งใจดูแลผักของพวกเขาอย่างดี หวังว่ามันจะสามารถทำเงินให้พวกเขาได้ ด้วยตอนนี้จ้าวซ่งยังต้องแกล้งเป็นผู้บาดเจ็บจึงยังไม่ได้ออกไปจัดการที่ดินสิบหมู่ที่เขาได้มา หากจะให้นางหู่เหมยกับบุตรทั้งสามออกไปจัดการเขาก็สงสารทั้งสี่คนไม่น้อย จึงได้แต่อยู่ช่วยกันจัดการเรื่องในเรือนไปก่อน นางหู่เหมยยังทำทีเป็นพาสองฝาแฝดขึ้นเขาเพื่อหาผักป่ามาประทังชีวิต ด้วยไม่อยากให้ผู้อื่นสงสัยว่าพวกตนมีอาหารการกินได้อย่างไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD