ตอนที่ 4
พนักงานคนใหม่
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จตวงรัตน์ก็กลับมาทำงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือระหว่างที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นมักจะมีเสียงแซวจากเพื่อนสาวทั้งสองดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ทำให้เธอต้องหันไปส่งสายตาดุ ๆ ให้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนสาวทั้งสองนั้นหยุดได้เลยจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน
"ยังไง ๆ ไปหามาจากไหน ทำไมงานดี" ปั้นหยาสาวสายเมาท์ยิงคำถามเปิดประเด็นมาทันทีเมื่อถึงเวลาเลิกงาน จริง ๆ แล้วอยากถามตั้งแต่ตวงรัตน์กลับมาแล้ว แต่เพราะมีโพรเจกต์ด่วนที่ต้องทำส่ง PM ภายในสี่โมงเย็น (PM=Project Manager) ก็เลยต้องเก็บความสงสัยเอาไว้
"ไม่มีอะไร เมแค่ไปเลี้ยงข้าวขอบคุณเขาเฉย ๆ" ตวงรัตน์ว่าพร้อมกับเก็บของลงกระเป๋า "จำได้ไหมที่หัวหน้าพาเราไปเลี้ยงต้อนรับอะ แล้ววันนั้นเมโดนโรคจิตเดินตาม คนนี้แหละที่ช่วยเมเอาไว้"
ทั้งตวงรัตน์ ปั้นหยาและน้ำค้าง ทั้งสามเป็นพนักงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานพร้อมกัน ตวงรัตน์กับปั้นหยาเป็นนักคอม ส่วนน้ำค้างเป็นธุรการของแผนก แต่เพราะเข้ามาทำงานพร้อมกัน อายุของทั้งสามก็เท่ากัน และอีกอย่างทั้งแผนกที่เหลือก็จะเป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ เลยทำให้สามสาวสนิทกันมากกว่าคนอื่น ๆ
"ไหนตอนนั้นบอกว่าลืมขอเบอร์เขาไง" น้ำค้างถามขึ้นอย่างงง ๆ จำได้ว่าตอนนั้นตวงรัตน์เลยเล่าให้ฟังแล้วเรื่องที่โดนโรคจิตตามแล้วมีคนช่วยเอาไว้ แต่ไม่ได้ตอบแทนคนที่ช่วยเพราะว่าลืมขอเบอร์ติดต่อ
"ก็ลืมขอจริง ๆ"
"อ้าว แล้วมาเจอกันได้ไง" ปั้นหยาถามงง ๆ
"บังเอิญเจอน่ะ โคตรบังเอิญเลย คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วซะอีก" ตั้งแต่ที่พี่ชายเธอไปรับวันนั้น กว่าเธอจะได้กลับไปแถวนั้นอีกก็ผ่านมาแล้วตั้งสองสัปดาห์ เพราะเธอต้องไปหาคอนโดฯ ใหม่ แล้วไหนจะต้องมาทำงาน เลิกงานก็ต้องไปจัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ อีก ถึงพี่ชายเธอจะช่วยเรื่องเงินดาวน์ แต่คนที่กู้คือเธอ เลยใช้เวลาเตรียมเอกสารนานหน่อย เธอเพิ่งเคยกู้เงินก้อนใหญ่แบบนี้ครั้งแรก และเพราะมีพี่ชายที่เครดิตดีเป็นคนค้ำประกันให้ การกู้ของเธอเลยใช้เวลาไม่นานธนาคารก็อนุมัติให้ผ่าน
จัดการเรื่องคอนโดฯ ใหม่เสร็จ พี่ชายเธอก็พากลับไปทำเรื่องคืนห้องและเก็บของเพื่อย้ายเข้าคอนโดฯ เธอก็ยุ่ง ๆ แหละ เลยไม่มีเวลาไปตามหาเขา ถึงมีเวลาก็ไม่รู้จะไปหาหรือไปเจอได้ที่ไหน เพราะจำได้แค่ว่าเขาชื่อศรัณภัทร...
"เออ แต่บังเอิญจริง"
"บังเอิญมาก แล้วเขาทำงานแถวนี้ปะ ได้ถามเขาไหม" น้ำค้างถาม
"ไม่ได้ถามอะ" เธอส่ายหน้าตอบ "แต่ก็ไม่น่านะ เพราะที่คอเขาไม่ได้ห้อยป้ายอะไรเลย น่าจะบังเอิญผ่านมาแถวนี้เฉย ๆ แหละ หรือไม่ก็มาติดต่องานอะไรสักอย่าง"
"แต่หล่อมากนะ เสียดายแทนอะ หล่อกว่าดาราบางคนอีก" ปั้นหยาพูดพร้อมทำหน้าเสียดาย
"เวอร์ละ ๆ มาบอกว่าคนหล่อ ถ้าพี่นนท์ของหยามาได้ยินเข้า เดี๋ยวได้เสียดายจริง ๆ" ตวงรัตน์ยิ้มล้อเพื่อน พี่นนท์หรือนนทกรคือรุ่นพี่สุดฮอตในแผนก เป็นซีเนียร์โปรแกรมเมอร์ เธอแอบรู้มาว่านนทกรกับปั้นหยาเหมือนกำลังจีบ ๆ กันอยู่ แต่ไม่รู้หรอกว่าใครจีบใคร
"ก็อย่าให้ได้ยินสิจ๊ะ หาไรกินก่อนไหมหรือกลับเลย" ปั้นหยาพูดพร้อมหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วมองหน้าตวงรัตน์กับน้ำค้างอย่างรอคำตอบ
"น้ำกลับเลย เพราะแฟนมารอรับแล้ว" น้ำค้างมีแฟนแล้ว และแฟนก็ทำงานที่บริษัทละแวกใกล้ ๆ กันนี่แหละ เลิกงานก็กลับพร้อมกันเกือบทุกวัน นอกจากวันไหนจะทำโอทีดึก ๆ
"โอเค แล้วเมล่ะรีบไหม ไปหาอะไรกินกัน" ปั้นหยาพยักหน้าให้น้ำค้าง ก่อนจะหันมาชวนตวงรัตน์อีกครั้ง
"ไม่รีบ ๆ ไปได้" ตวงรัตน์ก็ตอบตกลงง่าย ๆ เพราะเธอก็ไม่ได้ติดอะไร ไม่ต้องรีบไปไหนอยู่แล้ว วันไหนที่ไม่ทำโอทีเธอกับปั้นหยามักจะไปหาอะไรกินเล่นด้วยกันก่อนแยกกันเป็นประจำ ทั้งสองเลยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวสายกินที่พี่ ๆ คนอื่นในแผนกชอบเรียกกัน
หลังจากตกลงกันได้แล้วว่าจะไปกินอะไรที่ร้านไหน โดยเลือกร้านที่ติดกับแนวรถไฟฟ้า กินเสร็จก็จะได้เดินทางกลับกันง่าย ๆ เพราะคอนโดฯ ของปั้นหยาก็อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเหมือนกัน แต่อยู่ไกลกว่าคอนโดฯ ที่ตวงรัตน์อยู่ไปประมาณสามสี่สถานีได้
ร้านอาหารที่ทั้งคู่เลือกคือร้านปิ้งย่าง อยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไร มาถึงทั้งคู่ก็จัดการสั่งอาหารกันแบบจัดหนักจัดเต็มสมกับชื่อสองสาวสายกิน ระหว่างทานก็คุยกันในเรื่องต่าง ๆ เมาท์มอยถึงคนนั้นคนนี้ในบริษัท บ้างก็สลับกันเล่าเรื่องที่มหา’ลัยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน พอกินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน
"เที่ยงนี้กินไรดีอะ" คำถามยอดฮิตของปั้นหยาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่มักสไลด์เก้าอี้เข้ามาชิดแล้วเอ่ยถามทุกวันในเวลาใกล้เที่ยง ตวงรัตน์จึงหยุดรัวนิ้วมือลงบนคีย์บอร์ดแล้วหันมาตอบคำถามของปั้นหยา
"แล้วแต่คุณหยาเลยค่ะ" ตอบพร้อมฉีกยิ้มให้สวย ๆ เพราะเธอก็คิดไม่ออก เป็นปัญหาโลกแตกมากกับคำถามที่ว่า ‘กินอะไรดี’
"เฮ้อ ไปถามน้ำค้างแป๊บ" ปั้นหยาถอนหายใจก่อนจะลุกเดินไปหาน้ำค้างที่นั่งอยู่อีกฟากของห้องทำงาน ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ทั้งคู่ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกัน ตวงรัตน์จึงเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เพราะทั้งคู่มีสีหน้าเหมือนมีเรื่องอะไรจะพูด
"เม มีไรจะเล่าให้ฟัง" ปั้นหยาเปิดประเด็นขึ้นมา
"ว่า?"
"น้ำค้างเล่า" ปั้นหยาบอกน้ำค้าง ตวงรัตน์ขมวดคิ้วนิด ๆ เพราะตอนแรกเหมือนปั้นหยาจะเป็นคนเล่าเพราะเปิดประเด็นมาซะใหญ่โต แต่สุดท้ายดันไปสะกิดน้ำค้างให้เป็นคนเล่าซะงั้น "ก็น้ำค้างเป็นคนเห็นนี่ หยาไม่ได้เป็นคนเห็น"
"เห็นอะไรอะ" ตวงรัตน์มองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ เพื่อนไปเห็นอะไรมา
"คืองี้...เมื่อกี้น้ำเอาใบเสนอราคาไปให้ฝ่ายบัญชีดูใช่ปะ แล้วน้ำบังเอิญเห็นคนนั้นเดินผ่านอะ"
"คนไหน"
"คนนั้นไง คนนั้นอะ" ตวงรัตน์ก็ยังไม่เข้าใจที่เพื่อนเล่าอยู่ดี เธอมองหน้าเพื่อนทั้งสอง ๆ สลับกันอย่างไม่เข้าใจ คนนั้นแล้วมันคนไหนล่ะ จะไปรู้ด้วยไหมเนี่ย
"แล้วเมจะรู้ไหมเนี่ยว่าคนนั้นน่ะใคร" เธอว่าพลางส่ายหน้าขำ ๆ
"ก็น้ำไม่รู้จักชื่ออะ แต่จำได้ คนที่หล่อ ๆ อะ ที่ไปทานข้าวกับเมวันนั้นไง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอะ"
"หือ..." หญิงสาวนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อคมของศรัณภัทรจะแวบเข้ามาในหัว เพราะถ้าหมายถึงคนที่ไปทานข้าวด้วยก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น "อ๋อ คุณศรัณภัทร แล้วไปเจอได้ไงอะ เขามาทำอะไร เจอนานหรือยัง แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน"
"เดี๋ยว ๆ ใจเย็นค่ะคุณเม ถามรัว ๆ อย่างกับเพื่อนจะตอบได้งั้นแหละ" ปั้นหยาว่าพร้อมกับแอบเบ้ปากใส่เพื่อนอย่างหมั้นไส้กับท่าทางตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
"อ้าว แล้วตอบไม่ได้เหรอ" หญิงสาวถามอย่างผิดหวังนิด ๆ ตั้งแต่วันที่เธอไปเลี้ยงข้าวกลางวันเขาก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย พอได้ยินเพื่อนบอกว่าเจอ เธอก็อยากจะเข้าไปทักทายสักหน่อย แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าเขามาทำอะไรแถวนี้
"ไม่ได้ เพราะนี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน น้ำแค่บังเอิญเห็นเฉย ๆ" น้ำค้างตอบ ก่อนที่บทสนทนาของทั้งสามจะหยุดไป เพราะเสียงของหัวหน้าแผนกที่บอกว่าวันนี้จะพาไปเลี้ยงอาหารกลางวันดังขึ้น ทำเอาทุกคนส่งเสียงเฮลั่นขึ้นมาด้วยความดีใจรวมถึงสาว ๆ ทั้งสามคนด้วย ดีที่วันนี้จะได้กินของฟรี
ร้านอาหารที่หัวหน้าพามาเลี้ยงวันนี้ก็คือคาเฟ่ซอยข้าง ๆ บริษัทที่ตวงรัตน์เคยมาทานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นเอง แต่วันนี้นั่งโต๊ะใหญ่หน่อยเพราะมากันทั้งแผนกเลย หัวหน้าแจ้งมาว่าวันนี้นอกจากจะเลี้ยงข้าวกลางวันแล้ว ยังมีพนักงานใหม่มาแนะนำให้รู้จักด้วย ก็เรียกง่าย ๆ ว่าพาพนักงานใหม่มาเลี้ยงต้อนรับนั่นแหละ
"พนักงานใหม่นี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอะคะ" ปั้นหยาเอียงตัวไปกระซิบถามนนทกรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่แทนที่จะได้คำตอบกลับได้สายตาดุ ๆ กลับมาแทน จนคนถามทำหน้าหงอลงเลยทันที "...ขอโทษค่ะคุณพี่"
"สมน้ำหน้า ถามใครไม่ถาม ไปถามพี่นนท์" ตวงรัตน์ว่าเพื่อนขำ ๆ
"ก็อยากรู้อะ หรือเมไม่อยากรู้ นี่อุตส่าห์เป็นตัวแทนของหมู่บ้านไปถามให้"
"อยากรู้ แต่เดี๋ยวก็ได้รู้เองแหละน่า แต่ถ้าให้เดาน่าจะเป็นผู้ชายนะ เพราะแผนกเราส่วนมากไม่ค่อยมีผู้หญิงหรอก" มีแค่พวกเธอสามคนนี่แหละที่หลุดเข้ามา อีกอย่างคนที่เรียนด้านนี้ส่วนมากก็มีแต่ผู้ชาย เพื่อนที่มหา’ลัยของเธอก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น
"หยาก็อยากให้เป็นผู้ชายนั่นแหละค่ะ จะได้มีอาหารตาเพิ่ม เอ่อ...หยาแค่ล้อเล่นน่ะค่ะ" ปั้นหยาพูดอย่างระริกระรี้ตอนช่วงแรก ๆ ก่อนจะรีบหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสียงเบา เมื่อได้ยินเสียกระแอมไอ ส่วนตวงรัตน์กับน้ำค้างนั้นได้แต่ขำกัน
ผ่านไปสักพักอาหารที่สั่งไปก็เริ่มมาเสิร์ฟพร้อมกับหัวหน้าที่เดินเข้ามาในร้านโดยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามหลังเข้ามา และทันทีที่ตวงรัตน์ได้เห็นหน้าของผู้ชายคนนั้น ช้อนที่เธอกำลังหยิบไปแจกจ่ายคนอื่น ๆ ก็หลุดมือร่วงลงพื้นทันที
"นี่คุณศรัณภัทร ซีเนียร์คนใหม่ในแผนกของเรา" หัวหน้าแนะนำอย่างคร่าว ๆ แล้วนั่งลงตรงหัวโต๊ะ ทำมือให้ศรัณภัทรแนะนำตัวเองต่อ
"สวัสดีครับ ผมศรัณภัทร หรือเรียกผมว่ารันเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" ชายหนุ่มแนะนำพร้อมกับยิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร ก่อนที่สายตาของเขาจะมาหยุดที่ตวงรัตน์ที่ยังคงมีสีหน้าตกใจอยู่