สบตาครั้งแรก 2

2218 Words
สบตาครั้งแรก  หลังจากรถของไตรวิชญ์เคลื่อนตัวออกมาจากคอนโดมิเนียมของศรัณภัทรได้สักพัก ตวงรัตน์จึงรีบหันกลับไปมองข้างหลังเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะหันกลับมาแล้วเอียงหัวตัวเองลงไปโขลกกับกระจกพร้อมกับก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ พูดว่าจะเลี้ยงข้าวขอบคุณเขาทั้งที แต่กลับไม่มีและไม่ขอช่องทางติดต่อเขาไว้เลยสักทาง หนำซ้ำก่อนออกมายังย้ำกับเขาอีกว่าจะโทร. ไปนัด แล้วไหนล่ะเบอร์โทร ไหนล่ะช่องทางการติดต่อ ไม่มีสักอย่าง! "เอ้า ๆ โขลกเข้าไป ยิ่งโง่ ๆ อยู่ด้วย แล้วเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ จู่ ๆ ก็เอาหัวไปโขลกกระจกรถแบบนั้น เดี๋ยวกระจกก็แตกหรอก" ไตรวิชญ์ว่าขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองเอาหัวไปโขลกกับกระจกรถมาสักพักแล้ว "เครียดอะพี่เต้" ตวงรัตน์เลิกเอาหัวโขลกกับกระจกแล้วกลับมานั่งทำหน้าเครียดแทน "เครียดอะไร ยังกลัวอยู่เหรอ" ถามพร้อมกับยื่นมือออกไปลูบศีรษะน้องสาวอย่างปลอบใจ เพราะคิดว่าเธออาจจะยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เจอมาก่อนหน้านี้อยู่ "เปล่า หายกลัวแล้ว" จริง ๆ ตอนแรกก็ยังกลัว กลัวมาก ๆ เลยล่ะ แต่พอได้นั่งสงบจิตสงบใจความกลัวมันก็ค่อย ๆ หายไป จนตอนนี้เลิกกลัวไปบ้างแล้ว "แล้วเป็นอะไร" "เมลืมขอเบอร์คุณศรัณภัทรเอาไว้อะ ทำไงดี พรุ่งนี้จะติดต่อเขายังไงดี" ตวงรัตน์บอกพี่ชาย "แล้วจะไปขอเบอร์เขามาทำไม" คนเป็นพี่ขมวดคิ้วถาม "เอ้า ก็เขาช่วยเมเอาไว้ เมก็เลยจะเลี้ยงข้าวขอบคุณเขาสักหน่อย แต่ก็ดันลืมขอเบอร์ไว้ซะงั้น แล้วยังมีหน้าไปบอกเขาอีกนะว่าจะโทร. นัด" ว่าจบหญิงสาวก็ยกมือขึ้นตีหน้าผากตัวเองเบา ๆ อะไรจะขี้หลงขี้ลืมขนาดนี้นะ "ไม่เป็นไรหรอกน่า เราก็ขอบคุณเขาไปแล้ว แล้วอีกอย่างเขาก็ดูไม่ได้ซีเรียสที่จะให้เราไปตอบแทนอะไรเขาเลย" ไตรวิชญ์ว่า ถึงแม้จริง ๆ แล้วเขาจะรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาไอ้หมอนั่นที่มันมองน้องสาวเขาก็เถอะ แต่เห็นว่ามันเป็นคนช่วยน้องสาวเขาเอาไว้ ก็เลยเลือกที่จะมองข้ามสายตาแปลก ๆ นั่นไป "แต่เมก็ได้บอกเขาไปแล้วไง ว่าจะเลี้ยงข้าวเขา เอาไงดีอะ พี่เต้วนรถกลับไปให้หน่อยได้ไหม" เธอยังไม่ยอมละความพยายาม หันไปทำหน้าอ้อนวอนพี่ชายที่ขับรถออกมาไกลมากแล้ว แต่เอ๊ะ!? จำได้ว่าตัวเองพักอยู่แค่ซอยข้าง ๆ คอนโดฯ เขาและมันควรจะถึงนานแล้ว แล้วนี่พี่ชายเธอกำลังจะพาเธอไปไหนเนี่ย "พี่เต้จะพาเมไปไหนอะ ไม่ได้พาไปส่งหอเหรอ" "โดนโรคจิตตามขนาดนั้น ใครจะบ้าให้กลับไปนอนหอวะ" "อ้าว แล้วจะพาเมไปนอนไหนอะ" เธอถามพร้อมมองออกไปรอบ ๆ "เสาร์อาทิตย์นี้นอนคอนโดฯ พี่ไปก่อน แล้วเดี๋ยววันอาทิตย์พากลับมาเก็บของ" "ฮะ..." ตวงรัตน์รีบหันขวับไปมองพี่ตัวเองทันที นี่พี่ชายเธอคิดอะไรอยู่เนี่ย "ยังไงอะพี่เต้ หมายความว่ายังไง เมงง?" "ก็หอที่เมอยู่มันไม่ปลอดภัย จะอยู่ทำไมอีก ย้ายออกเลย ไปอยู่ที่อื่น" เขาไม่ได้บ้านะ ที่น้องตัวเองเจอเรื่องแบบนี้มาแล้วยังจะให้อยู่ที่เดิมอีก "เลือกเอาว่าจะอยู่กับพี่หรือจะหาที่อยู่ใหม่ที่มันปลอดภัยกว่าเดิม" "ไม่เอาอะ เมไม่อยู่กับพี่เต้หรอก" ก็พี่ชายเธอมีแฟนแล้วและก็อาศัยอยู่กับแฟนด้วย ถึงเธอจะค่อนข้างสนิทกับพี่สะใภ้แต่เธอก็มีความเกรงใจอยู่มาก อีกอย่างอยู่คนเดียวสบายกว่าเป็นไหน ๆ "แต่หอนั้นมันใกล้ที่ทำงานใหม่เมนะ ถ้าย้ายแล้วเมจะไปทำงานยังไงอะ" "ที่ทำงานเมติดรถไฟฟ้าใช่ไหม" ตวงรัตน์พยักหน้าตอบ แล้วไตรวิชญ์ก็พูดต่อ "งั้นก็ดาวน์คอนโดฯ ที่ติดกับรถไฟฟ้า เราจะได้ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน สะดวกกว่าเดิมด้วย" "เมจะเอาเงินไหนไปดาวน์คอนโดก่อน" ไอ้สะดวกกว่าเธอไม่เถียงหรอก หอพักเดิมใกล้ที่ทำงานกว่าก็จริงแต่ไม่มีรถไฟฟ้า แถมยังอยู่ในซอยด้วย เวลาไปทำงานเธอก็ต้องนั่งวินออกมาแล้วต่อด้วยรถเมล์ที่เบียดกันเป็นปลากระป๋อง เท่านั้นยังไม่พอ ลงจากรถเมล์แล้วเธอยังต้องเดินไปข้ามสะพานลอยอีกด้วย เพราะบริษัทอยู่ตรงข้ามกับป้ายรถเมล์ขาไป แต่ถ้าไปทำงานโดยรถไฟฟ้าเธอสามารถใช้ทางเชื่อมเดินเข้าบริษัทไปได้เลยไง สบาย ๆ แต่ติดอยู่แค่อย่างเดียวเลยคือเงิน "เมเพิ่งทำงานมาสามปีเอง ไม่มีเงินเก็บไปดาวน์คอนโดฯ หรอกเด้อ" "เรื่องดาวน์ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ดาวน์ให้" "ป๋าสุด พี่มีเงินเหรอฮะ" เธอจำได้ว่าพี่เธอก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน คอนโดฯ ตัวเองก็ยังผ่อนไม่หมด แล้วไหนจะรถที่เพิ่งถอยออกมาใหม่ให้พี่สะใภ้อีก ครอบครัวของตวงรัตน์และไตรวิชญ์มีฐานะปานกลางไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็พอมีพอกิน แม่เสียไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อสิบปีก่อน ส่วนพ่อนั้นแต่งงานใหม่ ทำให้ทั้งสองค่อย ๆ ห่างจากผู้เป็นพ่อ เพราะเหมือนภรรยาใหม่ของพ่อเขาจะไม่ชอบพวกเขาสองพี่น้อง และเมื่อไตรวิชญ์เรียนจบและมีงานทำ เพื่อความสบายใจของเขาและภรรยาใหม่ของพ่อ ชายหนุ่มจึงพาน้องสาวแยกออกมาอยู่และดูแลกันเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อเลย ซึ่งคนเป็นพ่อก็ไม่ได้ห้ามอะไร ออกจะดีใจซะด้วยซ้ำที่ไม่ต้องทนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนอึดอัดใจระหว่างภรรยาใหม่กับลูกในไส้ ช่วงแรก ๆ ที่ย้ายออกมาตวงรัตน์เสียใจมากที่พ่อผู้ให้กำเนิดไม่เคยมาสนใจหรือมาดูดำดูดีเธอกับพี่เลย หรือแค่โทร. มาถามไถ่ว่าเป็นไงบ้าง สบายดีไหมสักสายก็ยังไม่เคยมี ยิ่งเธอเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของภรรยาใหม่พ่อก็ยิ่งเสียใจ เพราะเห็นว่าพ่อเธอก็มีความสุขอยู่ดีกินดีกับครอบครัวใหม่ของเขา แต่ไม่เคยมาเหลียวแลเธอกับพี่เลยสักนิด จนเวลาผ่านไปก็กลายเป็นความเคยชิน เธอจึงเลิกสนใจคนบ้านนั้นและสนใจแค่พี่ชายของเธอเพียงคนเดียว เธอรักพี่ชายตัวเองมากเพราะรู้ว่าพี่ชายเธอต้องลำบากแค่ไหน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องหาเงินส่งเธอเรียนจนจบมหา'ลัย หลังจากเรียนจบพี่ชายของเธอก็ได้เข้าทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งและได้เช่าอะพาร์ตเมนต์ถูก ๆ อยู่ด้วยกันสองคนพี่น้อง ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าปีหนึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร ไหนจะค่าเทอม ค่าชุด ค่าอุปกรณ์ ค่ากิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย ทำให้พี่ชายเธอต้องรับจ็อบเสริมมาทำอยู่หลายครั้งเพื่อหารายได้ที่นอกเหนือจากเงินเดือนวิศวกร ไม่ว่าจะเหนื่อยหรืออดหลับอดนอนแค่ไหนพี่ชายเธอก็ไม่เคยบ่นให้เธอได้ยินเลยสักคำ เธอเคยขอไปอนุญาตไตรวิชญ์เรื่องที่เธอจะไปทำงานพาร์ตไทม์ เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย แต่พี่ชายเธอไม่ยอมและบอกแค่ว่าให้ตั้งใจเรียนทำหน้าที่ของตัวเองไป ไตรวิชญ์รู้ว่าคณะที่น้องสาวตัวเองเลือกนั้นเรียนหนัก แล้วไหนจะต้องทำกิจกรรมอีก ชายหนุ่มไม่อยากให้น้องสาวทิ้งกิจกรรมในมหา’ลัย เพราะรู้ว่ามันสำคัญในการสมัครงาน บางบริษัทนั้นจะมองการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะต้องทำงานกันเป็นทีม เขาเลยไม่อยากให้น้องสาวทิ้งกิจกรรมตรงนั้นเพื่อมาทำงานเสริม จนกระทั่งตวงรัตน์ขึ้นปีสาม ไตรวิชญ์ก็ได้เลื่อนขั้นเลื่อนเงินเดือน หน้าที่การงานมั่นคงขึ้น แต่ก็ยังรับจ็อบเสริมอยู่เหมือนเดิมและเป็นช่วงที่เขามีแฟนด้วย แต่ก็ยังทำหน้าที่พี่ชายได้ดี ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้น้องไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งที่เปลี่ยนไปช่วงนั้นก็คือไตรวิชญ์ไม่ค่อยได้กลับมานอนที่อะพาร์ต-เมนต์กับตวงรัตน์เพราะไปนอนห้องแฟนแทน แต่ก็ยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างอะ-พาร์ตเมนต์ตัวเองกับห้องพักแฟนเป็นประจำ พอเรียนจบตวงรัตน์ก็รีบหางานทำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินพี่ชายอีก เพราะรู้ดีว่าไตรวิชญ์มีแฟน ต้องเก็บเงินสร้างครอบครัว ซื้อบ้านซื้อรถ แล้วไหนจะต้องเก็บเงินแต่งงานอีก แต่หลังจากที่เธอทำงานหาเงินเองได้ พี่ชายเธอก็เหมือนหายใจหายคอได้คล่องขึ้น เริ่มผ่อนรถผ่อนคอนโดฯ จนตอนนี้ผ่อนรถหมดไปหนึ่งคันแล้ว ซึ่งก็คือกระบะสี่ประตูคันนี้แหละ ส่วนคอนโดฯ นั้นยังเหลืออีกหลายปี แล้วก็มีรถอีโคคาร์ที่เพิ่งถอยมาใหม่ให้พี่สะใภ้ แต่คาดว่าผ่อนไม่นานคงจะผ่อนหมด และที่ผ่อนได้เร็วขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเงินเดือนวิศวกรเยอะขนาดนั้นหรอก แต่เป็นเพราะมีพี่สะใภ้คอยช่วยผ่อนด้วย เรียกได้ว่าเป็นคู่ที่ช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวนั่นแหละ "ก็พอมีเก็บอยู่บ้าง" ไตรวิชญ์บอกน้องสาว รายได้เขาไม่ได้มีแค่เงินเดือนอย่างเดียวสักหน่อย แต่ได้จากการรับจ็อบมาทำด้วย จ็อบหนึ่งก็ได้หลายหมื่นบาทเลยทำให้เขาพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง "ไม่เอาหรอก เผื่อพี่มีเรื่องจำเป็นต้องใช้" ตวงรัตน์ว่าด้วยความเกรงใจ "มันไม่เท่าไหร่หรอก เดี๋ยวนี้ดาวน์ถูก ๆ ก็มี" "ดาวน์ถูก ๆ แล้วให้เมผ่อนเยอะ ๆ เนี่ยนะ" "ได้ข่าวว่าโปรแกรมเมอร์ได้เงินเดือนเยอะไม่ใช่เหรอ ก็แบ่งมาผ่อนสิ ไม่กี่สิบปีก็ผ่อนหมด" ตวงรัตน์จบวิทย์คอมฯ จากมหา’ลัยชื่อดังย่านใจกลางเมือง และตอนนี้ก็ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ดูแลเกี่ยวกับพวกระบบซอฟต์แวร์ภายในบริษัท เรียกง่าย ๆ ก็คือฝ่ายไอทีนั่นแหละ ด้วยความที่เธอมีประสบการณ์การทำงานจากที่อื่นมาก่อน ทำให้ตอนนี้เธอได้เงินเดือนก็เยอะในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งจูเนียร์โปรแกรมเมอร์ก็ตาม "ไม่ต้องไปเสียดาย ยังไงมันก็เป็นของเรา ดีกว่าไปเสียค่าเช่าเป็นเดือน ๆ พี่พูดถูกไหม" ไตรวิชญ์ว่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของน้องสาว ในอนาคตยังไงเธอและพี่ชายก็ไม่มีทางกลับไปอยู่บ้านอีกแน่นอน การลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับเขาสองคนพี่น้อง เพราะยังไงมันก็เป็นของเรา "ก็ได้ แต่จะเอาที่ไหนล่ะ ที่ติดกับรถไฟฟ้าก็มีแต่แพง ๆ ทั้งนั้นเลย แล้วก็ไม่เอาแถวพี่เต้นะ ไกล" สุดท้ายเธอก็ยอม เพราะคิด ๆ ดูแล้วมันก็คุ้ม ผ่อนเดือนละหมื่นกว่า ๆ ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนชอบเที่ยวหรือเสพติดของแบรนด์เนมอยู่แล้ว แต่ละเดือนนี่หมดไปกับค่ากินล้วน ๆ เลย "งั้นเมก็ลองเลือกมาสักสองสามโครงการแล้วกัน เดี๋ยวพี่ช่วยดู เอาที่เมสะดวกก่อนนะส่วนราคาค่อยมาตัดสินกันอีกที" ไตรวิชญ์ยิ้มพร้อมยื่นมือออกไปลูบศีรษะน้องสาว "ตามนี้นะ" "จัดไปค่า" เธอเองก็ยิ้มให้พี่ชายตัวเองจนตาหยี่ ก่อนที่เธอจะนึกเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้อีกครั้งหลังจากที่คุยเรื่องผ่อนคอนโดฯ กันมานาน "ว่าแต่เมจะไปหาช่องทางติดต่อคุณศรัณภัทรได้จากที่ไหนเนี่ย พี่เต้ช่วยเมคิดหน่อยสิ" "ยังไม่ลืมอีกเหรอ" ไตรวิชญ์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คุยเรื่องอื่นไปตั้งนาน คิดว่าลืมไปแล้วเสียอีก "โห ใครจะไปลืมได้ ก็หล่อขนาดนั้น" "เดี๋ยว สรุปที่หาเรื่องจะไปเลี้ยงข้าวเขานี่คือจะตอบแทนที่เขาช่วยหรือเพราะเขาหล่อ?" ไตรวิชญ์ถามเสียงเข้มขึ้นนิด ๆ "เอาตรง ๆ นะ พี่เต้ห้ามด่าเม" เธอรีบพูดดัก ทำให้คนเป็นพี่ได้แต่กลอกตาไปมากับความบ้าของน้องสาว รีบพูดดักมาขนาดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะไปเลี้ยงข้าวเขาเพราะอะไร เขาเหลือบตาไปมองน้องสาวเล็กน้อยก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ "กูจะบ้าตาย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD