ตอนที่ 4
ผมรู้สึกดีมาก
“ผมเองก็รู้สึกดีมากเลยครับ”
คำบอกแสนนุ่มหูด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษนั้น เหมือนดั่งร่ายมนต์มาด้วย เพราะจินตนามองท่อนเอ็นใหญ่ที่โผล่พ้นบ็อกเซอร์สีขาวด้วยสายตาวาววับอย่างตื่นเต้น มือเรียวสวยของเธอลูลไล้ลำเอ็นเขื่องนั้นไปมาช้าๆ
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! เธอมาดีลงานในฐานตัวแทนของนาย
แต่ตอนนี้กลับมาเพลิดเพลินอยู่กับท่อนมังกรของใครคนหนึ่งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำฝ่ายไหนของเฟินเซิ้น แม้เขาจะอยู่ในรถของคุณจาง ที่เธอจะไปคุยในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
ใจลึกๆของจินตนา ตะโกนร้องว่ามันไม่เหมาะสม
แต่มือเรียวของเธอกลับโอบอุ้มลำเอ็นนั้นไว้แน่น ก่อนที่ริมผีปากแดงสดของเธอจะก้มลงครอบครองปลายหัวหยักนั้นและละเลงปลายลิ้นวนรอบก่อนจะอมเข้าไปทีละนิด
“อะ..อ่าส คุณครับ”
ชายหนุ่มเกร็งตัวและครางเบาๆ มือของเขาลูบไล้ยังแผ่นหลังเนียนละเอียดของเธออย่างตื่นเต้น หญิงสาวคนไทยที่มีผิวสีน้ำผึ้งและนิ่มราวกับอาบน้ำนม ผสมกับกลิ่นกายอ่อนๆ และปากจิ้มลิ้มของเธอกำลังกลืนกินตัวตนของเขาอย่างเพลิดเพลิน
นี่คือคนของWS แน่เหรอ?
“อะ อึก”
ปากจิ้มลิ้มยังคงขยับเข้าออกรัวเร็ว ปลายลิ้นของเธอโอบอุ้มท่อนเอ็นแข็งปูดของเขาและไล้รูดจนหยาดน้ำใสจากปลายหยักเริ่มฉ่ำเยิ้มและเธอก็ดูดกลืนลงไปแทบจะทุกหยาดหยด
“อ่า คนสวย”
เขาดันกายเธอให้นอนราบกับเบาะรถ ถลกกระโปรงทรงสอบเธอขึ้นและลูบไล้ยังเนินเนื้ออวบอูมภายใต้แพนตี้ตัวจิ๋ว เสื้อครอบสายเดี่ยวเนื้อดีถกร่นไปกองไว้ต้นคอ ตะขอบราถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว มือหนาของคลึงเคล้าสองเต้างามอย่างเมามันส์
“อะ อ่าส์”
แพนตี้ตัวสวยโดนรูดเขาปลดแว่นตาดำและผ้าปิดจมูกออก แต่หญิงสาวไม่ทันจะได้มองหน้าของเขา ชายหนุ่มก็ก้มลงซุกหน้ายังระหว่างขาของเธอแหย่แยงปลายลิ้นสากร้อนยังกลีบเกสรงาม และวนเน้นเม็ดสีกุหลาบดูดกินน้ำหวานอย่างตระกระตระกราม
“อะ ..อ๊าย” หญิงสาวครางเสียงหวาน กัดมือตัวเองไว้แน่นด้วยเกรงเสียงจะเล็ดลอดผ่านไปยังคนขับด้านหน้า
“อืม”
หน้าของชายหนุ่มยังคงดูดเลียน้ำหวานด้านล่างอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนที่เขาจะจับพลิกร่างเธอให้นอนคว่ำกับเบาะ และดึงสะโพกงามงอนขึ้นมาในระดับเดียวกับเขา
“อะ...อืม ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย คุณคงจะเป็นคนแรก” เขากระซิบเบาๆ เป็นภาษาอังกฤษ มือขวาของเขาจับยังเบาะพนักและหญิงสาวของเห็นรอยสักปีกมังกรหลายตัวที่พันในแขนของเขา
เธอเคยเห็นสัญลักษณ์รูปมังกรสามตัวนี้หน้าเฟินเซิ้น
ชายคนนี้อาจเป็นลูกน้องคนสำคัญของคุณจางแน่นอน
“ถึงแล้วครับ”
เสียงจากชายคนขับด้านหน้า ทำให้มือหนาที่ประคองท่อนเอ็นชะงัก ก่อนจะสบถออกมาเป็นภาษาจีนอย่างหงุดหงิด และจินตนาก็เหมือนจะเริ่มได้สติ
“อะค่ะๆ”
หญิงสาวก้มหน้าหยิบแพนตี้ตัวจิ๋วมาใส่ทันทีและหันหน้าไปยังประตูรถเพื่อใส่ตะขอบรา โดยไม่สนใจชายหนุ่มข้างๆ ที่มองอย่างเก้ๆกังๆ ด้วยความงุ่นง่าน
...แค่นี้เธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจมากละ
ขืนชักช้ากว่านี้เกรงว่าจะเสียงาน หญิงสาวบอกตัวเองรีบหยิบเสื้อคลุมด้านล่างมาสวมทับ แต่ไม่ยอมมองคนข้างๆที่ตอนนี้เขาใส่ผ้าปิดจมูกเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะ”
จินตนาโค้งหน้าให้คนขับรถและกล่าวขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ เตรียมขยับกายลงจากรถ
“เสียดายจังนะครับ ไว้ผมจะมาต่อท่าหมาให้ ...ผมสัญญา” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู ขณะเธอกำลังก้าวลงจากรถ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขารดรินปรางแก้มเนียน จนผ่าวร้อนไปทั่วร่าง
...ฝันไปเหอะ แค่นี้ก็คงคิดว่าชั้นง่ายแล้วมั้ง
เมื่อกี้แค่รู้สึกมึนๆ เท่านั้นย่ะ...ถึงเอ็นจะใหญ่คับปาก และสัมผัสจากนายจะรัญจวนแค่ไหนก็ตาม
แต่ดีลสัญญาจบแล้วคงไม่อยู่ให้เห็นหน้าหรอกนะ
หลังจากคุยกับคุณจางเสร็จ จินตนาก็ตีตั๋วกลับทันทีด้วยงบส่วนตัว โดยไม่รอตั๋วไฟท์ต่อไปที่ทางบริษัทเตรียมให้
สัมผัสที่รุกเร้ากับคนของเฟินเซิ้นในคราวนั้น แม้จะน่าอายเพียงใด แต่ก็ตรึงในใจเธอมาตลอด
.
.
“พะ...พี่สาวครับ ไม่สบายเหรอเปล่า”
เสียงของหนุ่มโรมเรียก ดึงสติของจินตนาให้กลับมาจากภวังค์ เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่น่าอายที่ฮ่องกง
“ปะ..เปล่า”
หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ มองคนตรงหน้าอย่างสับสน
“นั่นไงครับ เหมือนพี่จะตัวร้อนด้วย”
โรมอังมือกับหน้าผากเนียนของหญิงสาวก่อนจะอุทานออกมา ตาคู่นิลเหมือนฉายแววกังวลและประหม่า
...คงไม่ใช่หรอกมั้ง เจ้าเด็กนี่ดูแล้วยังไงก็เหมือนเด็กที่ยังเรียนมหาลัยยังไม่จบ ดูแล้วไม่น่าจะเกิดยี่สิบสามปี
แถมท่าทางเงอะงะ ใสซื่อ และตื่นกลัวแบบนี้ จะเป็นเขาคนนั้นของเฟงเซิ้นได้อย่างไง ฮ่องกงออกจะกว้างใหญ่ เด็กนี้อาจจะมาหาแม่คนที่ขายบ้านหลังนี้ให้เธอก็ได้
“มะ..ไม่เป็นไร นะนายออกไปได้แล้ว”
ไม่ว่าจะอย่างไง เธอก็ต้องให้เจ้าเด็กหนุ่มนี้ออกจากบ้านเธอก่อนที่จะดึกไปมากกว่านี้
“อ้าว! พี่จะไล่ผมจริงเหรอครับ ไม่เป็นห่วงผมเหรอ”
โรมหน้ามุ่ยลงทันที ดวงตาคู่สีนิลนั้นเหมือนจะเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา
โธ่เว้ย! อย่าเอาน้ำตามาหลอกล่อชั้นได้มั้ย
ไม่ๆๆจินตนาเธอจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เด็กโรมนี่จะหล่อล่ำแค่ไหนก็ตาม ....ไม่ๆๆ
“พี่คนสวยครับ ขอร้องให้ผมนอนค้างที่บ้านก่อนนะครับ ผมนอนข้างๆกรงเจ้านี่ก็ได้” หน้าหล่อเหลาทำเสียงอ่อย ชี้มือไปข้างกรงเจ้าบ๊อบบี้ที่เหมือนจะชูหางระริกระรี้ไปมา
“เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลให้เจ้านี่หายดี”
เจ้าเด็กโรมพูดต่อ และนั่งลงข้างๆกรงเจ้าบ๊อบบี๊เอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ ก่อนจะหันมาทำหน้าละห้อยใส่เจ้าของบ้าน และกล่าวว่า
“คิดซะว่าผมเป็นหมาตัวนึงของพี่ก็ได้ครับ”