บทที่ 3-3

1686 Words
แต่ติดว่าห้องนี้ไม่ต่างจากห้องปิดตาย ทางที่จะออกไปได้ก็มีแต่ทางระเบียง ซึ่งเธออยู่ที่ท้ายเรือสำราญขนาดใหญ่ และเป็นห้องพักชั้นสูงสุด หากโดดลงน้ำทะเลไป หนทางรอดก็ดูริบหรี่เต็มทน หากเธอไม่จมน้ำหรือสำลักน้ำตาย ก็อาจจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของสัตว์น้ำในทะเลได้ แต่จะให้เธอรอให้คนบ้านั่นเข้ามารังแกเธออีกก็คงไม่ดีแน่ นีเซียครุ่นคิดอย่างหนัก เท้าเล็กขยับไปตามมุมต่างๆ ในห้องนอนที่ค่อนข้างกว้างขวางเพื่อหาทางหนีทีไล่ จนกระทั่งหญิงสาวพบห้องๆ หนึ่งที่น่าจะช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของอามิลได้ มือเล็กจับสไลด์บานประตูก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่มีอ่างจากุชซี่ขนาดที่ใหญ่พอให้คนลงไปแช่ตัวได้สี่ถึงห้าคน และจู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แว่บขึ้นมาในหัวของหญิงสาว และนี่น่าจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธอรอดเงื้อมมือของเขาได้ อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ยังดี นอกจากคุยโทรศัพท์กับมารดาแล้ว อามิลยังมีเอกสารมากมายที่ต้องจัดการ ชายหนุ่มลืมเรื่องของนีเซียไปเสียสนิทจนกระทั่งตอนที่เลนนอนถือเอกสารปึกหนึ่งเข้ามาในห้อง อามิลจึงละสายตาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้า “อะไร” “เอกสารเกี่ยวกับคุณนีเซียครับ” คิ้วหนาของอามิลขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหู นัยน์ตาสีน้ำตาลทองจับจ้องที่ใบหน้าของเลนนอนเป็นเชิงถาม และบอดี้การ์ดหนุ่มก็ทราบว่าต้องตอบอะไร “คุณนีเซียคือชื่อของน้องสาวฝาแฝดของพระชายานีน่าครับ” “อืม” อามิลครางรับก่อนจะหยิบเอกสารจากเลนนอนมาเปิดดูอยู่พักใหญ่ ก่อนจะละสายตาจากเอกสารแล้วแหงนหน้าขึ้นมองเลนนอนที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “นายมีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ” เลนนอนแสดงสีหน้าคล้ายกำลังชั่งใจ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดออกไป “คือตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ซึ่งก็เย็นมากแล้ว คุณนีเซียเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะครับ” “งั้นก็ให้คนเอาอาหารไปให้เธอซะสิ” อามิลตอบคล้ายไม่ใส่ใจ ทว่าวูบหนึ่งความรู้สึกผิดก็ก่อตัวขึ้นในอกแต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เลือนหายไป ก่อนจะวางเอกสารเกี่ยวกับหญิงสาวลงบนโต๊ะ แล้วหันไปสนใจแฟ้มเอกสารที่เคยดูก่อนหน้านี้แทน เลนนอนเห็นแบบนั้นก็ถอยออกมา ไม่ได้รบกวนอามิลเอง เมื่อเสียงประตูห้องถูกปิดลงด้วยมือของเลนนอน อามิลจึงได้ละสายตาออกมาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้า วางปากกาด้ามหรูในมือลง แล้วเอนตัวพิงกับเก้าอี้บุหนังอย่างดีด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาควรจะจัดการกับน้องสาวฝาแฝดของพระชายานีน่าอย่างไรดี ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ชายหนุ่มพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ออกมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีทางจะหยุดยั้งความคิดเดิม ถึงอย่างไรองค์วาลิด ฟาร์ดานก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พระองค์ได้กระทำลงไป และเขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาขวางทางเป็นอันขาด ไม่มีทาง “นายหรือฉันที่จะเป็นคนเอาอาหารเข้าไปให้คุณนีเซีย” เลนนอนหันไปถามการิม ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ที่หน้าห้องของนีเซีย ด้านหลังของพวกเขามีพนักงานกับรถเข็นอาหาร การิมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงแล้วบอกเสียงเรียบ “นายสิ นายคือคนที่เป็นห่วงเธอนี่” เลนนอนถึงกับบดกรามเข้าหากันแน่น มองการิมด้วยสายตาขุ่นเคือง และสุดท้ายก็จัดการปลดล็อกประตูห้องของนีเซียโดยใช้คีย์การ์ด เลนนอนให้คนเข็นรถอาหารเข้าไปด้านในก่อน จากนั้นเขาจึงก้าวตามเข้ามา บอดี้การ์ดหนุ่มกวาดสายตามอง บริเวณโดยรอบไม่พบนีเซียในระยะสายตา คิ้วของเลนนอนก็ขยับเข้าหากันจนเกือบชิด เลนนอนรีบขยับเท้าเดินหาไปจนทั่วห้อง การิมที่เห็นท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายก็ตามเข้ามาข้างในด้วย “เกิดอะไรขึ้นเลนนอน” เลนนอนหยุดเท้าตรงระเบียง เขาหันมาตอบคำถามของการิม “คุณนีเซียหายไป” “เธอเข้าห้องน้ำอยู่หรือเปล่า” พอการิมบอกแบบนั้น เลนนอนจึงรีบสาวเท้าไปที่ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำเป็นแบบกระจกทึบ บอดี้การ์ดหนุ่มยกมือขึ้นเคาะพลางร้องเรียก “คุณนีเซียครับอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ ผมเอาอาหารมาให้” เมื่อไร้การตอบรับ เลนนอนจึงเงี่ยหูฟัง ทว่ามีเพียงความเงียบเชียบที่ตอบรับกลับมา เขาจึงหันไปปรึกษาการิมที่ยืนแสดงสีหน้าเรียบเฉยอยู่ทางด้านหลัง “เอาไงดีการิม” “นายก็เข้าไปเลยสิ” “ถ้าคุณนีเซียเธอกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ล่ะ ฉันเปิดเข้าไปจะไม่เป็นไรงั้นเหรอ” “ฉันไม่รู้” การิมไหวไหล่ เขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนรับผิดชอบใดๆ ในเรื่องนี้ คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนก็คือเลนนอน ไม่เกี่ยวกับเขา เธอเปรียบเสมือนเชลยที่ถูกจับตัวมา ไม่ใช่คนรักหรือผู้หญิงของเจ้านาย ทำไมเขาต้องใส่ใจด้วยล่ะ “นายมันใจดำมากการิม” เลนนอนเค้นเสียงรอดไรฟัน มองการิมด้วยสายตาขุ่นๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ ซ้ำยังตอกกลับจนเลนนอนรู้สึกหน้าชาอยู่ไม่น้อย “นายกับลูกน้องนายไม่ใช่หรอกหรือที่เป็นคนไปจับตัวเธอมา แถมยังจับผิดตัวซะด้วย คิดได้ยังไงว่าองค์รัชทายาทอย่างชีคฟารีสจะปล่อยให้พระชายาเดินทางเพียงลำพัง” การิมไม่ได้ทำเพียงแค่พูดเปล่า เขาส่ายหน้าเบาๆ คล้ายระอาใจ นั่นเป็นเหตุให้เลนนอนต้องบดกรามเข้าหากันแน่นอีกครั้ง “เหมือนกันขนาดนั้น เป็นนายก็คงจับผิดตัวเหมือนกันนั่นแหละ” “ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่เคยทำงานพลาด” “อย่าให้นายพลาดบ้างก็แล้วกัน” เลนนอนทำได้เพียงกล่าวคาดโทษ ก่อนจะลงมือเคาะประตูห้องน้ำอีกครั้ง ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก… “คุณนีเซียครับ อยู่ข้างในหรือเปล่าครับ” เป็นอีกครั้งที่เลนนอนได้รับความเงียบตอบกลับมา เขาขมวดคิ้วมุ่น ยกมือขึ้นกดที่หูฟังแบบไร้สาย ต่อสายหาลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของอามิล “ช่วยรายงานคุณอามิลให้ทีว่าฉันไม่เห็นคุณนีเซียในห้องนอน ฉันสงสัยว่าเธอจะอยู่ในห้องน้ำ ฉันเรียกแล้วแต่เธอไม่ตอบรับ ถามคุณอามิลให้หน่อยว่าให้ฉันเปิดประตูเข้าไปดูในห้องน้ำได้หรือเปล่า” เลนนอนรออยู่พักหนึ่งปลายสายจึงตอบกลับมา “คุณอามิลบอกว่าเดี๋ยวไปจัดการเองครับ” “โอเค” เลนนอนรับคำก่อนจะลดมือลง แต่ชายหนุ่มยังคงหยุดอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน การิมเองทำเพียงลอบมองสถานการณ์ เพียงไม่นานอามิลก็มาปรากฏในห้อง เลนนอนจึงถอยออกห่างจากหน้าประตูห้องน้ำอย่างรู้งาน “พระชายา ผมรู้ว่าคุณอยู่ในนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้” การิมกับเลนนอนลอบมองหน้ากันในทันทีที่ได้ยินอามิลเรียกแบบนั้น ถึงแม้ทั้งคู่สงสัยอยู่มากแต่ก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง “ถ้าคุณไม่ยอมออกมา ผมจะเข้าไปแล้วนะ” มีเพียงความเงียบงันที่ตอบรับกลับมา และตอนนี้อามิลก็ใกล้หมดความอดทนเข้าไปทุกที “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง จะออกมาดีๆ หรือจะให้ผมเข้าไปอุ้มคุณออกมา” อามิลเค้นเสียงรอดไรฟัน คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลทองขยับเข้าหากันจนเกือบชิด กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน และตอนนี้ความอดทนของเขาก็ไม่เหลืออีกแล้ว “พวกนายรอฉันอยู่ตรงนี้ ห้ามตามเข้าไป ถ้าฉันไม่ได้เรียก” อามิลออกคำสั่งโดยไม่ได้หันกลับไปมอง แต่การิมกับเลนนอนทราบดีว่าเจ้านายต้องการอะไร ร่างสูงของอามิลเลื่อนบานประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านใน เห็นร่างเล็กของหญิงสาวตัวสั่นงันงก ริมฝีปากซีด ดวงหน้าของเธอแทบจะไร้สีเลือด และตอนนี้เธอนั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ “ทำบ้าอะไรของคุณ” เสียงทุ้มตะโกนลั่น ก่อนจะรีบสาวเท้าไปช้อนเอาร่างเล็กขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ นีเซียที่ตัวสั่นงันงกไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ดวงตาของหญิงสาวปรือปรอยแต่ยังพอมีสติ เรียวปากซีดเหยียดยิ้มแล้วเอ่ยกับคนที่โอบอุ้มเธอเอาไว้ “ฉันไม่มีทางยอมเป็นเมียคุณหรอกไอ้โจรชั่ว” แล้วหญิงสาวก็หมดสติไปในอ้อมแขนของอามิล กรามแกร่งบดกรามเข้าหากันแน่น มองหญิงสาวในอ้อมแขน อย่างเดือดดาล ‘อวดดี’ ร่างสูงคำรามลั่นในใจ ก่อนจะรีบพาคนในอ้อมแขนออกจากห้องน้ำไป การิมกับเลนนอนเห็นแบบนั้นก็รีบหลีกทางให้ชายหนุ่ม ก่อนจะรีบขยับเท้าตามไป โดยที่ทั้งคู่แสดงสีหน้าตื่นตะลึงอยู่ไม่น้อย ในขณะที่อามิลคาดโทษหญิงสาวในอ้อมแขนในใจ ‘ผมไม่ยอมให้คุณตายง่ายๆ หรอกนีเซีย ผมอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคุณต้องกลายเป็นเมียผมขึ้นมาจริงๆ คุณจะทำยังไง’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD