ตอนที่ 5 ไม่ใช่แฟนกู
ช่วงเช้าของวันถัดมา ภัทรกฤชลุกจากที่นอนมองร่างเปลือยเปล่าข้างกาย ริมฝีปากหยักหนาคลี่ยิ้มบางๆมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวที่กำลังหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เพราะกิจกรรมรักแสนเร้าร้อนเกือบตลอดคืนทำให้เช้านี้อุณหภูมิร่างกายหญิงสาวกลับมาสู่ภาวะปกติ ไม่มีไข้แต่ยังมีอาการเจ็บคอทุกครั้งที่กลืนน้ำลาย รัญลฎางัวเงียลืมตาตื่นเห็นว่าชายคนรักกำลังเท้าแขนนอนตะแคงมองหน้า แย้มยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
“หิวไหม” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยนจนหัวใจเธอฟูฟ่องมีความสุข ไม่ใช่ฝันไปที่เช้านี้เธอได้ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเขา เห็นรอยยิ้มเขา ไม่ใช่ความนิ่งเงียบเมินเฉยเหมือนที่ผ่านมา หญิงสาวส่ายหัวไปมาจนเรือนผมกระจาย ก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้น ยื่นหน้าจูบรีบฝีปากเขาเบาๆก่อนจะล้มตัวนอน ยกผ้าห่มปิดหน้าด้วยความเขินอายจนเขาหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึหึ ไหนบอกไม่หิวไง” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ ดึงผ้าห่มของอีกฝ่ายออกพ้นตัวเผยเรืองร่างสวยงามที่เขาหลงใหล โน้มหน้าเข้าไปหากดจูบบดขยี้ที่ริมฝีปากของคนที่แทบไม่ทันตั้งตัว
เรียวลิ้นตวัดเกาะเกี่ยวกันแลกเปลี่ยนเป็นจูบที่แสนดูดดื่ม ก่อนเขาจะเลื่อนใบหน้าและริมฝีปากพรมจูบทั่วใบหน้า ไล่เลื้อยต่ำซุกซอกขาวผ่องพรมจูบปากรอยรักไว้อย่างเอาแต่ใจ
บทรักเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับเสียงหวานร้องครวญครางดังขึ้นไม่หยุดเมื่อเขากระหน่ำสาดใส่ความต้องการของเขาเข้าไปซ้ำๆ เน้นหนักจนร่างเล็กตัวสั่นคลอนตามแรงกระแทกกระทั้นอย่างเอาแต่ใจ
ร่างเล็กส่งเสียงหวาน ครวญครางไม่หยุด หลับตาแน่นรับแรงกระแทกนั้นอย่างสุขสม กว่าพายุรักจะจบสิ้นก็กินเวลาจนเกือบใกล้เที่ยง หญิงสาวที่เพิ่งฟื้นไข้อยู่ในสภาพอิดโรยอ่อนแรงนอนซมซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา
ส่วนตัวเขานั้นมีเพียงผ้าขนหนูพื้นใหญ่พันรอบเอวไว้ เผยแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลุกมายืนปรุงอาหารอยู่บริเวณหน้าเตา เตรียมไว้รอ คนที่เพิ่งสร่างไข้เพราะแผนการรักษาด้วยกลวิธีของเขาที่ช่วยทำให้ขยับตัวออกแรงแทบทั้งคืนจนหายกลับมาอุณหภูมิปกติ ไม่ตัวร้อนดั่งไฟเช่นเมื่อวาน
กว่าที่หล่อนจะรู้สึกตัวตะวันก็บ่ายคล้อย ร่างเล็กค่อยๆลืมตาตื่นลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้านวมผืนหนาห่มตัวไว้ หล่อนกวาดสายตามองหาใครบางคน ระหว่างคิ้วสวยย่นหากันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นเขาในห้องนอน ตัดสินใจลุกไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาพันไว้รอบกายพอหลวมๆ ก่อนจะค่อยเดินออกจากห้อง กวาดสายตามองจนเห็นชายหนุ่มคนรักของเธอกำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาตรงโซนรับแขก
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ค่ะ...พี่พอร์ชไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“จะไปทำงานได้ไง ในเมื่อแมวมันดื้อข่วนเจ้าของเป็นแผลขนาดนี้”
“แมวเหรอคะ...เมื่อไหร่คะพี่พอร์ช...ไหนคะบัวขอดูแผลหน่อย” ร่างเล็กเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินเข้ามาหาจนลืมฉุกคิดไปว่า...แมวที่เขาอุปมาหมายถึงก็คือตัวเธอนั้นเอง
รุดมาหาชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างสบายใจ ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดีคว้าเอวคอดรั้งตัวให้นั่งลงบนตักแกร่งของเขา จนเธอร้องเสียงหลง สองแขนเรียวโอบรอบคอเขาแน่นด้วยความตกใจ
“อุ้ย!! พี่พอร์ช”
“หึหึ หายไข้แล้วเหรอ ยังปวดหัวอยู่ไหม”
“หายแล้วค่ะ แต่แค่ยังเพลียๆ”
“หึหึ ที่เพลียไม่ใช่เพราะไข้แล้วล่ะ อย่างอื่นมากกว่า” เชฟหนุ่มเอ่ยหยอก ยิ้มกรุ่มกริ่ม พลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไรผมเธอเหน็บเข้าที่ข้างหู
“แล้วไหนละคะ...ที่โดนแมวข่วนต้องทำแผลไหม หรือจะไปหาหมอฉีดยาดี” เธอถามพลางก้มมองสำรวจเนื้อตัวของชายหนุ่ม พิศดูใบหน้าซ้ายทีขวาที ก่อนจะสะดุดที่รอยเล็บขีดข่วนเป็นแนวบริเวณหลังคอ
“อุ้ย...”
“หึหึ รู้หรือยังว่าแมวตัวไหน”
“บัวขอโทษค่ะ...บัวไม่ได้ตั้งใจ” เสียงหวานเอ่ยเสียงเบา รู้สึกผิดเมื่อเห็นรอยแผลจากการขีดข่วนของเธอค่อนข้างแดงและคงจะแสบพอตัว
“มีตรงไหนอีกไหมคะ” ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย มือหนาลูบศีรษะเธอเบาๆ
“ช่างมันเถอะ ไปอาบน้ำทานข้าวดีกว่า เดี๋ยวบ่ายๆพี่จะพาไปเดินเล่นชดเชยที่วันก่อนผิดนัด สนใจไหม”
“สนใจค่ะ”เสียงหวานเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงดีใจตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะสนใจความรู้สึกของเธอ ในเมื่อระยะหลังมานี้เขามีท่าทีห่างเหินเฉยเมยกับเธออยู่บ่อยครั้งจนเธออดเสียใจ น้อยใจไม่ได้ แต่เมื่อเขาเอ่ยปากและแสดงท่าทีห่วงใยหัวใจที่ขาดน้ำขาดการดูแลใส่ใจมานานค่อยๆเบ่งบานขึ้นอีกครั้ง
รัญลฎากดจูบที่ข้างแก้มของชายหนุ่มอย่างเอาใจทั้งซ้ายขวา ก่อนจะลุกเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่งตัวสวยเตรียมตัวพร้อมสำหรับออกไปเดินเล่นช้อปปิ้งอย่างที่เขาบอกเพราะมั่นใจว่าอย่างไรวันนี้คงไม่มีเหตุให้เขาต้องทิ้งเธอไว้กลางทางอย่างที่ผ่านมาแน่นอน