ถัดจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้โทรไปหา หรือทักข้อความไปถามไถ่อะไร ยังคงทำตัวปกติเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน มาทำงานกลับไปที่คอนโดของเขา ในขณะที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่ห้องอีกเลย แม้กระทั่งที่ทำงานเธอและเขาก็แทบจะไม่ได้พบหรือพูดคุยกัน อาจจะเพราะช่วงเวลาที่ทำให้เจอกันมันแทบไม่มีแต่เธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรนักด้วยเพราะเป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว ในเวลางานไม่อยากให้ใครรู้หรือสนใจถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน
ในใจแม้จะยังอยากรอให้เขามาง้อ แต่เธอก็รู้ดีว่าคนอย่างเชฟพอร์ช จะไม่มีทางงอนง้อเธอก่อนแน่นอน ความคิดถึงกอปรกับความรักที่มีให้เขามากกว่าตัวเอง หล่อนจึงตัดสินใจ ดักรอเขาที่ลานจอดรถของโรงแรม
“พี่พอร์ชคะ” เสียงหวานคุ้นหู เอ่ยเรียกขณะที่เขากำลังเดินออกจากลิฟต์ไปยังลานจอดรถด้านหลังทำให้ขาทั้งสองข้างที่กำลังก้าวเดินชะงักไปเล็กน้อย หันกลับมามองตามเสียงเรียก สีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์จนเธออดน้อยใจไม่ได้ เอ่ยถามเสียงเครือ
“บัวทำอะไรให้พี่โกรธเหรอคะ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับบัว” เขาชะงักไปทันทีกับประโยคที่เต็มไปด้วยคำตัดพ้อ ความรู้สึกผิดก่อกวนหัวใจตัวเองจนต้องหันกลับมามองหญิงสาว เห็นหยาดน้ำตาเอ่อล้นหน่วยตา ทำให้ความคิดที่อยากผลักไส ทำร้ายๆใส่ จำต้องหยุดลง
“เปล่า”ตอบเสียงเรียบ แต่ก็ทำให้คนฟังสะอึกไม่น้อย
“เปล่า แล้วทำไมไม่กลับมาห้องเลยคะ...พี่พอร์ชไปค้างที่ไหน ทำไมไม่บอกบัวเลย บัวรอ”
“อย่าเซ้าซี้ได้ไหม เธอจะไม่ให้พี่กลับไปนอนบ้างเลยเหรอไง ใจคอเธอจะยึดพี่ไว้ให้อยู่กับเธอตลอดเลยงั้นเหรอ” หญิงสาวผงะ มองเขานิ่งอึ้ง หยดน้ำตาร่วงเผาะ หล่อนพยายามกลืนก้อนข่มปร่าลงอย่างยากเย็น พยายามเค้นเสียงเอ่ยตอบเขา
“เปล่านะคะ เพียงแต่บัวแค่อยากรู้บ้าง ว่าพี่ไปไหน ทำอะไร บัวถามก็ไม่ได้เหรอคะ”
“เธอน่ารำคาญแบบนี้ไง พี่ถึงได้เบื่อเธอ” ถ้อยคำทำร้ายจิตใจ ทำให้หญิงสาวถึงกับทำอะไรไม่ถูก เนื้อตัวสั่นเทา ขยับปากเอ่ยคำพูดแต่เขากลับตัดบทขึ้นมาก่อนเมื่อสายตาเหลือบเห็นร่วมงานกำลังเดินมาทางนี้พอดี
“ไว้เดี๋ยวค่อยคุย” น้ำเสียงหงุดหงิด ขัดใจ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ ทิ้งให้เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่ไม่เพียงกี่ไม่นาทีเธอก็เลี่ยงหลบสายตาผู้คนไปยืนเช็ดน้ำตาอยู่ตรงหลังเสา
เชฟหนุ่มเพ่งมองด้วยความขัดใจ สุดท้ายเขาก็ไม่อาจใจดำปล่อยเธอไว้ตรงนี้คนเดียวได้ เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นพากันขึ้นรถขับออกไปแล้ว จึงก้าวลงจากรถคว้าแขนเธอลากขึ้นไปนั่งในรถของเขาทันที
“สงบสติอารมณ์ซะ เดี๋ยวพี่พาไปทานข้าว...แล้วก็เช็ดน้ำตาด้วย ร้องไห้ทำไมนักหนา...เธอเองก็ไม่ควรมากวนอารมณ์พี่แต่แรกนะมุก..!!!” ชื่อแปร่งหูที่ทำให้หญิงสาวชะงักมือที่กำลังเช็ดน้ำตาหันมองหน้าเขา สายตาเต็มคำถาม กึ่งไม่มั่นใจกับสิ่งที่ได้ยินนัก เขาเองก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน
“คะ??”
“อะไร?” ชายหนุ่มแกล้งไขสือ ทำเฉยให้คิดว่าเธอคงหูเพี้ยนได้ยินผิดไป หันไปให้ความสนใจกับพวงมาลัยตรงหน้า สายตาเพ่งมองถนน อย่างคนที่รู้อยู่เต็มอกว่าได้พลาดไป
อาหารเย็นในร้านอาหารธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีวิวพิเศษ รสชาติกลางๆ เป็นร้านที่เขาเลือกพาเธอมาทานในวันนี้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดูมีความสุข ลืมง่าย หายโกรธก็ง่าย ไม่คิดขุ่นเคืองอะไรเขานาน เขารู้ข้อนี้ของเธอดีว่าเป็นคนแบบไหน เข้าใจง่าย พูดคุยรู้เรื่อง บอกอะไรก็จะทำตาม ไม่ค่อยมีปากมีเสียงเท่าไหร่นัก เอาใจก็เก่ง พูดจาอ่อนหวานฉอเลาะออดอ้อนเก่ง บ่อยครั้งที่เขาเกิดลังเล หากให้ต้องเลือกระหว่างมุกรดากับรัญลฎา มันทำให้เขาต้องกลายเป็นคนโลเลสับสนเช่นนี้
แล้วคืนนั้นเราก็จบทุกอย่างที่บนเตียง เหมือนเช่นทุกครั้งที่เจอกันอย่างที่ผ่านมา
หลายวันถัดมา วันนี้เป็นวันเกิดของชายหนุ่มคนรักเธอ และเธอก็อยากเซอร์ไพรส์เขา หล่อนจึงใช้จังหวะช่วงที่เดินขึ้นมาตรวจไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า เลียบๆเคียงๆเดินเข้าไปหาหัวหน้าเชฟที่กำลังยืนดูลูกน้องเตรียมงาน จัดอาหารลงถาด
“พี่พอร์ชคะ” เสียงหวานใส่เอ่ยเรียกเขาอย่างลืมตัว นัยน์ตาคมกริบหรี่มองอย่างตำหนิ ไม่สบอารมณ์นัก ที่เธอเอ่ยทักเขาทั้งๆที่เคยบอกไว้แล้ว
“คุณรัญลฎา!” ปรามเสียงต่ำเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน จนหล่อนเผลอยกมือขึ้นปิดปากอย่างลืมตัว ลดเสียงลง
“ขอโทษค่ะ...เชฟพอร์ชคะ เอ่อ...” ผู้ช่วยสาวเสียงเบาลง สบตาเขาด้วยท่าทีหวาดหวั่น เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ
“มีอะไร” น้ำเสียงติดดุ นัยน์ตาคมกริบตวัดมอง
“เอ่อ...เย็นนี้เราไปทานข้าวกันนะคะ บัวจองร้านอาหารไว้แล้ว” ระหว่างคิ้วย่นหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก่อนจะพยักหน้าตกลง ระลึกได้ว่าทำไมเธอถึงอยากให้เขาไปทานข้าวด้วยมิหนำซ้ำยังจะจองโต๊ะไว้เป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเขาสินะ ทำงานเพลินจนลืมวันลืมคืนไปเสียสนิท
“อืม...ได้สิ” ใจจริงเขาก็แอบรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่วันนั้นพูดจาใส่อารมณ์กับเธอ ทั้งๆที่หล่อนเองก็ไม่ได้ผิดอะไร
“งั้นเดี๋ยวบัวส่งโลเคชั่นร้านเอาไว้นะคะ เจอกันตอนหนึ่งทุ่มนะคะพี่พอร์ช” หญิงสาวมีสีหน้าดีใจ ท่าทีกระตือรือร้น ตื่นเต้น จนเขาตวัดสายตามองดุ เธอจึงลดอาการเหล่านั้นลงหันมายิ้มเจื่อนๆให้เขา
“อืม” เชฟหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อย ปากหยักหนาได้รูปยกยิ้มก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของเธอขยี้เบาๆ แล้วเดินไปอีกทางเพื่อไปดูลูกน้องจัดเตรียมวัตถุดิบด้านใน ทิ้งให้เธอยืนอมยิ้มอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานหลายนาที กว่าจะมีสติเดินกลับไปทำงานของตนเอง
เมื่อถึงเวลาบ่ายสองโมง ซึ่งเป็นเวลาที่หญิงสาวเลิกงานจึงรีบเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เพื่อเตรียมซื้อของขวัญวันเกิดให้กับเขา
สองเพื่อนสาวที่นั่งรถอยู่ในร้านอาหารชื่อดังแนวปิ้งย่างชาบูโบกมือให้เธอทันทีที่เห็น ร่างเล็กจึงรีบสับเท้าไปหาหน้าตาท่าทียิ้มแย้มร่าเริงจนปั้นแก้มนึกหมั่นไส้
“ไปโดนตัวไหนมาล่ะวันนี้ ดี๊ด๊าเป็นพิเศษนะยะ”
“เย็นนี้เรานัดกับพี่พอร์ชจะไปทานข้าวด้วยกัน”
“อื้อ...คราวก่อนที่แกเล่าฉันยังไม่คิดบัญชีเลยนะ ถ้าได้เจอหน้านะแม่จะต่อยให้ฟันร่วงเลยคอยดู”
“น้อยๆหน่อยไอ้แก้ม แกจะไปต่อยเขาเรื่องไร”
“เรื่องอะไรล่ะ ก็เรื่องทิ้งให้ไอ้บัวยืนรอจนเกือบโดนโจรลากไปข่มขืนนั่นไง ถ้าไม่มีพลเมืองดีมาช่วยไว้นะ ป่านนี้ได้ไปตามหาเพื่อนใต้ต้นมะม่วงแล้ว”
“จริงสิลืมคุณเขมไปเลย”
“หื้อ?” สองสาวทำเสียงในลำคอเป็นเชิงถามแทบจะพร้อมกัน
“คุณเขม ก็คนที่ช่วยเราวันนั้นไง ฉันลืมโทรไปขอบคุณ แล้วชวนเขาเลี้ยงข้าวเลย ไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าฉันเป็นพวกเนรคุณหรือเปล่า”
“ไม่หรอก เขาคงเข้าใจแหละ เอาไว้แกว่างๆอย่าลืมโทรไปหาเขาล่ะ”
“อืมๆ สักวันสองวันนี้แหละ”
“ว่าแต่วันนี้แกจะซื้ออะไรไปให้พี่เขาล่ะ” ไอลดาเอ่ยถาม
“เราว่าจะซื้อกระเป๋าตังค์ให้พี่เขาใหม่นะ ใบเก่ามันเก่ามากละด้วย”
“อืม งั้นเดี๋ยวเราทานเสร็จแล้วค่อยไปเลือกดูละกัน”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย สามสาวจึงพากันไปเดินเลือกซื้อของขวัญอย่างที่รัญลฎาตั้งใจไว้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยเธอจึงรีบกลับมาที่บ้าน เพราะหล่อนไม่อยากโอ้เอ้ใช้เวลานานนักในการเลือกซื้อของ วันนี้เธออยากให้มันเป็นวันที่พิเศษสุด พร้อมกับของขวัญชิ้นสำคัญที่เธอตั้งใจจะมอบให้เขา กลับมาแล้วเธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมที่จะไปดินเนอร์มื้อค่ำซึ่งยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดถึงอย่างนั้นเธอก็อยากเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด
เสียงกริ่งดังหน้าประตูห้องทำให้หญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของเข้าที่ตามเดิมหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจำต้องวางมือลง ระหว่างคิ้วย่นหากันด้วยความสงสัย นึกแปลกใจเพราะถ้าหากเป็นภัทรกฤชเขาจะเปิดประตูห้องเข้ามาได้เอง แต่ความจริงแล้วเธอนัดเขาไปเจอที่ห้องอาหารเลยไม่ใช่หรือ
รัญลฎาไม่ได้เก็บความสงสัยไว้นาน ตัดสินใจเดินมาเปิดประตูห้องด้วยความอยากรู้ ก่อนที่แววตาของเธอจะเปลี่ยนไปเป็นสงสัย ระคนงุนงงขึ้นแทน เมื่อเธอเห็นหญิงสาวไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับผู้หญิงอีกคน