FakeKing KUB
จังหวะของเสียงเพลงดังไปทั่วทั่งคลับที่มีผู้คนมากมาย หนึ่งในร้านคือชายหนุ่มกับหญิงสาวต่างวัยและต่างสถานะนั่งดื่มกันอย่างมีความสุขพลางพูดถึงเรื่องเก่า ๆ แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันและกัน
“หนึ่งเก่งจังเลย ส่งตัวเองเรียนทำงานหาเงินตั้งแต่เด็ก ส่วนพี่ตอนนั้นตอนเด็กก็ยังแบมือขอเงินพ่อกับแม่อยู่เลย”
พายุพูดอย่างทึ่ง ถึงแม้จะช่วงนี้เขาจะรู้เรื่องของเธอมากมาย แต่ก็ยังฟังไม่จบสักทีและทุกครั้งที่เขาได้ฟังก็อดชื่นชมเธอไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าเธอฆ่าคนอื่นคงจะเป็นคนดีคนหนึ่งเลย หึ ! แสร้งความคิดของพายุตีกันในหัว
“สถานะเรามันต่างกันค่ะ ถ้าหนึ่งเป็นพี่พายุก็คงจะไม่ทำงานใช้เงินครอบครัวแบบที่พูด”
“ถ้าหนึ่งเป็นพี่งั้นเหรอ หนึ่งผมสั้น มีกล้ามหน้าอก… คงตลกไม่น้อย”
“นั่นสิคะคงตลกแย่ฮ่า ๆ”
อาจจะเพราะเธอดื่มไปมากเลยกล้าที่จะหยอกล้อกับอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าเธอกับเขาอยู่ในสถานะเจ้าหนี้แต่ว่าตัวเธอก็ยังไม่กล้าที่จะพูดหยอกล้อกับเขาเท่าไร อาจจะกลัวว่าจะทำให้เขาไม่พอใจเข้า
“แต่พี่ว่าหนึ่งคงจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดก็ได้”
มือแกร่งเอื้อมไปจับผมนุ่มก่อนจะทัดไปที่หูอย่างอ่อนโยน น้ำหนึ่งที่ถูกปฏิบัติด้วยอย่างอ่อนโยนเธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจเอาหน้าเล็กวางบนมือใหญ่อย่างออดอ้อน
“หนึ่งชอบเวลาที่พี่พายุอ่อนโยนแบบนี้จัง”
“พี่ว่าหนึ่งเมาแล้วนะครับ” พายุใช้นิ้วเกลี่ยแก้มเนียนนุ่มอย่างเบามือพลางคิดในใจว่าชอบเธอตอนนี้มาก เหมือนแมวตัวเล็กขี้อ้อน
“น่าจะเมาแล้วมั้งคะ” น้ำหนึ่งพูดน้ำเสียงเบลอ ๆ แววตาของเธอเยิ้มคลายกับคนเมา
“พี่พายุใช่ไหมคะ ? จำนิน่าได้หรือเปล่าที่คราวก่อนเราเจอกันตอนที่พี่มาเที่ยวกับเพื่อน”
ยังไม่ทันที่พายุจะได้พูดกับน้ำหนึ่งต่อ เสียงของบุคคลที่สามที่เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ก็ดังขึ้น ทำให้พายุที่กำลังมองน้ำหนึ่งด้วยสายตาเอ็นดูต้องละสายออกแล้วหันหลังกลับไปมองคนที่เข้ามาทัก
“เอ่อ… อ้อน้องนี่เอง”
พายุเพ่งสายตามองหญิงสาวก่อนจะนึกออกว่าเธอคือคนที่เคยเข้ามาขอนั่งกับเขาและเพื่อนวันนั้น
“พี่พายุไม่ติดต่อหานิน่าบ้างเลยค่ะ ความจริงจะมาดื่มโทร.ชวนนิน่าก็ได้”
“เดี๋ยวหนึ่ง !! จะไปไหนครับ” พายุยังไม่ทันที่จะได้ตอบหญิงสาวที่เข้ามาทัก หญิงสาวอีกคนที่มากับตัวเองก็ลุกเดินออกไปอย่างเซ ๆ ราวกับว่าเมาแล้ว ทำเอาพายุแทบจะลุกตามไม่ทัน “น้อง วันหลังไม่ต้องเข้ามาทักนะครับ”
พอพูดจบเขาก็รีบเดินตามน้ำหนึ่งออกไป ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคลาดกับเธอแล้ว เลยเลือกที่จะหยุดยืนแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นร่างบางในชุดคุ้นตายืนโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่ที่ฟลอร์เต้นด้านล่าง เขารีบก้าวขาเดินตรงไปหาทันทีเพราะเห็นว่ามีผู้ชายกำลังเข้าหาเธอ
“มาคนเดียวเหรอครับคนสวย ให้ผมเลี้ยงเหล้าหน่อยไหม”
น้ำหนึ่งที่กำลังหงุดหงิดพายุที่คุยกับผู้หญิงที่เธอไม่รู้จักต่อหน้าเลยเลือกจะเดินออกมาเต้นให้หายหงุดหงิดสักหน่อย แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีผู้ชายเข้าหาเร็วแบบนี้
“นายรวยกว่าคนที่ฉันมาด้วยเหรอ”
คำถามของน้ำหนึ่งทำให้ชายหนุ่มที่เข้ามาทักถึงกับชะงัก เขาแค่เห็นว่าเธอสวยเลยสนใจ ไม่คิดว่าจะถูกถามกลับแบบนี้
“ถ้ารวยกว่าจะไปไหมครับ”
“ไม่ไป !! เธอไม่ได้มาคนเดียว”
เสียงที่พูดขึ้นไม่ใช่เสียงของหญิงสาวที่เขากำลังถาม แต่เป็นของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำ นั่นทำให้เขาเลยรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองสนใจไม่ได้มาคนเดียวเลยเลือกเดินออกไป เข้าหาผู้หญิงที่ไม่มีเจ้าของดีกว่าถึงจะเสียดายบ้างก็เถอะแต่ก็ดีกว่ามีปัญหา แถมอีกฝ่ายน่าจะรวยพอตัว เพราะเขาเห็นการแต่งตัวและมีสายตารอบ ๆ มองพวกเขาอยู่
“ทำไมเดินออกมาครับ”
พายุจับตัวน้ำหนึ่งที่กำลังเต้นหันหลังให้ตัวเองพลิกกลับหันมาเผชิญหน้า ดูจากท่าทางคงจะไม่พอใจอะไรเข้าแน่ ๆ
“ก็ให้พี่คุยกับเด็กสาวคนนั้นไง ดูท่าทางพี่พายุจะชอบ”
“อืมมมม ก็ชอบนะครับ”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้พูดไปแบบนั้นทั้งที่ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด แต่ตอนนี้เขาแค่อยากแกล้งคนตรงหน้าที่ทำอาการเหมือนกับหึงเขาอยู่ มึงรู้สึกบ้าอะไรแบบนี้วะไอ้พายุ
“เหอะ !!”
“พี่พูดเล่น แต่หนึ่งไม่ควรหนีออกมาถ้าพี่ไม่ได้สั่ง”
คำพูดของพายุทำให้น้ำหนึ่งหยุดคิด นั่นสินะ เธอก็ไม่ได้เป็นแฟนเขาเลยแล้วที่สำคัญเธอมีอะไรไม่พอใจเขา พอตั้งสติได้เธอก็ยกแขนโอบรอบคอแกร่งแล้วโยกตัวเบา ๆ ตามจังหวะเพลง พายุเองก็เอามือจับเอวบางไว้แล้วโยกตามไปกับเสียงเพลงคลอ
“ขอโทษนะคะที่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้”
“ไม่เป็นไรคราวหลังอย่าทำอีกก็พอ”
พายุปล่อยมือจากเอวของเธอก่อนจะจับคางเล็กให้เชิดขึ้นรับจูบที่เร่าร้อน น้ำหนึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธจูบตอบรับอย่างเต็มใจ เธอกับเขาแทบจะลืมว่าตัวเองคือใครอยู่ในสถานะไหน ส่วนเขาก็ลืมแม้กระทั่งว่าเธอคือคนที่ฆ่าปริมหญิงที่เขารักตาย… ทั้งคู่เลือกที่จะลืมและมีความสุขกับสิ่งตรงหน้ามากกว่า