@วันต่อมา >> เฟย์
ฉันยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่ ชุดนักศึกษาสีขาวที่ฉันไม่คิดว่าจะได้กลับมาสวมใส่มันอีกครั้ง ก่อนเกิดเรื่องของนาเดียฉันเคยได้ลองสวมมัน แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าเรียน ชีวิตของฉันก็ถูกเขาผลักลงเหวไปเสียก่อน อนาคตที่เคยวาดฝันเอาไว้ มันถูกเขาเหยียบลงดิน ฝังกลบมันจนมิด แต่ในวันนี้เขากลับเป็นคนขุดฉันขึ้นมา ไม่รู้เลยจริงๆว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันคือความปราถนาดีหรือเป็นส่วนหนึ่งของการเอาคืนฉันกันแน่
"สู้ๆนะเฟย์ เธอต้องทำได้!"
ฉันพูดกับตัวเอง ในตอนนี้คงจะมีแค่ตัวฉันเองที่สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่
@07.00 น.
ฉันนั่งรอวินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าปากซอย ระหว่างนั้น รถคันคุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าซอยอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ไง...มาแต่เช้าดีนิ"
อาชาเปิดกระจกลงมา เสียงเย็นชาที่ฉันจำได้ขึ้นใจเอ่ยออกมา
"มาสายเดี๋ยวรถติด"
"อืม...ใช่..ถนนเส้นนี้เจ็ดโมงรถก็เริ่มเยอะแล้ว จากตรงนี้ไปถึงมหาวิทยาลัยก็น่าจะประมาณสามกิโลเมตร"
".....?..." ฉันมองหน้าเขารอฟังในสิ่งที่เขาจะพูดต่อ ในใจแอบหวังว่าเขาอาจจะชวนฉันไปเรียนด้วยก็ได้ แต่ทว่า...
“ปฐมนิเทศเริ่มแปดโมง อย่าไปสายล่ะ ถ้าไปสายเธออาจจะถูกลงโทษก็ได้”
"..."
พูดจบเขาก็ขับรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะถามว่า ‘ไปด้วยกันไหม’ ใช่สิ เขาบอกจะไปรับแฟน เขาจะพาฉันไปด้วยได้ยังไง ตอนนี้คนสำคัญที่สุดสำหรับเขามันไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้ว หนึ่งปีที่ฉันต้องอยู่ในธรณีเหล็กอย่างทุกข์ทรมาน ในทุกๆวันเฝ้าคิดถึงแต่เขา แต่ในใจเขากลับไม่เคยนึกถึงฉันเลย เขามีแฟนใหม่ไปแล้ว แฟนคนที่เขาเรียกได้เต็มปากเต็มคำ
@ลานปฐมนิเทศ – 07:57 น.
“บ้าเอ๊ย..ตายแน่ๆเฟย์!!...”
ฉันสบถพลางวิ่งสุดแรง มือข้างหนึ่งกอดกระเป๋า อีกข้างพยายามจับชายกระโปรงที่ปลิวตามแรงลม พอมาถึงเสียงพิธีกรเริ่มต้นกล่าวต้อนรับจากไมโครโฟนลอยลำมาจากลานกว้าง
“ขอต้อนรับนักศึกษาทุกคนเข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัยนะครับ”
แต่เสียงที่ทำให้หัวใจฉันหยุดเต้นคือเสียงทุ้มเข้มแสบแก้วหูที่ตะโกนขัดขึ้นทันที
“หยุด!! ใครวิ่งเข้ามาเมื่อกี้!!”
ฉันชะงัก เหมือนร่างจะเบาหวิวก่อนจะตกลงพื้นพร้อมสายตาทั้งลานที่หันมาจ้อง
ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อช็อปแขนพับ กางเกงยีนส์สีดำ ผมเกรียนสั้น หน้าตาหล่อราวกับเทพบุตร เขาหล่อนะหล่อมากๆ แต่ดูท่าทางจะดุไม่น้อย เขาเดินหน้าตึง ๆ มาหาฉัน แววตาดุดันดั่งพายุคลั่ง
“น้องชื่ออะไรครับ!?”
“ฟะ...เฟย์ค่ะ” ฉันตอบเสียงสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ชื่อจริง!”
“...พิชชาภา ทรัพย์พิรุณ ค่ะ”
“พิชชาภา!!”
เขาตะโกนซ้ำ เสียงดังจนฉันสะดุ้ง
"คุณคิดว่าที่นี่คือโรงเรียนมัธยมหรือไง!? วิ่งหน้าตั้งมาสายแล้วยังกล้าเดินเข้ามาหน้าตาเฉย?”
“ขอโทษค่ะ พอดีหนูนั่งวินมา แล้ว.......”
“แล้วอะไร!? นั่งวินมาเลยมาสาย? แล้วนักศึกษาคนอื่นเขานั่งจรวดมากันรึไง?”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังแว่วจากแถวหลังบางกลุ่ม ฉันกำมือแน่น พยายามไม่ร้องไห้
“คุณรู้มั้ยว่าเวลา คือสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานจริง.. ถ้าเป็นองค์กรจริง ๆ ป่านนี้คุณโดนไล่ออกไปแล้ว!”
"ขอโทษค่ะ"
ฉันก้มหน้า น้ำตาคลอ หายใจลึกสุดแรงเพื่อกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหล
“ก้มหน้าทำไม! ผมพูดอยู่คุณต้องมองหน้าผม!"
ฉันเงยหน้าขึ้นมาอย่างฝืน ๆ ทันใดนั้น สายตาก็สบเข้ากับเขา...รุ่นพี่สุดหล่อแต่โคตรจะดุ เขามองฉันอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเอง สายตาฉันเหลือบมองไปเห็นใครบางคนที่กำลังมองฉันถูกคนอื่นด่า แต่เขากลับนั่งโอบกอดผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสบายใจ
อาชาเขานั่งอยู่แถวบนสุด บนอัฒจันทร์ของรุ่นพี่ ใส่เสื้อช็อปเช่นเดียวกัน ร่างพิงพนักพิงด้วยท่าทีเฉื่อยชา มือขวาโอบไหล่ของผู้หญิงสาวสวยที่นั่งข้างๆ ดูท่าทางจะสนิทสนมกันมากเกินกว่าคนทั่วไป นี่สินะแฟนใหม่ของเขา คนที่เขาให้สถานะ และดูเหมือนจะให้ความสำคัญ เปิดเผยกับคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง
"กรี้ด..มึงพี่อาชาโคตรเอาใจใส่มายเลยอ่ะ"
"อืม..น่าอิจฉา..กูอยากมีผัวหล่อและเอาใจเก่งแบบนี้บ้างจัง"
คำพูดของกลุ่มนักศึกษาที่ลอดผ่านเข้ามาในหูฉัน ทำฉันแทบสะอึก ความสัมพันธ์ของทั้งสองมันคงจะไปไกลเกินกว่าที่ฉันจะคาดหวังให้อะไรกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ฉันมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น เธอดูเหมาะสมกับเขาดี
ผู้หญิงผมยาว รูปร่างดี แต่งหน้าอ่อนๆ ดูสะอาดสะอ้านและมีรอยยิ้มอ่อนโยนจนใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง เธอหัวเราะเบาๆ กับอะไรบางอย่างที่เขาพูด เขาเช็ดเหงื่อให้เธอ...แล้วพูดอะไรบางอย่างใกล้หูเธอจนเธอยิ้มเขิน ทุกอย่างมันเหมือนกับครั้งที่ฉันเคยเป็น “คนนั้น” ของเขาแต่ตอนนี้...เขาทำแบบนั้นกับคนอื่น และทำมันต่อหน้าฉันที่เคยเป็นแฟนเก่า "แฟนเก่าที่ไม่เคยบอกเลิก แต่การกระทำมันชัดเจนเกินกว่าจะรอคำว่าเลิกกันแล้ว"
สองคนยิ้มหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่สายตาที่เขาหันมามองฉัน มันเต็มไปด้วยความเรียบนิ่ง ไร้ความรู้สึก เหมือนแค่กำลังดูหนังฉายซ้ำที่ไม่แม้แต่จะสนุก ในใจของฉันมันรู้สึกเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ภาพที่เขากอดคนอื่น ใกล้ชิดกับคนอื่นมันกำลังทิ่มแทงหัวใจฉันให้เจ็บแสบ อดีตเขาเคยรักฉัน ทำแบบนี้กับฉัน แต่ในตอนนี้กลับมีคนอื่นเข้ามาแทนที่ มันเจ็บจนพูดไม่ออก จุกในใจเกินจะฝืนทน ฉันได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองก่อนจะเบนสายตาหนีไปทางอื่น
“นักศึกษาหญิงพิชชาภา! ผมอยากให้คุณยืนตรงนี้ไปจนจบพิธี และตอนเลิก...จะให้คุณกล่าวขอโทษต่อหน้ารุ่นพี่ และเพื่อนๆทุกคนที่มาถึงก่อนเวลา เข้าใจมั้ย!?”
“ค่ะ...” เสียงฉันเบาเกินจะได้ยินตัวเอง
“ไม่ได้ยิน!?”
“ค่ะ! เข้าใจค่ะ!”
“ดี! แล้วจงจำไว้ การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่แค่เรียนจบ แต่คือการ ‘รับผิดชอบ’ ทุกสิ่งที่ตัวเองทำ!”
ฉันยืนตัวแข็งมื่ออยู่ตรงหน้าแถว หัวใจแทบจะแหลกละเอียดลงพื้น เมื่อมองกลับไปหาเขาอีกครั้ง เขากลับหายไปพร้อมกับเธอคนนั้น
"ไปกินกันชัวร์ วันนั้นกูก็เห็นลากกันไปหลังห้องน้ำตึกเอ"
"ไม่หรอกมั้ง โรงแรมมีตั้งเยอะตั้งแยะ"
"ความเงี่ย_มันไม่เข้าใครออกใคร คนมันหิวที่ไหนมันก็กินหมดแหละ"
เสียงซุบซิบจากจุดเดิมังขึ้นอีกครั้ง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไม่ให้ไหล มันร่วงหล่นลงมาทันที ฉันพยายามปาดมันโดยเร็ว ไม่อยากให้ใครเห็น ได้แต่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น จนกระทั้งเสียงพิธีกรกลับมาพูดต่อ เสียงเพลงมหาวิทยาลัยดังขึ้น แต่ใจฉันกลับเงียบงัน เหลือเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่หนักหน่วง และความเจ็บปวดที่ตีขึ้นจากข้างใน