“เข้ามาได้ยังไง ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา” สิ้นเสียงทุ้มเรียบเข้มกดต่ำถาม
“คะ…คุณท่านธัญญาค่ะ…” โดยคำตอบจากเรียวปากสีหวานทำให้คุณชายหน้านิ่งเอาแต่จ้องมองร่างเล็กอยู่อย่างนั้น
“แม่ให้เธอมาทำไม” อีริคถาม ซึ่งลูกหว้าที่ได้ยินแบบนั้นจึงค่อย ๆ สาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังคุณชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่พลางยื่นเอกสารที่เอามาด้วยให้กับอีกคน อีริคที่เห็นก็รับเข้ามายืนอ่านเอกสารด้วยสีหน้าราบเรียบ และเมื่อเขาเห็นถึงสัญญาทั้งหมด รวมถึงการลงชื่อเรียบร้อยด้านใน ดวงตาคมกริบก็ยิ่งนิ่งเรียบเข้มขึ้นมากับการจัดแจงจนลามมาถึงเรื่องแบบนี้ของเขาจากคนเป็นแม่
“ออกไป” ริมฝีปากหนาขยับบอกร่างบางที่ยืนอยู่เสียงเรียบเข้มพลางทำท่าจะเดินผ่านร่างเล็กที่ยืนอยู่ไปอย่างไม่คิดสนใจ
ทว่า…
หมะ…หมับ!
เสียงสองมือบางที่เคลื่อนเข้ามาคว้าเข้าที่เรียวแขนหนาทำเอาดวงตาคมของคุณชายหนุ่มหันมอง
“มะ…ไม่ได้ค่ะคุณชาย หว้า…เอ้ย เอ่อ…ดิฉันต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองก่อนค่ะ” ลูกหว้าเอ่ยบอกด้วยท่าทีมีความเกรงขามคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก แต่เธอก็มีความจำเป็นเช่นกัน แน่นอนว่าคำพูดพวกนั้น ส่งผลให้นัยน์ตาสีเทาเข้มคมกริบจ้องมองยังใบหน้าเรียวใสและมือเล็กที่กำลังคว้าแขนเขาอยู่ ลูกหว้าที่เห็นจึงรีบผละออกมาด้วยความรวดเร็วกับสายตาคมเรียบเย็นชา
“ขอโทษค่ะคุณชาย ตะ…แต่ว่า…”
“…ดิฉันกลับไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง” เสียงหวานบอกพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อยเม้มปากแน่น เธอเองรู้สึกละอายบอกไม่ถูกกับสิ่งที่กำลังจะต้องทำ แต่หนทางทุกอย่าง มันบีบบังคับไปหมด ขณะที่อีริคก็ยังคงยืนนิ่งมองร่างเล็กที่ยืนอยู่
“รีบ ๆ ออกไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า” ปากหนาขยับกดเสียงต่ำบอกลูกหว้าด้วยใบหน้าราบเรียบ โดยคนที่ได้ยินประโยคคำพูดและน้ำเสียง รวมถึงท่าทางดูไม่ต้อนรับชัดเจนของคุณชายหนุ่มก็มีความรู้สึกทั้งเกรงขามและตัวเกร็งอยู่ไม่น้อย
“ไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณชาย ดิฉัน…ต้องทำหน้าที่ของตัวเองก่อน” ทว่าลูกหว้าก็พยายามข่มทุกความรู้สึกของตัวเองเงยหน้าขึ้นสบสายตาตอบกลับทายาทตระกูลใหญ่ อีริคที่เห็นและได้ยินก็นิ่งเอาแต่จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีหวานของร่างเล็กตรงหน้าที่ดูเกรงกลัวเขาชัด แต่ก็ไม่ยอม…
“ฉันบอกให้เธอออกไป”
“มะ…ไม่ได้คะ…อ๊ะ!!” ยังไม่ทันที่ลูกหว้าจะพูดจบ มือหนาของคนที่ยืนอยู่ก็เคลื่อนเข้ามาคว้าเข้าที่คางเล็กของหญิงสาวพลางบีบเบา ๆ ด้วยแววตาเยือกเย็น
“ฉันบอกให้ออกไป”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณชาย” เรียวปากสีหวานขยับบอกอีกคนด้วยความไม่อาจทำให้ได้ ซึ่งท่าทางไม่ยอมง่ายนั้น ทำให้อีริคกวาดตาลงมองใบหน้าเรียวใสของคนที่อยู่ตรงหน้านิ่ง เขา…จำเธอได้
เธอคือเด็กในบ้านของเขาที่เคยพบเจอกัน
เขาจำได้ที่เธอเคยล้ำเส้นเปิดเข้ามาในห้องน้ำของเขา…
“อยากทำหน้าที่นั้นมากนักเหรอ” เสียงทุ้มกดต่ำถามลูกหว้า ร่างบางที่ได้ยินโทนเสียงนั้นก็มีความตื่นกลัวอยู่พอสมควร ทว่าก็ค่อย ๆ พยักหน้าตอบกลับ
“ค่ะ ดิฉันต้องทำค่ะ” สาววัยยี่สิบตอบ แน่นอนว่าทันทีที่ริมฝีปากเล็กพูดจบ
“อ อ๊ะ!…”
ร่างของเธอก็ถูกลากพาเดินมายังบริเวณโซฟาราคาแพงกลางห้องรับแขกที่นั่งรออยู่ในตอนแรกด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับอีริคที่จับร่างเธอให้นั่งอยู่ด้านล่างของพื้น ส่วนเขาก็นั่งอ้าขาอยู่บนโซฟาจ้องสายตามองไปยังร่างบางที่ถูกเขาเหวี่ยงลงพื้นนัยน์ตาราบเรียบ
“คลานเข้ามาปลดกางเกงฉัน” ริมฝีปากหนากดเสียงต่ำบอก ในเมื่อเธออยากที่จะทำหน้าที่นั้นมากนัก เขาก็…จะให้ลองทำ
ซึ่งลูกหว้าที่อยู่ ๆ ได้ยินคำสั่งแบบนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัวก็แสดงสีหน้าประหม่าปนตกใจออกมา แต่เมื่อเห็นสายตาคมกริบของคุณชายหน้านิ่ง ร่างบางก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปยังที่อีกคนนั่งอยู่พร้อมกับค่อย ๆ ปลดกางเกงหรูที่ร่างหนาสวมใส่ มือเล็กนั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน จนคนที่นั่งอยู่เอ่ย
“ชักช้าแบบนั้น มันน่ารำคาญ”
“ขะ…ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กที่ถูกติเตียนรีบก้มหน้าตอบกลับ ก่อนจะพยายามตั้งสติของตัวเองข่มความประหม่าที่มีในการถอดกางเกงของคุณชายหน้านิ่งออก จนอีกคนหลงเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในราคาแพง
“ถอดให้หมด” ลูกหว้าชะงักไปเล็กน้อยกับคำสั่งใหม่ที่ได้ยิน เธอรู้สึกประหม่าไปหมด ไปหมดจริง ๆ กับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ แต่ถึงจะประหม่ายังไง มันก็คือหนทางที่เธอเลือก แล้วก็…ตัดสินใจแล้ว
“ค่ะ” เสียงหวานรับคำสั่งพลางค่อย ๆ เคลื่อนมือเข้าไปจัดการถอดกางเกงชั้นในแบรนด์ดังที่อยู่ตรงหน้า และเมื่อผ้านั้นถูกปลดออกจนเผยให้เห็นแก่นกายหนาขนาดใหญ่ ที่ถึงจะยังไม่ได้ตื่นตัวหรืออะไร ก็ทำเอาลูกหว้าที่เห็นรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมา เธอไม่กล้าที่จะมองความใหญ่โตที่ยังไม่เต็มที่นั้น…
“มัวแต่ทำอะไร รีบจัดการมัน”
“ค…คะ? …เอ่อ ค่ะ” ร่างบางที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำหน้าเหวอสลับกับรับคำไปเมื่อเห็นสายตาคมกริบที่เอาแต่จ้องมองเธออย่างเรียบเข้มมีความดุ โดยหลังจากที่รับคำเสร็จแล้ว ลูกหว้าก็พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีของตัวเองกลับไปเผชิญหน้ามองยังแก่นกายหนาที่ตอนนี้นั้นอยู่ตรงหน้าเต็มสองตาของเธอ ความใหญ่ยาวที่แม้จะยังไม่ทันได้แข็งตัวนั้นสร้างความรู้สึกเป็นกังวลให้กับสาววัยยี่สิบอยู่ไม่น้อย ทว่ามือบางก็ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปเพื่อสัมผัสเข้ากับมัน แน่นอนว่าคนที่ไม่เคยนั้นมีความเกร็งสั่นเทา สลับกับเก้กังเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับความยิ่งใหญ่ยังไม่แข็งตัวพวกนั้น ทุกอย่างมันเลยชวนให้ดูหงุดหงิดไปหมด
จนในที่สุด
พรึบ!
เสียงมือหนาของร่างสูงที่นั่งอยู่จัดการปัดมือเล็กที่เก้กังอยู่บริเวณแก่นกายใหญ่ของเขาออกด้วยใบหน้าราบเรียบ การกระทำของคุณชายตัวสูงนั้นทำเอาลูกหว้าชะงักสะดุ้งไปด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงกดต่ำจะเอ่ย
“แค่นี้ยังทำไม่ได้ก็กลับไปซะ อย่ามาทำให้ฉันต้องรำคาญ”
“ขะ…ขอโทษค่ะคุณชาย คะ…คือว่าดิฉัน…”
“ออกไป” ริมฝีปากหนาเอ่ยไล่คนตัวเล็กด้วยคำพูดประโยคติดปากของเขา ลูกหว้าที่ได้ยินจึงยิ่งรู้สึกเกรงกลัว…กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ทำหน้าที่นี้
เพราะมันหมายถึง…เส้นทางชีวิตทั้งชีวิตของเธอ
“หว้าขอโทษนะคะคุณชาย ขอโทษนะคะ เดี๋ยวหว้าทำให้ใหม่นะคะ” ร่างบางที่ลืมตัวแทนตัวเองด้วยชื่อพลางเงยหน้ามองทายาทตระกูลใหญ่ด้วยแววตาร้องขอ อีริคที่เห็นท่าทางพวกนั้นก็เอาแต่จ้องมองยังร่างบางนิ่ง
นัยน์ตาคมนั้นฉายออกมาถึงความราบเรียบไร้ความเห็นใจแต่อย่างใด ลูกหว้าที่เห็นแบบนั้นจึงยิ่งรู้สึกเป็นกังวลกับท่าทีดูเมินเฉยต่อคำขอร้องของเธอ
“แต่ถ้าคุณชายคิดว่ามันยังไม่ดีพอ…” พูดจบ หญิงสาวที่นั่งอยู่ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจัดการถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนร่างกายขาวเนียนแต่ละชิ้นออกพร้อมกับสบสายตามองกับคุณชายเย็นชา
“…เดี๋ยวหว้าถอดของหว้าด้วยนะคะ”