Ep.5

1922 Words
Ep.5 Jino talk. 'ใส่ๆ ไปเถอะน่า! ถ้าเกิดนายเป็นอะไรหรือช็อกตายขึ้นมา เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบเอง!' ...หึ! ผมไม่ได้อยากจะดูถูกใครหรอกนะครับ แต่คนอย่างเธอจะมารับผิดชอบอะไรได้ถ้าเกิดผมเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ "แต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบๆ ออกไปได้แล้ว คนอื่นเขารอ" เธอพูดขึ้นมาอย่างรำคาญเมื่อเห็นผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัว แล้วที่ผมยอมใส่ไอ้ชุดบ้าๆ นี่ก็เพราะว่าผมไม่มีทางเลือก ก็อย่างที่บอกถ้าทางค่ายผมไม่ได้กำลังมีปัญหาอยู่ตอนนี้ผมคงไม่ยอมใส่ง่ายๆ แน่ ชุดบ้าอะไรก็ไม่รู้ ฟูก็ฟู เหม็นก็เหม็น "ถ้าเกิดว่าฉันเป็นอะไรขึ้นมาเธอต้องรับผิดชอบ" ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอแล้วพูดขึ้นเพื่อย้ำกับเธอเสียงแข็งอีกครั้ง "รู้แล้วน่า รีบๆ ออกไปเร็วๆ จะได้รีบถ่ายรีบเสร็จ" เธอกลอกตาใส่ผมอย่างรำคาญก่อนจะรีบรับปากผมแบบส่งๆ ส่วนผมก็ยืนจ้องเธออยู่แบบนั้นสักพักด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ก่อนจะเดินนำเธอออกไปที่สตูฯ ที่ใช้ถ่ายทำ ผู้หญิงอะไรอวดเก่งเป็นบ้า รับผิดชอบงั้นเหรอ...หึ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเธอได้รับผิดชอบฉันแน่ ผมนี่โคตรชอบเลยผู้หญิงที่อวดเก่งแบบเธอเนี่ย พอผมเดินเข้ามาในสตูฯ พี่ๆ ทีมงานก็เดินมาบรีพงานให้ผมฟังอีกครั้ง ซึ่งผมก็ได้อ่านทำความเข้าใจกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว เลยไม่ต้องบรีพอะไรมากมาย "โอเคตามนี้นะคะ" พี่ทีมงานพูดขึ้นหลังจากที่เธอบรีพงานให้ผมจบ "โอเคครับ..." พอผมโอเค ผู้กำกับก็เริ่มหันไปสั่งทุกคนทันที "อะ...งั้นเราจะเริ่มถ่ายกันเลยนะครับ ทุกคนไปประจำที่" "ผมรบกวนรีบถ่ายกันเร็วๆ หน่อยนะครับพอดีผมเริ่มรู้สึกคันที่จมูกขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว" ผมพูดขึ้นหลังจากที่ผู้กำกับพูดจบ และผมก็ไม่ได้โกหกครับ ตอนนี้ผมรู้สึกระคายเคืองที่จมูกขึ้นมาแล้วจริงๆ และจะว่าผมตาดีก็ได้ เพราะจังหวะที่ผมกำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ สายตาของผมก็ไปสะดุดกับยัยผู้หญิงคนที่บอกว่าจะรับผิดชอบผม ที่กำลังมองบนใส่ผมอย่างรำคาญผมทันทีที่ผมพูดแบบนั้นออกไป "อะๆ โอเคๆ งั้นทุกคนก็เร่งมือกันหน่อยนะ" เสียงของผู้กำกับที่ดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้ผมเลิกสนใจยัยนั่นและหันกลับมาสนใจงานอีกครั้ง การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี... แต่ที่ไม่ดีก็คืออาการแพ้ของผมที่มันเริ่มกำเริบขึ้นมาเรื่อยๆ แบบช้าๆ และผมก็พยายามอดทนอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้งานวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะไม่อยากมีปัญหาทีหลัง จนกระทั่ง... "วันนี้ผมขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะครับ งานวันนี้ออกมาได้ดีมาก เลิกกองได้!" เสียงของผู้กำกับดังขึ้นหลังจากที่เราถ่ายโฆษณาเสร็จไปได้ด้วยดี ก่อนที่ผมจะ... ฟุ่บ!! "คุณจีโน่!!!" ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พลางปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงสีขาวที่สว่างจ้าอยู่ตรงหน้า ที่นี่คือโรงพยาบาลสินะ... ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ เพราะก่อนที่ผมจะหมดสติไปผมรู้ตัวดีว่าอาการผมมันเป็นยังไง นี่ขนาดผมกินยาแก้แพ้ไปก่อนที่ผมจะใส่ชุดบ้าๆ นั่นไปแล้วนะ ผมยังอาการหนักขนาดนี้ นี่ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมไม่กินไปก่อนอาการผมมันจะแย่กว่านี้แค่ไหน "...หึ" ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องพักผู้ป่วย เพื่อหาวี่แววของคนที่บอกว่าจะรับผิดชอบผม แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ ว่าคนอย่างยัยนั่นจะรับผิดชอบอะไรผมได้ อย่างเธอก็แค่ผู้หญิงปากเก่งคนหนึ่งก็เท่านั้นแหละ ...แต่อย่าให้เจอที่ไหนนะ เพราะถ้าเจออีกทีละก็ผมไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่ คอยดู!! ผมขยับตัวขึ้นเล็กน้อยและยื่นมือไปกดปุ่มเพื่อปรับเตียงให้อยู่ในระดับที่พอดี แต่อยู่ๆ ก็มีคนเคาะและเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยของผมเข้ามา ก็อกๆๆ แอดดด~ และคนที่เข้ามาก็คือ... 'เฮียพัตเตอร์' พี่ชายแท้ๆ ของผมเอง ผมมีพี่ชายหนึ่งคนซึ่งก็คือเฮียเตอร์นี่แหละ ถามว่าสนิทกันมั้ยก็สนิทอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่ว่าเราสองคนต้องทำงาน และงานที่ผมทำกับเฮียทำมันต่างกันก็เลยทำให้ผมกับเฮียไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไหร่ "ฟื้นแล้วเหรอ" เฮียเตอร์ถามผมออกมาพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยื่นให้ผมอย่างรู้งาน "ขอบคุณครับ แล้วนี่เฮียมาคนเดียวเหรอ?" ผมรับแก้วน้ำมาดื่มก่อนจะถามเฮียกลับไป "มากับเจ้าขา แต่แวะมินิมาร์ทซื้อขนมอยู่ข้างล่างเฮียเลยขึ้นมาก่อน" "อ๋อครับ" ผมพยักหน้าเล็กน้อยและวางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะหัวเตียง 'เจ้าขา' ที่เฮียพูดถึง เธอเป็นรุ่นน้องของผมและเธอก็เป็นแฟนสุดที่รักของเฮียด้วย (ติดตามได้ในเรื่องMy trianee นะคะ) แต่บอกเลยว่าความแสบของเธอนั้นไม่ธรรมดา ถ้าอยากรู้จักเธอก็ไปอ่านเรื่องของเธอได้เลยครับ "ฮัลโหล~ เป็นยังไงบ้างคะคุณผู้ป่วย" พอพูดถึงเธอไปได้ไม่นาน เธอก็เปิดประตูเข้ามาเลยครับ เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพูดทักทายผมด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและขนมถุงโตที่อยู่ในมือ "ไงเรา" ผมเอ่ยทักทายพร้อมกับยิ้มให้เจ้าขา ส่วนเจ้าขาเธอก็เดินเอาถุงขนมไปวางไว้ข้างๆ เฮียที่นั่งอยู่โซฟา ก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ เตียงผู้ป่วยของผม แล้วถามผมขึ้นมา "อาการเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง" "ก็ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่เป็นไรหรอก" ผมตอบเธอไป ถึงจะมีอาการเคืองๆ จมูกและผิวกายอยู่บ้าง แต่อาการก็เพลาๆ ลงแล้วหรือเป็นเพราะยังอยู่ในฤทธิ์ยาอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ "ไม่เป็นไรได้ยังไง พี่หลับไปนานมากๆ เลยนะ" "เหรอ แล้วพี่หลับไปนานแค่ไหนล่ะ" ผมถามเธอกลับไปอย่างอยากรู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน จะทำลายสถิติที่เคยหลับมาหรือเปล่านะ "พี่หลับไปหนึ่งวันเต็มๆ กับอีก18ชั่วโมง!! พี่คิดดูดิคนที่เขาผ่าตัดแล้วโดนยาสลับเขายังฟื้นก่อนพี่เลย!" นี่ผม...หลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย สถิติสูงสุดที่ผมหลับไปเพราะอาการแพ้ขนสัตว์นานสุดๆ ก็แค่ 20-24ชั่วโมงเองนะ แต่ครั้งนี้ผมหลับไปเกือบ 2 วันเลยเหรอ "เอาน่า ตอนนี้พี่ก็ไม่เป็นอะไรแล้วไง ดีซะอีกถือว่าได้พักผ่อน" ผมมักจะคิดแบบนี้เสมอเวลาที่ผมได้นอนนานๆ เนื่องจากอาชีพของผมมันมีเวลานอนน้อย พอผมได้นอนเยอะๆ เมื่อไหร่ผมก็มักจะคิดในแง่ดีเสมอว่าผมได้เวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้น "คิดแบบนี้ก็ได้เหรอวะ...เออๆ ช่างเถอะ ดีขึ้นก็ดีแล้ว อ้อ! เจ้าขาซื้อขนมกับผลไม้มาฝากด้วยน้า เดี๋ยวเจ้าขาไปจัดใส่จานมาให้นะ" พอพูดจบเธอก็รีบลุกไปหยิบถุงขนมของเธอวิ่งเข้าไปในโซนครัวเพื่อปอกผลไม้และจัดขนมใส่จานให้ผม ส่วนเฮียก็ได้แต่มองตามแฟนตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยจะว่าเอือมก็ไม่เชิง เพราะดูแล้วน่าจะเป็นสายตาที่กำลังรู้สึกเอ็นดูแฟนตัวเองมากกว่า "จะเอายังไงต่อ ?" ระหว่างที่เจ้าขากำลังวุ่นอยู่ในครัว เฮียเตอร์ก็ลุกจากโซฟาแล้วมานั่งเก้าอี้แทนที่เจ้าขาก่อนจะถามผมออกมา "อะไรเฮีย เฮียหมายถึงเรื่องอะไร ?" ผมขมวดคิ้วถามเฮียกลับไปอย่างไม่เข้าใจ "งาน จะเอายังไง?" คงจะหมายถึงปัญหาที่บริษัทของเฮียทราฟฟิคสินะ "ก็คงต้องรับงานไปแบบปกติแหละเฮีย ยิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ถ้าผมเกิดไม่รับงานอีกคนบริษัทยิ่งจะแย่" ถ้าผมไม่รับงานปัญหามันก็ยิ่งจะใหญ่กว่าเดิม หุ้นที่ตกอยู่แล้วก็ต้องตกยิ่งขึ้นไปอีก ไหนจะบอร์ดบริหารคนอื่นๆ อีก เสียหายไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะตอนนี้ "อืม...แล้วทำไมมึงถึงไปใส่เสื้อขนสัตว์ได้ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าตัวเองแพ้มัน" "เรื่องมันยาวเฮีย..." "?" จากนั้นผมก็เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ผมต้องใส่ชุดฟูๆ นั่น ต้นเหตุจริงๆ มันเกิดจากผู้จัดการชั่วคราวของผมนั่นแหละครับ ถ้าเธอรอบคอบกว่านี้ผมคงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้หรอก แต่ผมไม่ได้เล่าถึงยัยผู้หญิงปากเก่งคนนั้นหรอกนะครับ เพราะเอาจริงๆ เธอก็ไม่ได้ผิด แต่ผมแค่หมั่นไส้ในความอวดเก่งของเธอ มันเลยพาลให้ผมอคติและไม่ชอบเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะสวยและถูกใจผมแค่ไหนก็ตาม "...เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละครับ" "โห่ ผู้จัดการอะไรไม่เห็นรอบคอบเลย ไล่ออกไปน่ะถูกแล้วค่ะ" เจ้าขาพูดขึ้นพร้อมกับวางจานผลไม้ลงโต๊ะกินข้าวตรงหน้าผม "แล้วนี่หาผู้จัดการคนใหม่หรือยังคะ?" "ยังเลย ยิ่งไม่ได้หาได้ง่ายๆ อยู่ด้วย" แล้วยิ่งบริษัทเจอปัญหาอยู่แบบนี้จะมีใครอยากมาทำงานด้วยวะ ก็อกๆๆ ในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเบาๆ แต่ไม่ยอมเปิดเข้ามา ทำให้ผมหันไปมองหน้าเจ้าขากับเฮียเตอร์แบบงงๆ ทันที "?" "ใครอะ ?" เจ้าขาถามผม "ไม่รู้เหมือนกัน" ปกติถ้าเป็นหมอหรือพยาบาล เขาก็จะเคาะแล้วเปิดเข้ามาเลยทันที แต่นี่เคาะแล้วก็เงียบเหมือนรอให้คนในห้องอนุญาตก่อนถึงจะเข้ามา "พี่เตอร์ไปเปิดดิ๊" เจ้าขาพูดกับเฮีย "..." เฮียก็มองเจ้าขานิ่งๆ แต่ก็ยอมเดินไปเปิดประตูทันที แอดดดด~ "เอ่อ...มาหาคุณจีโน่ค่ะ" ทันทีที่เฮียเปิดประตูก็มีเสียงผู้หญิงที่พูดแบบเก้งๆ กังๆ ดังแทรกเข้ามา "?" ว่าแต่เสียงผู้หญิง...ใครวะ หรือจะเป็นพวกแฟนคลับผม "...อยู่ข้างใน" เฮียมองผู้หญิงคนนั้นอย่างสำรวจเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลีกทางให้เธอเดินเข้ามา และมันก็ทำให้ผมได้เห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างชัดเจน ผมขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีด้วยความตกใจปนแปลกใจที่เห็นเธอเดินเข้ามา เธอเดินเข้ามายืนใกล้กับเตียงผู้ป่วย พร้อมกับหันหน้ามามองผมแล้วพูดออกมา "...ก็ไม่เห็นตายหนิ" "เธอ!!" ยัยนี่แม่ง...โคตรปากดี!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD