13

1671 Words
ประเทศไทย ในช่วงเดือนกรกฎาคมฝนฟ้าคะนองมากเป็นพิเศษเรียกได้ว่าตกทั้งเช้าทั้งค่ำราวกับตอกบัตรทำงานพอถึงเวลาก็ตกลงมาไม่ลืมหูลืมตานั่นเป็นเพราะมรสุมกำลังพัดผ่านเข้ามายังประเทศไทยปกคลุมภาคเหนือและภาคกลาง สายฝนที่กำลังลงกระหน่ำมันไม่ใช่ปัญหาของคนที่นั่งทำงานเขียนบทหน้าคอมพิวเตอร์ซึ่งจะมีนิวาสอยู่แห่งหนตำบลใดของโลกใบนี้ก็ได้ขอเพียงมีวินัยทำงานให้เสร็จและส่งให้ทันเดตไลน์เป็นพอ เพราะงานเขียนบทต้องมองทุกอย่างให้เป็นภาพและสื่อสารเป็นไดอะล็อกที่ไม่ยืดยาวเกินไปเพราะจะทำให้นักแสดงจำบทได้ยาก เหตุการณ์แต่ละซีนต้องกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ เฉียบคมจดจำง่ายอย่างถูกที่ถูกเวลา แต่เธียรธรรมต้องหลุดจากภาพมโนทางความคิด ฉากแฟลชแบคที่กำลังอยู่ในจินตนาการแตกกระจาย หมดสมาธิในการทำงานแล้วทิ้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ขับรถมายังบ้านหลังสุดท้ายของซอยซึ่งเป็นบ้านของดั่งฝันคอสตูมสาวที่เขากับเธออยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่กลับไม่เคยคุยกันเกินสามคำเพราะต่างคนต่างไม่มีเวลา จนกระทั่งอีกฝ่ายมีอาการเพี้ยนหนักถึงกับทำงานทำการไม่ได้เพราะมัวแต่ละเมอเพ้อพกคิดว่าตนเองเป็นฮองเฮาหลงยุคมาจากสมัยราชวงศ์ชิง ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่เธอเดินทางไปกับกองถ่ายที่ประเทศจีน อันที่จริงมันควรเป็นหน้าที่ของญาติหรือไม่ก็สามีของเธอหรืออีกทีคือแพทย์ที่โรงพยาบาลจิตเวช ใครก็ได้ที่ไม่สมควรเป็นเขาที่ต้องขับรถมอเตอร์ไซด์ฝ่าสายฝนจากปากซอยมาท้ายซอยเพียงเพราะว่า “คุณดั่งฝันไม่ยอมทานข้าวค่ะคุณเธียร ผัดกระเพราหมูสับที่คุณเธียรบอกว่าเธออาจจะชอบก็เลื่อนจานหนีแล้วนั่งตัวแข็งไม่แตะน้ำแตะข้าวเลย” “งั้นปล่อยให้อดตายไปเลยป้าผมจะได้ติดต่อวัดให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ผมก็ชักทนกับคนเรื่องเยอะแบบเธอไม่ไหวแล้ว” เธียรธรรมที่เป็นคนเฉยๆ แต่ใบหน้าหล่อเหลาขาวตี๋โปรไฟล์ดีเยี่ยมบอกอย่างมะนาวไม่มีน้ำ เขาไม่เคยมีปากเสียงเถียงกับผู้หญิงคนไหน แต่เวลานี้อยากจะจับสาวสวยตรงหน้าไปยัดในรถแล้วขับตรงดิ่งไปส่งที่โรงพยาบาลศรีธัญญาเสียให้รู้แล้วรู้รอดเพราะปัญหาของแม่เจ้าประคุณช่างเยอะเหลือเกิน โชคดีที่เธียรธรรมเรียนจบปริญญาตรีเอกภาษาจีนโบราณจากประเทศจีนเพราะไปเรียนและพักอยู่กับญาติทางฝั่งมารดาที่มีรกรากอยู่ในกรุงปักกิ่ง จึงทำให้เขางานเข้าเพราะมีแต่เขาที่คุยกับเธอรู้เรื่องเพียงคนเดียวจึงถูกผู้ใหญ่ฝากภาระอันแสนหน้าเบื่อให้ช่วยดูแลเธอไปก่อน ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับดั่งฝัน คอสตูมสาวสวยถึงสติแตก เท่าที่เธียรธรรมพอจะรู้มาหลังจากหยุดพักกองถ่ายแม่นี่ก็ขอไปดูมัมมี่ในพิพิธภัณฑ์หม่าหวังตุ้ยในเมืองฉางซา คนในกองถ่ายลือกันว่าเธอสลบไปถึงสามวันสามคืนพอตื่นมาก็พูดภาษาจีนเป็นไฟ ในกองถ่ายไม่มีใครคุยกับเธอรู้เรื่องพอเดินทางกลับเมืองไทยเธียรธรรมจึงถูกผู้ใหญ่ที่นับถือกันเรียกตัวไปพบเพื่อขอความช่วยเหลือให้เป็นล่ามสื่อสารกับคอสตูมสาวซึ่งใครๆ ก็บอกว่าเธอถูกผีฮองเฮาเข้าสิง พอเห็นหน้าเธอ เขาก็จำได้ว่าเธอมันแม่สาววายร้ายที่ชอบขับรถไวจนเกือบจะชนแมวตัวโปรดของเขา เพราะบังเอิญว่าเธอกับเขามีบ้านอยู่ใกล้กัน และต้องซวยหนักกว่านั้นเพราะนอกจากผู้ใหญ่ขอให้เขาช่วยเป็นล่ามแล้วยังฝากฝังให้ช่วยดูแลระหว่างที่เธอยังเพี้ยนอยู่แบบนี้จนไม่สามารถทำงานได้ ส่วนทางกองถ่ายเองก็ต้องวุ่นวายกันไปหมด แต่คงเป็นบุญเก่าผู้กำกับจึงไม่เอาความกับยัยเพี้ยนนี่ที่ทำให้กองถ่ายที่ต้องรีบเร่งถ่ายทำละครรอคิวออนแอร์เพราะทั้งพระเอกนางเอกก็คิวทองให้เวลาถ่ายทำเพียงสี่เดือนเศษเท่านั้น เธียรธรรมรู้สึกเห็นใจคนทำงานด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องเห็นใจเธอด้วยแต่รับปากไปแล้วจะทำอย่างไรได้ “ไม่เป็นไรครับป้าเดี๋ยวผมดูแลคุณฝันเอง นี่ก็ค่ำแล้วป้าอุ่นกลับบ้านไปพักเถอะครับเดี๋ยวลูกๆ จะเป็นห่วง” “งั้น ป้าฝากด้วยนะคะ” สาวใหญ่วัยห้าสิบเศษบอกแล้วหันไปมองสาวสวยที่นั่งหลังตรงเชิดหน้าราวกับนางพญาหงส์ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ร้ายอะไรดูน่าสงสารเสียด้วยซ้ำจะมีปัญหามากหน่อยก็เวลากิน เวลาอาบน้ำแต่งตัว เพราะเธอไม่ยอมจะอาบน้ำด้วยฝักบัวแต่เรียกร้องจะลงแช่ในอ่างทองคำแต่ใครจะไปหาอ่างทองคำให้ได้จะมีก็แต่โอ่งมังกร พอร่างท้วมของป้าอุ่นออกจากประตูไปเธียรธรรมที่รอจังหวะจะเล่นงานคนเรื่องเยอะก็กระแทกจานกระเบื้องลงบนโต๊ะ ฮองเฮาหนิงซูเยว่สะดุ้งลำคอหงส์ที่ตั้งตรง ยิ่งตั้งตรงกว่าเดิม ก่อนจะช้อนดวงตาเย่อหยิ่งแต่มีแววเศร้ามองเธียรธรรมราวกับว่าเขาเป็นเพียงขันทีซึ่งเธอมีสิทธิ์จะชี้นิ้วสั่ง ปากก็พึมพำแต่อะไรที่เธียรธรรมฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง “ข้าอยากสั่งโบยประหารเจ้านัก เจ้ามันเป็นคนเลว ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อยู่ต่อหน้าข้าฮองเฮาหนิงซูเยว่ พระมารดาแห่งแผ่นดินต้าชิงยังไม่ยอมคุกเข่าอีก” เธียรธรรมรู้สึกว่ากลับบ้านไปเขาต้องกรอกยาแก้ปวดหัวสักสองเม็ดแล้วลูบคางพลางครุ่นคิด ยอมนั่งคุกเข่าลงตามที่อีกฝ่ายต้องการ ยอมเล่นตามน้ำไปจะได้จบ “เสวยเถอะพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา ถ้าฮองเฮาไม่เสวยกระหม่อมจะเอามันไปเททิ้งเดี๋ยวนี้ กระหม่อมทราบมาว่าฮองเฮาทรงโปรดกระเพราหมูสับจึงได้ไปซื้อมาถวาย ยังจะเรื่องมากจะให้ตั้งโต๊ะมีอาหารร้อยแปดอย่างอีกหรือ” “เราเป็นฮองเฮาไม่ใช่นักโทษ เจ้าเป็นคนของแคว้นใด หรือเป็นพวกฮั่นที่ต่อต้านแมนจูจึงจับตัวเรามาขังไว้ที่นี่ แต่เราก็คือชาวฮั่นเจ้าไม่รู้หรือ” หนิงซูเยว่ยังมึนงงตั้งแต่เติบโตขึ้นมานางถูกเลี้ยงอยู่แต่ในจวนนานๆ ท่านพ่อถึงจะยอมพาออกไปนอกจวน นางจึงไม่เคยชินกับโลกภายนอก หลังจากถูกส่งตัวเข้าวังหลวงนางก็อยู่แต่ในตำหนักจึงไม่รู้ว่าที่นี่มันเป็นดินแดนใดกันแน่ ทั้งภาษาเครื่องแต่งกายของคนพวกนี้ล้วนประหลาดอย่างน่าตกใจ “หากฮ่องเต้รู้ว่าเจ้าลักพาตัวเรามา โทษของการลักพาตัวฮองเฮาแห่งอาณาจักรต้าชิงประหารเจ็ดชั่วโคตรยังไม่เพียงพอต่อความผิดของเจ้า” “เฮ้อ” เธียรธรรมถอนหายใจ “อย่างนี้เรียกว่าบ้าเต็มรูปแบบ กระเพราหมูสับไม่กินใช่ไหม ก็ได้งั้นก็ไม่ต้องกิน” เธียรธรรมหมดความอดทน ยกจานกระเบื้องเคลือบสีขาวเนื้อดีที่มีกระเพราหมูสับโปะไข่ดาวดูน่ากินเทลงถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ หนิงซูเยว่มองตามอย่างเสียดายแวบหนึ่งก่อนที่นางจะกลับมามีปฏิกิริยาเย็นชา คอตั้งตรงแบบเดิมเพราะกำลังคิดว่านางถูกชนเผ่าประหลาดจับตัวมาเป็นตัวประกัน นางไม่รู้ว่าเป็นเผ่าไหนถึงได้มีสำเนียงและการแต่งกายน่าเกลียดเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนนางไม่มีวันยอมกินอาหารเยี่ยงนักโทษที่มีเพียงแค่จานเดียว ปกติบนโต๊ะเสวยของนางจะมีอาหารถึงร้อยแปดชนิดในแต่ละมื้อผู้ที่มีสิทธิ์กินอาหารเพียงจานเดียวก็คือนักโทษเท่านั้นและนางไม่ยอมตกเป็นนักโทษ หนิงซูเยว่ยังไม่รู้เลยว่านอกจากแผ่นดินจีนที่ยิ่งใหญ่ของนางแล้วในโลกนี้ยังมีอีกหลายชนชาติหลายเผ่าพันธุ์ กู้ม่านเอ่อจินผู้เป็นบิดาคงไม่รู้ว่าการที่เขารักและถนอมบุตรสาวเพียงคนเดียวราวกับไข่ในหินเพราะสงสารที่ฮูหยินเสียไปตั้งแต่นางยังเล็กทำให้นางโลกแคบ เขาไม่ปล่อยให้นางรับรู้โลกภายนอกยัดเยียดเพียงการอบรมเรื่องกุลสตรีที่ดีพร้อมจึงทำให้นางยังไม่เข้าใจว่าเวลานี้นางไม่ได้อยู่ในแผ่นดินจีน ยุคสมัยที่นางอยู่นี้ราชวงศ์ชิงของนางสูญสิ้นไปแล้ว “ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าอย่างไรเสียข้าก็ไม่ยอมตกเป็นเชลยของพวกเจ้า หากฝ่าบาทรู้ว่าพวกเจ้าจับตัวข้ามา กองทัพแปดธงจะต้องเคลื่อนพลมาทำลายแคว้นของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากอง” “เลอะเทอะแล้ว พวกกองทัพแปดธงที่คุณว่าอยู่สมัยราชวงศ์ชิงโน่น คุณไม่รู้เหรอราชวงศ์ชิงล่มสลายไปหลายร้อยปีแล้ว และที่นี่ก็ไม่ใช่แผ่นดินจีนแต่เป็นประเทศไทยเลิกละเมอเพ้อพกได้แล้ว” “บังอาจนัก เจ้ากล้าแช่งราชวงศ์ชิงของเราให้ล่มสลายเชียวหรือ ความผิดของเจ้าแม้ตายไปสิบรอบก็ยังชดใช้ไม่หมด” หนิงซูเยว่ผู้ถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ และภักดีต่อจักรพรรดิหยางจื่อที่ไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาโกรธจัดถึงกับหยิบแก้วน้ำทับทิมซึ่งนางพอทานได้บ้างยกขึ้นแล้วสาดใส่หน้าเธียรธรรม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD