รางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

1435 Words
พอหรันเยี่ยนางกินมื้อเที่ยงกับครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับเข้าไปในมิติ แม่ไก่ทั้งห้าตัวก็แกไข่มาพอดี ข้าวโพดในแปลงก็ถูกเสี่ยวไป๋เก็บเกี่ยวใส่กระสอบรอให้หรันเยี่ยนางนำไปให้ไก่กินแล้ว “เรียบร้อยแล้ว” นางเก็บไข่ไก่ทั้งห้าใบใส่ตะกร้าแล้วยื่นให้เสี่ยวไป๋ พอไข่ทั้งตะกร้าหายไป ภายในมิติก็เกิดโรงสีข้าวกับโรงผลิตผักดองขึ้นมาทันที ทุกอย่างก็ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มที่ตัวเครื่องของที่นางจะแปรรูปก็ถูกส่งเข้าไปภายในเครื่องโดยตรง ข้าวสารเมล็ดขาวเรียวก็ถูกบรรจุใส่ถุงกระสอบเตรียมออกจำหน่ายหรือนำไปกินได้ทันที โรงงานผลิตผักดองก็เช่นกัน นางสามารถเลือกได้ว่าจะทำผักดองชนิดใดหรือต้องการดองหวานหรือดองเค็ม เพียงเท่านี้เครื่องก็จะทำงานของมันเอง ของที่ส่งออกมาก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายในโรงเก็บของที่ขึ้นมาใหม่ไม่ห่างจากโรงเก็บผักสดนัก “ข้าขุดแปลงเพิ่มได้แล้วใช่หรือไม่” หรันเยี่ยร้องถามเสี่ยวไป๋อย่างมีความสุข “ได้ แต่เจ้ามิอยากรู้รึว่าด่านที่สี่เจ้าต้องทำอันใด” หรันเยี่ยเหมือนจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วเอ่ยถามเสียงระรัวออกไป “ใช่ ใช่ ด่านที่สี่ข้าต้องทำอันใด” “เจ้าต้องเก็บไข่ให้ได้ห้าพันฟอง” “ห๊า...แล้วเมื่อใดจะได้ครบ” นางร้องเสียงหลงออกมา “เจ้าก็ขายผักดองหรือข้าวสารของเจ้าเสียสิ จะได้มีเงินมาซื้อไก่เพิ่ม” “แล้วราคาเป็นอย่างไรบ้าง” “ผักดองไหละหนึ่งตำลึง ข้าวสารกระสอบละยี่สิบตำลึง ไก่ตัวละสามตำลึง” “โหหหห ไก่ของเจ้าแพงเกินไปหรือไม่” หรันเยี่ยอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู “ราคากำหนดไว้เช่นนี้ ข้าไม่ใช่ผู้ตั้งราคาเสียหน่อย” “เอาเถิด ข้าขอไปดูของก่อน ว่าจะขายแล้วซื้อไก่เจ้าได้กี่ตัว” “ประเดี๋ยวก่อน...ไก่เล้าหนึ่งเลี้ยงได้ยี่สิบตัวเท่านั้น หากเจ้าต้องการเล้าไก่เพิ่ม เจ้าต้องมีข้าวโพดให้เต็มโรงเก็บสามโรงเสียก่อน” “โอ๊ยยย มันยากกว่าเกมที่ข้าเคยเล่นเสียอีก” หรันเยี่ยขยี้ผมของตนเองอย่างหงุดหงิด หากนางมีเงินมากพอ นางจะกดเติมเสียให้เต็มระบบ แล้วซื้อ ๆ ๆ ทุกอย่างให้เต็มที่ไปเลย แต่สุดท้ายนางก็ต้องวิ่งไปที่โรงเก็บของเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่ขายพอจะซื้อไก่สิบห้าตัวบาง เครื่องผลิตผักดองของนางตอนนี้ทำออกมาได้เพียงแค่สามสิบไห หากขายหมด นางยังไม่พอจะซื้อไก่เลย นางจึงเลือกที่จะขายข้าวสารสามกระสอบ แล้วนำเงินสี่สิบห้าตำลึงไปซื้อไก่สิบห้าตัว หรันเยี่ยมองข้าวสารสามกระสอบที่หายไปอย่างปวดใจ นางคิดจะนำออกไปให้ครอบครัวของนางได้ลองกินข้าวที่นางปลูก “เอาน่า ประเดี๋ยวเจ้าก็ปลูกใหม่ได้” เสี่ยวไป๋ที่รู้ความคิดของนางจึงได้แต่ให้กำลังใจ “อืม” หรันเยี่ยหันไปมองที่เล้าไก่ ความปวดใจก่อนหน้านี้พอจะทุเลาลงบ้าง นางจึงหันไปจัดการขุดแปลงขึ้นมาอีกสามแปลงเพื่อปลูกข้าวโพดให้เต็มโกดังทั้งสามโรงก่อนที่จะคิดปลูกข้าวอีกรอบ หรันเยี่ยนางออกจากมิได้พร้อมกับไหผักดองหลายไห ผักทั้งสองอย่างที่นางปลูกนางนำทั้งแบบดองหวานและดองเค็มออกไปให้ครอบครัวของนางได้ลองชิม รสชาติแปลกใหม่ทำให้พวกเขากินอาหารคนหลายชาม ทั้งยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก “หากนำออกไปขายได้ คงดีไม่น้อย” นางหู่เหมยกินไปแล้วเอ่ยไป “เมื่อผักในเรือนโต ท่านแม่จะนำออกไปขายก็ได้ ผู้อื่นก็ไม่สงสัยในเรื่องนี้ด้วย” “จริงเช่นเจ้าว่า” นางหู่เหมยยิ้มกว้างอย่างยินดี อะไรที่ทำงานได้ นางล้วนแต่อยากจะทำทั้งนั้น “ไว้ผักโตแล้วแบ่งไปให้เรือนท่านลุงหมานและชาวบ้านที่มาช่วยงานในวันนั้นด้วย” จ้าวซ่งเอ่ยออกมา เมื่อนึกถึงน้ำใจที่พวกเขาเคยช่วยเหลือตนไว้ “ได้เจ้าค่ะ” นางหู่เหมยรับคำทันที แต่สีหน้าของนางก็หมองลง จนคนที่เหลือสังเกตเห็นได้ “ท่านแม่ ท่านเป็นอันใด” หรันเยี่ยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อครู่ยังพูดคุยกันดีๆ อยู่เลย “แม่อยากแบ่งไปให้เรือนท่านตาเจ้าบ้าง ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นเช่นใด” บ้านเดิมของนางหู่เหมยก็ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวย ทั้งบิดามารดาและพี่ชายต่างรักนางไม่เปลี่ยนแม้จะออกเรือนมาแล้ว เมื่อใดที่นางเดือดร้อนพวกเขาต่างก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกครั้ง ครั้งล่าสุดที่นางได้เงินมา พวกเขาก็แทบจะขูดเลือดมาให้นางอยู่แล้ว และไม่รู้ว่าทางบ้านเดิมจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนางแล้วหรือยัง “เรื่องเพียงเท่านี้ ท่านแม่รออีกสักหน่อยให้ชาวบ้านเลิกสนใจเรื่องขาของท่านพ่อ ท่านก็กลับไปที่บ้านท่านตาท่านยายแล้วนำข้าวของไปให้พวกเขาเถิด ข้ายังมีอีกมาก ท่านมิต้องห่วง” “ขอบใจเจ้ามากเยี่ยเออร์” บุตรสาวนางอายุเพียงสิบสองหนาวเท่านั้น แต่จะต้องแบกรับภาระมากมาย “ขอบคุณอันใดกัน ข้าเป็นบุตรสาวของท่านนะเจ้าคะ” หรันเยี่ยแสร้งงอนนางหู่เหมย “ใช่ ใช่ เจ้าเป็นบุตรสาวของแม่” หรันเยี่ยนางกลับเข้ามาจัดการเก็บไข่ในมิติ แต่ละวันของนางวิ่งวุ่นเช่นนี้อยู่ทั้งวัน นางต้องเข้าออกมิติวันละหลายครั้งเพื่อเก็บไข่ ผ่านมาได้ห้าวัน ตอนนี้นางเก็บได้เกือบหกร้อยฟองแล้ว ข้าวโพดในโรงเก็บทั้งสามโรงต่างก็มีอยู่เต็ม เสี่ยวไป๋จึงมอบเล้าไก่เพิ่มให้นางอีกหนึ่งเล้า แต่นางก็ยังต้องซื้อไก่เพิ่มอีกสิบห้าตัวอยู่ดี หรันเยี่ยจึงขายผักดองของนางสี่สิบไห เพราะยังมีเงินคงเหลืออยู่ในระบบอีกเล็กน้อย จึงพอให้ซื้อไก่ไข่มาเพิ่มได้ ตอนนี้นางมีแปลงปลูกทั้งหมดสิบสามแปลง นางจึงปลูกข้าวสิบแปลงอีกสามแปลงนางใช้ปลูกผักกาดขาว เพราะครอบครัวของนางชอบกินผักกาดขาวดองเค็มมากกว่าแครอท พอมีไก่ไข่มาเพิ่ม หรันเยี่ยก็เก็บไข่ได้ครบหลังจากที่ผ่านมาแล้วสิบสามวัน นางหยิบไข่ใบที่ห้าพันใส่ตะกร้าด้วยความยินดี ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการรอคอยอย่างใจเย็นจะมีความสุขเช่นนี้เมื่อผ่านด่านแล้ว “ข้าจะได้ของรางวัลอันใด” นางลืมถามเรื่องนี้ไปเลยในตอนแรก “เจ้าจะได้เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง เงินก้อนนี้เจ้าสามารถนำออกไปใช้ด้านนอกได้” “จริงรึ ดี ดียิ่ง” หรันเยี่ยกระโดดไปรอบๆ อย่างดีใจ นับว่าไม่เสียเปล่าที่นางวิ่งเข้าวิ่งออกมาสิบกว่าวัน หรันเยี่ยมองถุงเงินที่มีเงินหนึ่งร้อยตำลึงอย่างดีใจ นางไม่รู้ว่าเงินเท่านี้หากเทียบกับโลกก่อนจะมีค่ามากน้อยแค่ไหน แต่นี่คือเงินก้อนแรงที่นางลงแรงด้วยตนเอง จึงอดที่จะภูมิใจไม่ได้ “ข้านำเงินไปให้ครอบครัวของข้าก่อน แล้วจะเข้ามาฟังเงื่อนไขด่านที่ห้า” หรันเยี่ยกลับออกไปทันที โดยไม่รอฟังว่าด่านต่อไปนางต้องทำอะไร ตอนนี้คนทั้งเรือนกำลังนั่งถอนหญ้าอยู่ที่แปลงผัก อีกเพียงสิบกว่าวัน ผักกาดขาวที่ปลูกไว้ก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่แครอทต้องใช้เวลานานกว่า อีกเกือบเดือนถึงจะเก็บเกี่ยวได้ “ท่านพ่อ ท่านแม่” นางร้องเรียกพวกเขาเสียงดัง ก่อนจะวิ่งออกมาจากเรือน “มีอันใดรึ” จ้าวซ่งเอ่ยถามบุตรสาว “นี่เจ้าค่ะ” นางยื่นถุงเงินให้ พร้อมทั้งยิ้มกว้างมองพวกเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD