คล้อยหลังเดเมียนออกจากห้องไปได้ชั่วโมงกว่าๆ ตะวันวาดที่ตลอดเวลานั้นได้แต่นั่งนิ่งบนโซฟาหนังสีดำตัวนุ่ม ไม่กล้าขยับตัวทำอะไรจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เท้าเรียวเล็กค่อยๆ เยื้องย่างลงบนฟื้นพรมหนานุ่ม หญิงสาวตรงดิ่งไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทแล้วค่อยๆเปิดประตูอย่างเบาที่สุดและช้าที่สุด เนื่องจากหล่อนไม่ได้ต้องการทำตามที่เดเมียนสั่งเลยสักนิด จึงคิดจะหนีออกไปจากที่นี่อีกครั้ง
แต่ทว่า...
“มิสต้องการอะไรหรือครับ?”
ทันทีที่หล่อนเปิดประตูออก ชายหนุ่มที่หล่อนจำได้ว่าชื่อ ‘อลัน’ เป็นคนเดียวกับที่หล่อนเจอที่โรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ก็พรวดพราดโผล่มาอยู่ตรงหน้าหล่อนโดยไม่ทันตั้งตัวจนตะวันวาดผงะถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะที่อลันมองผู้หญิงของเจ้านายด้วยสายตาจับจ้องปฏิกิริยาของหล่อน ก่อนจะออกไปเดเมียนสั่งให้เขามาจับตาดูหญิงสาวเอาไว้ให้ดี...แล้วที่สำคัญ อย่าปล่อยให้ตะวันวาดก้าวเท้าออกจากห้องพักนี้ไปได้แม้แต่ก้าวเดียว!
“มะ...ไม่ ไม่มี”
ตะวันวาดรีบคลี่ยิ้มแหยๆ ส่งให้อีกฝ่ายพลางละล่ำละลักปฏิเสธ แล้วยิ่งเห็นสายตาที่มองดูราวกับจะจับผิดของอลันหล่อนก็ยิ่งสั่น กลัวว่าเขาจะล่วงรู้ว่าหล่อนคิดหนีแล้วไปรายงานเดเมียน หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ พลางส่งยิ้มที่ดูก็รู้ว่าฝืนไปให้เขาอีกครั้งแล้วรีบปิดประตูเสียงดัง
ปัง!
ฟู่!
ทันทีอยู่ตามลำพังอีกครั้งและรอดพ้นสายตาคนของเดเมียน ตะวันวาดถึงกับถอนหายใจยาว หญิงสาวเดินกลับไปยังที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้เมื่อรับรู้แน่แก่ใจแล้วว่าหล่อนไม่อาจย่างเท้าออกไปจากห้องนี้ได้เลย หญิงสาวจึงเริ่มมีแก่ใจสำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆ กายแทน
ถึงแม้หล่อนจะทำงานที่โรงแรมเพียร์สันได้สองสามเดือนแล้ว แต่การทำความสะอาดของห้องพักนั้นไม่ใช่หน้าที่ของหล่อน ตะวันวาดจึงไม่ค่อยได้เห็นมันชัดเจนนัก นอกจากเดินผ่านแวบๆ ในยามที่เพื่อนร่วมงานบางคนกำลังทำความสะอาดห้องพักของแขกที่เช็กเอาท์ออกไปแล้ว ซึ่งในความคิดของหล่อนว่าตอนนั้นห้องพักนั้นดูหรูหรา สมกับราคาแพงลิบลิ่วในแต่ละคืนของมันแล้ว มันกลับดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับห้องพักส่วนตัวของเดเมียน เพียร์สัน
หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วจนไปหยุดอยู่ตรงประตูห้องนอนแล้วหล่อนก็ต้องรีบถอนสายตากลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงซ่านเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพร้อมกันนั้น...ความเจ็บปวดจากการถูกย่ำยีจากผู้ชายที่หล่อนไม่รู้จักเขาเลยนอกจากกิตติศัพท์ที่เพื่อนร่วมงานกล่าวขานกัน
ใครๆ ต่างก็บอกว่าเดเมียนคือปีศาจ...เขาเย็นชา ไร้หัวใจ ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาซ่อนความร้ายกาจไว้จนมิดเม้นจนบางคราผู้คนเผลอคิดไปว่าเขาคือเทพบุตร...เดเมียนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้วยความสามารถในการบริหารบริษัทในเครือเพียร์สันบวกกับใบหน้าหล่อเหลาและตระกูลเก่าแก่ทั้งของฝั่งมารดาและบิดาทำให้เขาเป็นที่จับตามองนั่นคือสิ่งที่ตะวันวาดรับรู้ในตัวของเดเมียน แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้รับรู้แล้วว่า...วงโคจรชีวิตของเขาและหล่อนไม่ควรจะมาพานพบกัน แม้แต่เดินเฉียดใกล้กันก็ไม่สมควรเสียด้วยซ้ำไป
แต่อะไรล่ะ...ที่ทำให้หล่อนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองถูกผู้ชายคนนี้ย่ำยี! ซ้ำเขายังกล่าวหาหล่อนด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้...ซึ่งหล่อนไม่ได้เป็นคนทำ แถมล่าสุดยังประกาศให้คนทั้งนิวยอร์กรู้ว่าหล่อนคือเจ้าสาวของเขา
ตะวันวาดไม่เข้าใจ เขาทำเช่นนี้เพื่ออะไร?
รับผิดชอบหรือ...หล่อนไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น คนอย่างเขาแค่มองก็รู้ แค่คำว่า ‘รับผิดชอบ’ ทำให้เขายอมแต่งงานกับผู้หญิงยากจนอย่างหล่อนไม่ได้!
ชายร่างกายใหญ่โตราวกับยักษ์สองคนเดินอาดๆ เข้ามาภายใน โรงแรมคอร์นเนอร์โดยไม่สนใจสายตาของบรรดาแขกเหรื่อที่จับจ้องมองด้วยความสนใจกับใบหน้าเรียบเฉยและกล่องพัสดุที่อยู่ในมือของหนึ่งในสองคนนั้น
จวบจนเมื่อมาถึงเคาน์เตอร์หินอ่อนขนาดใหญ่ ชายที่ถือพัสดุจึงวางกล่องนั้นลงบนเคาน์เตอร์นั้น แล้วบอกกับพนักงานหญิงที่ยืนอยู่เบื้องหลังเคาน์เตอร์ว่า
“ฝากเอาไปให้เจ้านายของแก”
ขณะที่พูดชายอีกที่ก็ล้วงมือลงไปในชุดสูทสีดำสนิทแล้วหยิบเอาซองจดหมายสีขาวติดมือออกมา ส่งให้เจ้าหล่อนเช่นกัน รีเซฟชั่นสาวรับมันมาถือไว้ในมือ หล่อนมีทีท่าตื่นตระหนักและสั่นนิดๆ จนเมื่อชายสองคนหันหลังกลับไปนั่นแหละหล่อนถึงได้สนใจของฝากของชายลึกลับทั้งคู่
หญิงสาวพลิกซองขาวแล้วเห็นมันจ่าหน้าด้วยตัวพิมพ์ว่า ‘ถึงคอร์นเนอร์’ ก็ได้แต่ขมวดคิ้ว แล้วจึงหันมาสนใจกล่องที่วางตรงหน้าต่อ เจ้าหล่อนหยิบมันขึ้นมาลองถือ ก่อนจะวางลงอย่างรวดเร็วเมื่อหูพลันได้ยินเสียงอะไรแผ่วเบาดังมาจากในกล่อง
ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก
เสียงคล้ายเสียงนาฬิกากำลังเดินทำให้หล่อนหน้าซีดเผือด เมื่อคิดถึงว่าอะไรมันอยู่ในกล่องนั้น แล้วความคิดแวบแรกก็ทำให้หล่อนกรีดร้องพร้อมกับตะโกนลั่น
“กรี๊ด! ระเบิด!”
พูดจบหล่อนก็รีบซอยเท้าวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่อยู่ในรัศมีนั้นรีบวิ่งแตกตื่นกันอย่างรวดเร็ว และมีบางคนที่ไวพอจะกดสัญญาณเตือนให้คนรีบวิ่งหนีออกไปจากตึกก่อนที่ระเบิดจะทำงาน สร้างความโกลาหลและแตกตื่นให้แก่คนภายในโรงแรมเป็นอย่างยิ่ง
“กลับ!”
สิ้นคำสั่งสั้นๆ คาดิลแลคคันยาวที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคอร์นเนอร์ บัดนี้ผู้คนกำลังแตกตื่นวิ่งออกมาจากตัวตึกกันจ้าละหวั่น ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีคนนำวัตถุระเบิดไปส่งที่นั่น สร้างความตื่นตระหนกให้กับพนักงานตลอดจนแขกที่เข้าพักยิ่งนัก และผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็กำลังหัวเราะแผ่วๆ ด้วยความสะใจ
‘บอกแล้วว่าอย่าคิดเป็นศัตรูกับคนอย่างเดเมียนเด็ดขาด!’
เดเมียนคิดขณะเหยียดยิ้มสะใจในสิ่งที่กระทำไปเมื่อสักครู่... ได้แต่หวังว่าไอ้ชาร์ลมันจะได้รับข้อคิดอะไรบ้างจากของเล่นที่เขาส่งไปให้มัน
หนึ่งในสองของชายที่นำของเล่นของเดเมียนไปส่งเมื่อครู่เอี้ยวตัวจากเบาะหน้ารถคู่กับคนขับ แล้วหันมาถามเจ้านายของตนว่า
“คุณจะกลับบ้านหรือกลับโรงแรมครับ”
“ไป...” เดเมียนลังเลไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบ “โรงแรม”
สิ้นคำสั่งคนขับรถก็หักเลี้ยวเข้าเลนส์ขวาทันทีเพื่อเปลี่ยนเส้นทางจากคฤหาสน์เพียร์สันไปเป็นโรงแรมแทน