แต่ติดว่าห้องนี้ไม่ต่างจากห้องปิดตาย ทางที่จะออกไปได้ก็มีแต่ทางระเบียง ซึ่งเธออยู่ที่ท้ายเรือสำราญขนาดใหญ่ และเป็นห้องพักชั้นสูงสุด หากโดดลงน้ำทะเลไป หนทางรอดก็ดูริบหรี่เต็มทน หากเธอไม่จมน้ำหรือสำลักน้ำตาย ก็อาจจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของสัตว์น้ำในทะเลได้
แต่จะให้เธอรอให้คนบ้านั่นเข้ามารังแกเธออีกก็คงไม่ดีแน่
นีเซียครุ่นคิดอย่างหนัก เท้าเล็กขยับไปตามมุมต่างๆ ในห้องนอนที่ค่อนข้างกว้างขวางเพื่อหาทางหนีทีไล่ จนกระทั่งหญิงสาวพบห้องๆ หนึ่งที่น่าจะช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของอามิลได้ มือเล็กจับสไลด์บานประตูก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่มีอ่างจากุชซี่ขนาดที่ใหญ่พอให้คนลงไปแช่ตัวได้สี่ถึงห้าคน
และจู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แว่บขึ้นมาในหัวของหญิงสาว
และนี่น่าจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธอรอดเงื้อมมือของเขาได้
อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ยังดี
นอกจากคุยโทรศัพท์กับมารดาแล้ว อามิลยังมีเอกสารมากมายที่ต้องจัดการ ชายหนุ่มลืมเรื่องของนีเซียไปเสียสนิทจนกระทั่งตอนที่เลนนอนถือเอกสารปึกหนึ่งเข้ามาในห้อง อามิลจึงละสายตาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้า
“อะไร”
“เอกสารเกี่ยวกับคุณนีเซียครับ”
คิ้วหนาของอามิลขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหู นัยน์ตาสีน้ำตาลทองจับจ้องที่ใบหน้าของเลนนอนเป็นเชิงถาม และบอดี้การ์ดหนุ่มก็ทราบว่าต้องตอบอะไร
“คุณนีเซียคือชื่อของน้องสาวฝาแฝดของพระชายานีน่าครับ”
“อืม”
อามิลครางรับก่อนจะหยิบเอกสารจากเลนนอนมาเปิดดูอยู่พักใหญ่ ก่อนจะละสายตาจากเอกสารแล้วแหงนหน้าขึ้นมองเลนนอนที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“นายมีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ”
เลนนอนแสดงสีหน้าคล้ายกำลังชั่งใจ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดออกไป
“คือตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ซึ่งก็เย็นมากแล้ว คุณนีเซียเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะครับ”
“งั้นก็ให้คนเอาอาหารไปให้เธอซะสิ”
อามิลตอบคล้ายไม่ใส่ใจ ทว่าวูบหนึ่งความรู้สึกผิดก็ก่อตัวขึ้นในอกแต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เลือนหายไป ก่อนจะวางเอกสารเกี่ยวกับหญิงสาวลงบนโต๊ะ แล้วหันไปสนใจแฟ้มเอกสารที่เคยดูก่อนหน้านี้แทน เลนนอนเห็นแบบนั้นก็ถอยออกมา ไม่ได้รบกวนอามิลเอง เมื่อเสียงประตูห้องถูกปิดลงด้วยมือของเลนนอน อามิลจึงได้ละสายตาออกมาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้า วางปากกาด้ามหรูในมือลง แล้วเอนตัวพิงกับเก้าอี้บุหนังอย่างดีด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เขาควรจะจัดการกับน้องสาวฝาแฝดของพระชายานีน่าอย่างไรดี
ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ออกมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีทางจะหยุดยั้งความคิดเดิม ถึงอย่างไรองค์วาลิด ฟาร์ดานก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พระองค์ได้กระทำลงไป
และเขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาขวางทางเป็นอันขาด
ไม่มีทาง
“นายหรือฉันที่จะเป็นคนเอาอาหารเข้าไปให้คุณนีเซีย”
เลนนอนหันไปถามการิม ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ที่หน้าห้องของนีเซีย ด้านหลังของพวกเขามีพนักงานกับรถเข็นอาหาร การิมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงแล้วบอกเสียงเรียบ
“นายสิ นายคือคนที่เป็นห่วงเธอนี่”
เลนนอนถึงกับบดกรามเข้าหากันแน่น มองการิมด้วยสายตาขุ่นเคือง และสุดท้ายก็จัดการปลดล็อกประตูห้องของนีเซียโดยใช้คีย์การ์ด
เลนนอนให้คนเข็นรถอาหารเข้าไปด้านในก่อน จากนั้นเขาจึงก้าวตามเข้ามา บอดี้การ์ดหนุ่มกวาดสายตามอง บริเวณโดยรอบไม่พบนีเซียในระยะสายตา คิ้วของเลนนอนก็ขยับเข้าหากันจนเกือบชิด เลนนอนรีบขยับเท้าเดินหาไปจนทั่วห้อง การิมที่เห็นท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายก็ตามเข้ามาข้างในด้วย
“เกิดอะไรขึ้นเลนนอน”
เลนนอนหยุดเท้าตรงระเบียง เขาหันมาตอบคำถามของการิม
“คุณนีเซียหายไป”
“เธอเข้าห้องน้ำอยู่หรือเปล่า”
พอการิมบอกแบบนั้น เลนนอนจึงรีบสาวเท้าไปที่ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำเป็นแบบกระจกทึบ บอดี้การ์ดหนุ่มยกมือขึ้นเคาะพลางร้องเรียก
“คุณนีเซียครับอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ ผมเอาอาหารมาให้”
เมื่อไร้การตอบรับ เลนนอนจึงเงี่ยหูฟัง ทว่ามีเพียงความเงียบเชียบที่ตอบรับกลับมา เขาจึงหันไปปรึกษาการิมที่ยืนแสดงสีหน้าเรียบเฉยอยู่ทางด้านหลัง
“เอาไงดีการิม”
“นายก็เข้าไปเลยสิ”
“ถ้าคุณนีเซียเธอกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ล่ะ ฉันเปิดเข้าไปจะไม่เป็นไรงั้นเหรอ”
“ฉันไม่รู้”
การิมไหวไหล่ เขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนรับผิดชอบใดๆ ในเรื่องนี้ คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนก็คือเลนนอน ไม่เกี่ยวกับเขา
เธอเปรียบเสมือนเชลยที่ถูกจับตัวมา ไม่ใช่คนรักหรือผู้หญิงของเจ้านาย ทำไมเขาต้องใส่ใจด้วยล่ะ
“นายมันใจดำมากการิม”
เลนนอนเค้นเสียงรอดไรฟัน มองการิมด้วยสายตาขุ่นๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ ซ้ำยังตอกกลับจนเลนนอนรู้สึกหน้าชาอยู่ไม่น้อย
“นายกับลูกน้องนายไม่ใช่หรอกหรือที่เป็นคนไปจับตัวเธอมา แถมยังจับผิดตัวซะด้วย คิดได้ยังไงว่าองค์รัชทายาทอย่างชีคฟารีสจะปล่อยให้พระชายาเดินทางเพียงลำพัง”
การิมไม่ได้ทำเพียงแค่พูดเปล่า เขาส่ายหน้าเบาๆ คล้ายระอาใจ นั่นเป็นเหตุให้เลนนอนต้องบดกรามเข้าหากันแน่นอีกครั้ง
“เหมือนกันขนาดนั้น เป็นนายก็คงจับผิดตัวเหมือนกันนั่นแหละ”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่เคยทำงานพลาด”
“อย่าให้นายพลาดบ้างก็แล้วกัน”
เลนนอนทำได้เพียงกล่าวคาดโทษ ก่อนจะลงมือเคาะประตูห้องน้ำอีกครั้ง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก…
“คุณนีเซียครับ อยู่ข้างในหรือเปล่าครับ”
เป็นอีกครั้งที่เลนนอนได้รับความเงียบตอบกลับมา เขาขมวดคิ้วมุ่น ยกมือขึ้นกดที่หูฟังแบบไร้สาย ต่อสายหาลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของอามิล
“ช่วยรายงานคุณอามิลให้ทีว่าฉันไม่เห็นคุณนีเซียในห้องนอน ฉันสงสัยว่าเธอจะอยู่ในห้องน้ำ ฉันเรียกแล้วแต่เธอไม่ตอบรับ ถามคุณอามิลให้หน่อยว่าให้ฉันเปิดประตูเข้าไปดูในห้องน้ำได้หรือเปล่า”
เลนนอนรออยู่พักหนึ่งปลายสายจึงตอบกลับมา
“คุณอามิลบอกว่าเดี๋ยวไปจัดการเองครับ”
“โอเค”
เลนนอนรับคำก่อนจะลดมือลง แต่ชายหนุ่มยังคงหยุดอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน การิมเองทำเพียงลอบมองสถานการณ์ เพียงไม่นานอามิลก็มาปรากฏในห้อง เลนนอนจึงถอยออกห่างจากหน้าประตูห้องน้ำอย่างรู้งาน
“พระชายา ผมรู้ว่าคุณอยู่ในนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้”
การิมกับเลนนอนลอบมองหน้ากันในทันทีที่ได้ยินอามิลเรียกแบบนั้น ถึงแม้ทั้งคู่สงสัยอยู่มากแต่ก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง
“ถ้าคุณไม่ยอมออกมา ผมจะเข้าไปแล้วนะ”
มีเพียงความเงียบงันที่ตอบรับกลับมา และตอนนี้อามิลก็ใกล้หมดความอดทนเข้าไปทุกที
“ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง จะออกมาดีๆ หรือจะให้ผมเข้าไปอุ้มคุณออกมา”
อามิลเค้นเสียงรอดไรฟัน คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลทองขยับเข้าหากันจนเกือบชิด กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน
และตอนนี้ความอดทนของเขาก็ไม่เหลืออีกแล้ว
“พวกนายรอฉันอยู่ตรงนี้ ห้ามตามเข้าไป ถ้าฉันไม่ได้เรียก”
อามิลออกคำสั่งโดยไม่ได้หันกลับไปมอง แต่การิมกับเลนนอนทราบดีว่าเจ้านายต้องการอะไร ร่างสูงของอามิลเลื่อนบานประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านใน เห็นร่างเล็กของหญิงสาวตัวสั่นงันงก ริมฝีปากซีด ดวงหน้าของเธอแทบจะไร้สีเลือด
และตอนนี้เธอนั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ
“ทำบ้าอะไรของคุณ”
เสียงทุ้มตะโกนลั่น ก่อนจะรีบสาวเท้าไปช้อนเอาร่างเล็กขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ นีเซียที่ตัวสั่นงันงกไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ดวงตาของหญิงสาวปรือปรอยแต่ยังพอมีสติ เรียวปากซีดเหยียดยิ้มแล้วเอ่ยกับคนที่โอบอุ้มเธอเอาไว้
“ฉันไม่มีทางยอมเป็นเมียคุณหรอกไอ้โจรชั่ว”
แล้วหญิงสาวก็หมดสติไปในอ้อมแขนของอามิล กรามแกร่งบดกรามเข้าหากันแน่น มองหญิงสาวในอ้อมแขน อย่างเดือดดาล
‘อวดดี’
ร่างสูงคำรามลั่นในใจ ก่อนจะรีบพาคนในอ้อมแขนออกจากห้องน้ำไป การิมกับเลนนอนเห็นแบบนั้นก็รีบหลีกทางให้ชายหนุ่ม ก่อนจะรีบขยับเท้าตามไป โดยที่ทั้งคู่แสดงสีหน้าตื่นตะลึงอยู่ไม่น้อย ในขณะที่อามิลคาดโทษหญิงสาวในอ้อมแขนในใจ
‘ผมไม่ยอมให้คุณตายง่ายๆ หรอกนีเซีย ผมอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคุณต้องกลายเป็นเมียผมขึ้นมาจริงๆ คุณจะทำยังไง’