แม้จะอยากรู้ว่าเรื่องที่ชายแดนคือเรื่องอะไรที่ทำให้ฮ่องเต้หน้ามึนมือปลาหมึกรีบร้อนออกไปเช่นนี้ จะเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของนางหรือเปล่านะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวนางค่อยสืบ ตอนนี้นางยังยืดเวลาขึ้นเขียงไปได้อีกสักระยะ หนิงซูเยว่เอนกายลงนอนแต่ไม่สนิทใจเพราะไม่รู้ว่าหยางจื่อจะกลับมาอีกหรือไม่
กระทั่งเช้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาฮ่องเต้กลับมา ตัวหนิงซูเยว่เองก็ไม่ได้หลับทั้งคืน นางกลัวว่าใบหน้าจะเหี่ยวย่นกว่าวัย เพราะแอบส่องกระจกเห็นว่าตั้งแต่หลงมาอยู่ในยุคราชวงศ์ชิงความวุ่นวายของวังหลังทำให้หางตาของนางเริ่มเหี่ยวย่น ตีนกาเริ่มจะมา นางจึงนอนต่อไปจนถึงกลางวันทดแทนกับที่หลับๆ ตื่นๆ มาทั้งคืนแต่ไม่ลืมให้นางกำนัลไปหาแตงกวามาฝานเป็นแว่นเพื่อใช้แปะบนใบหน้า สิ่งที่นางไม่ค่อยชอบใจอีกอย่างยุคนี้ยังไม่เคยผลิตอายครีมขึ้นมาใช้ พวกนางสนมตอนนี้จึงมีดวงตาเหมือนหมีแพนด้า หนิงซูเยว่นึกไปขำไปแล้วหลับไปในที่สุด
ตำหนักใหญ่
เมื่อคืนหลังจากหยางจื่อออกไปคุยกับจางกงกงเรื่องการสู้รบที่ชายแดนทางใต้ ข่าวรายงานว่าตอนนี้กู้ม่านเอ่อจินสามารถปราบกบฎและยึดดินแดนใต้ไว้ได้หมดแล้ว แต่ทางทิศตะวันออกกลับมีกบฎกลุ่มใหม่เกิดขึ้น เขาจึงต้องเรียกประชุมขุนนางฝ่ายบู๊มาคุยกลางดึก กว่าจะคุยเสร็จก็ยามโฉ่วหรือก็คือเวลาตีหนึ่งถึงตีสามไปแล้ว เขาจึงกลับห้องบรรทมตัวเอง
ทว่ากว่าเขาจะผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายกลางดึกนั้นมาได้นับว่าหนักหนาเอาการ ผลจากต้องการแก้เกมฮองเฮาเจ้าเล่ห์ที่คิดวางแผนลึกล้ำกระทำการใหญ่หวังอุ้มครรภ์มังกรเพื่อให้ตำแหน่งฮองเฮาของนางไม่มีวันสั่นคลอน ก่อนเข้าห้องบรรทมฮองเฮาเขาจึงสั่งให้จางกงกงไปสั่งให้ห้องเครื่องเตรียมน้ำแกงชนิดพิเศษปรุงด้วยสมุนไพรจีนผสมถั่งเช่าและสมุนไพรตัวอื่นๆ ซึ่งแพทย์หลวงคัดสรรมาเพื่อพระองค์โดยเฉพาะด้วยหวังให้พระพลามัยที่ยังสมบูรณ์แข็งแรงในวัยหนุ่มรวมกับสมุนไพรชั้นเลิศจะทำให้ราชวงศ์มีข่าวดีในเร็ววัน
แต่น้ำแกงเมื่อคืนนี้พิเศษยิ่งกว่าที่เคยเสวยมาเพราะหยางจื่อสั่งขันทีให้ห้องเครื่องเพิ่มสมุนไพรมากเป็นพิเศษสรรพคุณนั้นเทียบเท่ากับไวอากร้าถึงห้าเม็ด เขาต้องการกินเพื่อร่วมภิรมย์กับนางทั้งคืนแต่จะไม่ให้นางมีบุตรเพราะนางต้องกินน้ำแกงห้ามครรภ์แต่กลับกลายเป็นเขาเองที่ต้องนอนทรมานจากสมุนไพรชั้นยอดนั้นทั้งคืน
หยางจื่อย้อนคิดเมื่อเผชิญหน้ากับขันทีคนสนิท
“เพราะเจ้านั่นแหละจางกงกงเราถึงนอนไม่หลับกระทั่งเช้ามันจึงเบาฤทธิ์ลง”
จางกงกงรีบก้มหน้าทรุดตัวลงกับพื้นศิลาอ่อน “กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอพระองค์ลงพระอาญากระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างเถอะ” หยางจื่อโบกมือ ไม่ถือเอาความผิดแล้วบอกให้จางกงกงลุกขึ้นได้ “หากหนิงซูเยว่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเรานางคงจะเย้ยหยันเราน่าดู”
จางกงกงเงยหน้างุนงงขึ้นมา “กระหม่อมคิดว่าพระองค์ปรารถนาจะให้ฮองเฮาทรงพระครรภ์เสียอีกถึงได้สั่งห้องเครื่องปรุงน้ำแกงสูตรพิเศษนั่นและเสริมด้วยถั่งเช่ากับสมุนไพรที่ให้ฤทธิ์ เอ่อ..”
“ไม่มีทาง ข้าไม่มีวันมอบโอรสให้นางผู้มักใหญ่ใฝ่สูงเด็ดขาด ทีแรกก็ดูสงบเสงี่ยมเจียมตัว ดูเวลานี้สิที่นางลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เพื่อมัดใจข้าให้ยอมนอนกับนาง ข้ายอมรับว่านางดูงดงามโฉมสะคราญล่มบ้านล่มเมือง แต่ข้าหยางจื่อเห็นหญิงงามมานักต่อนัก แผนการทะเยอทะยานของนางใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก” หยางจื่อพ่นลมหายใจ ยอมรับว่าด้านความงามนางเปลี่ยนไปจนเขาตะลึงแต่กำแพงที่มีระหว่างกันยังสูงอยู่เช่นเดิมเพราะการแต่งเข้าราชวงศ์ของหนิงซูเยว่ก็คือเกมการเมืองนางต้องการความมั่นคง เขาเองก็ต้องการฐานกำลังของบิดานาง
หยางจื่อตั้งใจว่าจะให้ฮองเฮาทำงานคุ้มกับเบี้ยหวัดและข้าวของต่างๆ ที่เป็นผู้ได้รับก่อนใคร นับว่าค่าตัวนางสูงมาก หากเมื่อคืนนี้หนิงซูเยว่ได้ถวายตัวหลังจากร่วมภิรมย์ เขาคิดจะประทานน้ำแกงที่มีส่วนผสมของเกสรต้นพลับตากแห้งให้นางดื่มเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ทันทีแต่ผิดแผนไปเพราะจางกงกงดันมีเรื่องด่วนเข้ามาเสียก่อนจะเรียกนางกำนัลสาวๆเข้ามาเขาก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยว เว้นแต่สนมชายาที่รับเข้ามาอย่างถูกพิธีเท่านั้นด้วยเหตุนี้เองสนมชายาของพระองค์จึงมีไม่มากนักและยังไม่มีนางใดที่ตั้งครรภ์เพราะบ้านเมืองเพิ่งจะสงบสุขได้ไม่นาน
“ข้าจะไม่ให้เจ้านอนเสวยสุขโดยไม่ทำงานหรอกหนิงซูเยว่”
ตรงข้ามกับหนิงซูเยว่ที่เช้านี้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นเมื่อเช้าตอนที่สนมชายาทั้งหลายเข้ามาถวายพระพรพวกนางมีท่าทีเปลี่ยนไปมาก ดูสงบเสงี่ยมขึ้นไม่มีใครกล้านินทานางโดยไม่มองก่อนว่ามีนางอยู่บริเวณนั้นหรือไม่ แต่อย่าหวังให้พวกนางหยุดนินทาลับหลัง หนิงซูเยว่รู้ดีว่าสนมชายาพวกนั้นคงสับนางละเอียดแต่นางไม่ได้ยินแล้วจะรู้สึกอะไรแต่ถ้าได้ยินอีกนางจะสั่งให้คุกเข่าอีก
ฮองเฮาเลื่อนการถวายพระพรออกไปทำให้เวลาอาหารเช้าซึ่งเริ่มต้นหกโมงเช้าต้องเปลี่ยนเป็นเจ็ดโมง หนิงซูเยว่ดูจะหิวไม่น้อยด้วยเมื่อวานมื้อเย็นนางแทบไม่ได้แตะอาหารเลย เพราะนางกำนัลต่างพยายามหว่านล้อมจะขอขัดผิวนางให้นวลผ่องกว่าที่เคยเพราะจะต้องถวายตัวแต่มันก็ล่มไม่เป็นท่า
หนิงซูเยว่นึกแล้วหัวเราะเบาๆ ฮ่องเต้ต้าชิงต้องละเว้นภารกิจบนเตียงมาถึงสองคืนติดกัน ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้หวยจะออกที่ชายาหรือสนมคนใด ช่างน่าสงสารนางผู้นั้นที่ค่ำคืนนี้คงจะต้องรับศึกหนักคิดแล้วคงจะเป็นใครไม่ได้หากไม่ใช่เสวียหวงกุ้ยเฟยแห่งตำหนักลู่เอิน หนิงซูเยว่บิดกายขับไล่ความปวดเมื่อยจากการนอนพลางหยิบหมั่นโถวขึ้นกัดกินอย่างสบายใจ แต่พอกัดเพียงคำเดียวก็วางลงไม่ใช่เพราะด้อยความอร่อยแต่นางเกิดความรู้สึกเบื่อขึ้นมา ดวงตาหงส์กวาดมองอาหารมากมายที่หลังจากนี้จะต้องถูกเททิ้ง แต่หากนำไปเลี้ยงชาวบ้านยากจนคงจะกินได้หลายสิบหลังคาเรือน
“ฟุ่มเฟือยชะมัด”
เหมยเอี้ยนรีบรินน้ำชาถวายแล้วเอ่ยถาม “ฮองเฮาไม่โปรดหรือเพคะ”
‘แปลกจริงพอมีเวลานั่งกินอาหาร ของกินล้วนแต่เป็นของดี แต่กลับกินไม่ลง’ นางคิดอยู่ในใจ ตำหนักเฟยเฟิงของนางได้รับพระราชทาน หมู แพะ ไก่ เป็ด อย่างละตัวในแต่ละวันเพื่อประกอบอาหารโดยห้องเครื่องของตำหนักไม่รวมกับเหล่าสนมชายาคนใด อาหารที่ห้องเครื่องทำถวายมีทั้งอาหารแมนจูและอาหารฮั่นแต่เหตุใดอาหารเลิศรสพวกนี้ถึงทำให้นางไม่อยากแตะต้อง แต่ภาพอาหารรสชาติจัดจ้านซึ่งครั้งหนึ่งเบื่อนักหนากลับลอยเข้ามาในหัว
หนิงซูเยว่ลุกขึ้นแล้วบอกให้นางกำนัลเก็บอาหารหลาบสิบจานบนโต๊ะเสวยออกไป แถมยังสั่งอีกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ให้ตั้งโต๊ะด้วยอาหารเพียงสองสามชนิดเพราะนางเสียดายอาหารเหล่านี้ที่จะต้องนำไปเททิ้ง นางกำนัลที่ได้ยินพลันมีสีหน้าตกใจ
“แต่ว่า...”
“ทำตามที่เราสั่ง ถ่ายทอดคำสั่งออกไปอาหารของเราต่อไปนี้มื้อเช้าไม่เกินสามอย่าง กลางวัน และเย็นไม่ต้องเกินห้าอย่าง”
“เพคะ” นางกำนัลสาวก้มหน้ารับคำสั่ง
“ส่วนเช้านี้เรากินอะไรไม่ลง เจ้าว่าคนที่ห้องเครื่องจะทำก๋าเพา เฉ่า จูโยร่ว ให้เราได้หรือไม่” นางกำนัลซูเหวินและเหมยเอี้ยนมองหน้ากันตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าชื่ออาหารที่ฮองเฮาตรัสรับสั่งว่าอยากเสวยนั้นมีหน้าตาอย่างไร ชื่ออาหารนั้นก็ฟังดูไม่คล้ายทั้งอาหารแมนจูหรืออาหารชาวฮั่น
“ขอประทานอภัยเพคะฮองเฮา หม่อมฉันด้อยสติปัญญาไม่รู้จักอาหารที่ฮองเฮาอยากเสวย ฮองเฮาบอกลักษณะของก๋าเพา เฉ่า จูโยร่ว ได้ไหมเพคะหม่อมฉันจะรีบไปแจ้งแก่หัวหน้าห้องเครื่อง” เหมยเอี้ยนเป็นคนถามขึ้น
“เอาล่ะเรารู้ว่าพวกเจ้ากำลังงง และคงไม่รู้จัก เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราจะไปที่ห้องเครื่องแล้วปรุงมันเอง ไม่ต้องให้เดือดร้อนใครหรอก”
“แต่ฮองเฮาจะเข้าครัวเองไม่ได้นะเพคะ”
“ทำไมจะเข้าไม่ได้ เดี๋ยวเราจะทำเผื่อพวกเจ้าด้วย ใครๆ ก็เอ่ยชมว่าเราทำอร่อย โดยเฉพาะท่านพ่อ” หนิงซูเยว่คุยโวเพราะอาหารกินกันตายของนางอย่างกระเพราหมูสับใครๆ ที่ยุคของนางก็บอกเสมอว่าฝีมือผัดกระเพราของนางอร่อยระดับห้าดาว
ซูเหวินขมวดคิ้วนางจำได้ว่าฮองเฮาเคยตรัสสมัยแต่งเข้าราชสกุลอ้ายซินเจว๋หลัวใหม่ๆ ว่าบิดาของนางท่านกู้ม่านเอ่อจินทานมังสวิรัติ
“แต่ฮองเฮาเคยตรัสรับสั่งกับหม่อมฉันว่าท่านกู้ม่านเอ่อจินทานแต่อาหารมังสวิรัตินะเพคะ”
หนิงซูเยว่หุบยิ้มนางพลาดไปแล้ว “เอ่อ เราพูดถึงก่อนที่ท่านพ่อจะปฏิญาณว่าจะกินมังสวิรัติตลอดชีพ” นางแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ วันหลังคงต้องรอบคอบมากกว่านี้นางจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วว่าหนิงซูเยว่คนก่อนมีวงศ์วานว่านเครือเป็นใครบ้าง ชอบและไม่ชอบอะไรจะได้ไม่ปล่อยไก่ออกมาอีก