หวั่นไหว

2791 Words
“มึงจะให้กูล้างตัวตรงนี้จริง ๆ หรอวะ” มันว่าพร้อมกับก้มมองดูน้ำในลำธารที่ไม่ห่างจากถนนใหญ่มากนักด้วยสายตาลังเล “มึงจะไม่ลงไปล้างตัวก็ได้นะ ถ้าทนกลิ่นเยี่ยวไอ้เข้มได้น่ะ หึหึ” ผมกลั้วหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ “ลงก็ลงวะ” มันว่าก่อนจะถอดรองเท้าแล้วก้าวขาลงน้ำอย่างจำยอม มึงนี่ก็จริง ๆ เลยนะ น้ำมันก็ไม่ได้สกปรกอะไรนักหนา ติดไปทางใสสะอาดด้วยซ้ำยังจะเรื่องมากอีก “ไอ้เชี่ย! น้ำแม่งโคตรเย็นเลยว่ะ” มันหันมายิ้มแฉ่งก่อนจะควักน้ำขึ้นมาพรมที่ต้นคอ “รีบล้างตัวแล้วก็รีบขึ้นมาได้ละ กูไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น” ผมเดินไปนั่งหย่อนขาลงน้ำพร้อมกับเตะเท้าด้วยท่าทางสบาย ๆ น้ำนี่แม่งเย็นจริงอย่างที่มันบอกด้วยว่ะ “มึงไม่ลงมาล้างตัวหรอวะ เสื้อผ้ามึงก็เลอะเหมือนกัน” มันชี้นิ้วมาที่เสื้อยืดของผมที่มีรอยเปื้อนเป็นบางจุด “ไม่เอาอะ เปื้อนนิดเดียว เดี๋ยวกูกลับไปซักที่บ้าน” “เอางั้นหรอวะ” “เออ เรื่องของกูเถอะ มึงก็ขึ้นมาได้ละ จะหกโมงละเนี่ย เดี๋ยวฟ้ามืดจะกลับลำบาก” “ช่วยดึงกูขึ้นหน่อยดิ ตอกตะปูทั้งวันแขนไม่มีแรงเลย” มันแหวกว่ายเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นแขนมาตรงหน้าผม อ่อนแอจริง ๆ เลยนะมึง ทำงานแค่นี้ทำเป็นสำออย ผมกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมยื่นมือเข้าไปจับมือมันไว้ก่อนจะออกแรงดึง ตู๊มมมม!! ไม่ทันทีผมจะได้ออกแรง ผมก็ต้องหน้าคะมำลงน้ำด้วยแรงกระชากของคนตรงหน้า “ไอ้ศิวะ ไอ้เหี้ย!!” ผมโวยวายวักน้ำสาดใส่หน้ามันยกใหญ่ “ฮ่า ๆ เป็นไง เย็นดีมั้ย” มันระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความสะใจที่แกล้งผมได้สำเร็จ คนอย่างมึงนี่นะ มันไว้ใจไม่ได้เลยจริง ๆ “เอาน่าา~ อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ หันมานี่มาเดี๋ยวกูล้างตัวให้” ไอ้ศิวะรั้งแขนผมเข้าไปชิดตัวแต่ก็โดนผมสะบัดออกด้วยความฉุนเฉียว “ไม่ต้องมาจับตัวกู!!” ผมฮึดฮัดด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะควักน้ำในระดับเอวขึ้นมาขยี้เสื้อที่เปื้อน “อย่าดื้อสิ เดี๋ยวกูทำให้” ไม่พูดเปล่าไอ้ศิวะกำคอเสื้อผมกระชากเข้าไปชิดตัวก่อนจะวักน้ำขึ้นมาขยี้คราบเปื้อนที่แผ่นอก ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมันเลยยอมยืนนิ่ง ๆ ให้มันขยี้เสื้อตามที่มันต้องการ คนตรงหน้าวักน้ำขึ้นมาลูบวนที่แผ่นอกกว้างสัมผัสที่หัวนมผมอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ติดว่ามึงซักเสื้อให้กูอยู่ กูคงคิดว่ามึงกำลังแกล้งกูแน่ ๆ “เสร็จยังวะ” ผมถามอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เมื่อมันเริ่มขยับตัวเข้ามาแนบชิดตัวผมขึ้นเรื่อย ๆ จนใบหน้าเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ “ยังไม่เสร็จ ทำไมมึงจะเสร็จแล้วหรอวะ” มันพูดกำกวมจนผมไปไม่เป็น “หึหึ ทำไมใจมึงเต้นแรงจังวะ เขินหรอ?” มันเอาแต่พูดหยอกล้อไม่เลิกจนผมทำตัวไม่ถูกจึงใช้ฝ่ามือดันอกแกร่งของมันออกให้พ้นตัว “เขินเหี้ยไร เร็ว ๆ กูอยากกลับบ้านแล้ว” ผมรีบเบี่ยงประเด็น ทั้งที่หน้ากำลังแดดแปร๊ดจนปิดไม่มิด มือก็วักน้ำขึ้นมาพรมจนทั่วตัว “หึหึ งั้นหรอ” มันขมวดคิ้วถามอย่างยียวน จนผมชักหงุดหงิด “กูจะกลับละ มึงไม่กลับก็ตามใจ” ผมผละออกหวังจะเดินหนีแต่ก็ถูกมันรวบตัวไปกอดไว้แน่น “เชี่ย!! ทำไรของมึงวะ” ผมโวยลั่น พยายามดิ้นขัดขืนสุดฤทธิ์ จะแกล้งอะไรกูอีกไอ้ชาติหมา!! “อย่าเพิ่งไปได้มั้ย กูขออยู่อย่างนี้ซักพักก่อน” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลง “ห้านาที กูขอแค่ห้านาทีนะ” มันกระชับกอดแน่นขึ้นจนผมที่เหนื่อยหอบจากแรงดิ้นขัดขืนยอมสยบลง ไอ้ศิวะค่อย ๆ คลายแขนจากการกอดรัดผมลง แต่ยังสวมกอดเอาไว้ หลวม ๆ อยู่ “มึงต้องการอะไรวะ” ผมถามมันออกไปด้วยความสับสน มันต้องการอะไรกันแน่ เข้ามาทำแบบนี้กับผมทำไม? ตั้งใจจะปั่นประสาทผมเล่นอย่างงั้นหรอ “กูก็ไม่รู้ กูแค่อยากอยู่กับมึง อยากจ้องหน้ามึงแบบนี้ไปนาน ๆ” มันพูดพร้อมกับมองสบตาผมนิ่ง “กูถามจริง ๆ นะ มึงบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ แล้วมึงมาเอากูทำไม” ผมถามมันออกไปตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อม ด้วยนิสัยตรงไปตรงมาของผม “ก่อนหน้านี้ก็มีอะไรกับผู้หญิงมาตลอด แต่กูคงรุนแรงไปมั้ง ไม่มีใครทนกูได้ซักราย กูก็คิดมาตลอดว่าถ้ากูลองกับผู้ชายดูบ้าง เขาจะทนกูได้มั้ย จนกระทั่งวันที่ไปเจอมึงในสภาพนั้น กูแม่งห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยว่ะ พอผ่านคืนนั้นไปกูก็มานั่งคิดนะ ว่ามันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ กูอาจจะแค่เผลอไผลไปชั่วขณะ แต่พอกูบุกไปที่ห้องมึงจนเรามีอะไรกันรอบที่สอง กูถึงได้รู้ว่ากูไม่ได้เผลอไปแค่ชั่วขณะ แต่ว่ากู….” ผมนิ่งอึ้งฟังมันพรั่งพรูความในใจออกมาด้วยความไม่เข้าใจ “มึงจะบอกว่าชอบกูงั้นหรอ ทั้งที่มึงไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนเนี่ยนะ น้ำเน่าไปป่ะ” “กูบอกมึงไปหมดแล้ว กูไม่รู้ว่ามันเรียกว่าชอบรึเปล่า แต่กูอยากอยู่ใกล้มึงตลอดเวลา เห็นหน้ามึงตอนไหนกูก็ใจเต้นแรง แบบนี้มันเรียกว่าอะไรวะ” มันว่าพร้อมกับจับมือผมเข้าไปทาบที่หน้าอกแกร่ง ที่ในขณะนี้มันกำลังเต้นโครมครามราวกับจะระเบิดออกมา ผมนิ่งงันไปชั่วขณะ ความสับสนก่อเกิดขึ้นมาภายในจิตใจ “มึงรังเกียจกูมั้ย แค่มึงตอบว่าใช่ กูจะตัดใจ” มันจ้องเข้ามาในดวงตาของผมนิ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมไม่รู้จะตอบมันว่ายังไง ผมเกลียดขี้หน้ามันก็จริง แต่ยิ่งได้เจอได้คุย ผมกลับไม่นึกรังเกียจในสิ่งที่มันทำกับผมเลยสักนิด “กู….” ผมอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กลัวว่าถ้าเผลอตอบอะไรพลาดไปแล้วจะต้องมานั่งนึกโทษตัวเองทีหลัง “ครบห้านาทีแล้ว” ผมรีบเบี่ยงหน้าหลบเพราะทำตัวไม่ถูก มึงเล่นพูดตรง ๆ แบบนี้กูก็ไปไม่เป็นสิวะ “ขออีกหนึ่งนาทีได้มั้ย” มันร้องขอเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเชยคางผมขึ้นมาสบตา “มึงใจเต้นกับกูบ้างมั้ยวะ” มันเอ่ยถามก่อนจะทาบมือหนาลงแผ่นอกแกร่งของผมแล้วโน้มใบหน้าเข้า มาใกล้ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้ควรทำยังไง ควรผลักมันออกมั้ย? แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีริมฝีปากฉ่ำนุ่มก็ทาบทับลงมาที่ริมฝีปากผมเสียแล้ว หัวใจผมเริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง และผมคงปกปิดมันไม่ได้อีกต่อไปเพราะฝ่ามือหนาของอีกฝ่ายทาบลงบนหัวใจของผมอยู่ มันใช้มือที่คล้องเอวเลื่อนขึ้นมาคล้องที่หลังคอผมจากทางด้านหลังก่อนขยำเส้นผมที่ท้ายทอยอย่างเบามือ คนตรงหน้าค่อย ๆ แทรกลิ้นร้อนเข้ามาภายในโพลงปากนุ่มชื้นของผมอย่างง่ายดาย เพราะผมเผยอปากเตรียมรับสัมผัสอยู่ก่อนแล้ว เราทั้งคู่ต่างสลับกันดูดดุ้นลิ้นของกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ลิ้นร้อนเกี่ยวพันจนเกิดเสียงบดเบียดในโพลงปาก เราบดจูบกันอย่างดูดดื่มและเนิ่นนานจนทั่วริมฝีปากเปียกชื้นไปด้วยน้ำลาย เหมือนไอ้ศิวะจะตั้งสติได้รีบถอนริมฝีปากออก แต่ผมก็คว้าคอมันไว้หวังจะบูดจูบต่อให้หนำใจ แต่ก็โดนมันห้ามปรามไว้ก่อน “พอก่อน กูไม่ไหว ไม่งั้นกูได้เอามึงกลางป่าแน่” มันพูดเสียงหอบกระเส่าสายตาหยาดเยิ้ม บ่งบอกว่าอารมณ์ตอนนี้ไปสุดมากแค่ไหน ผมจึงพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ ก่อนจะผละออกแล้วเดินขึ้นจากน้ำ เราทั้งคู่เดินออกมาที่ถนนใหญ่เงียบ ๆ โดยไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา แม่งเอ๊ย!! อึดอัดชะมัด “มึงจะเอาไงกับไอ้สองตัวนี่วะ” ผมพยักพเยิดหน้าไปที่ไอ้ลูกหมาสองตัวที่นอนซบกันอยู่ใต้พุ่มไม้ “ก็คงปล่อยมันไว้นี่ล่ะ” มันพูดอย่างปลง ๆ “เหอะ มึงนี่ยอมแพ้อะไรง่ายดีเนาะ” “แล้วมึงจะให้กูทำไง” ผมครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “งั้นเอางี้มึงเอาไปเลี้ยงตัวนึง กูก็จะเอากลับไปเลี้ยงตัวนึงเหมือนกัน” ผมเสนอ “หึหึ งี้ก็เท่ากับว่าหมาคู่อะดิ” มันกระตุกยิ้มออกมาอย่างล้อ ๆ “งั้นก็เชิญมึงเอาไปเลี้ยงเองสองตัวเลยละกัน กูไม่เลี้ยงช่วยแม่งละไอ้สัส!!” “เอ้า! ได้ไง มึงเป็นคนเสนอเองนะ” มันมุ่ยหน้าลงจนน่าถีบ “มึงเอาตัวนี้ไป กูจะเอาตัวนี้” ผมอุ้มลูกหมาตัวสีน้ำตาลขึ้นสวมกอดไว้ในอกก่อนจะเดินแยกออกมา ทิ้งลูกหมาสีน้ำตาลลายขาวนอนแผ่หลาอยู่ตรงนั้น “มึงจะไปไหน” ไอ้ศิวะตะโกนถามไล่หลัง “กลับบ้านสิวะ จะอยู่ทำซากอะไร” ผมตะโกนตอบมันโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ผมเดินตามทางมาเรื่อย ๆ วันนี้ถนนเปลี่ยวกว่าทุกวันเพราะไฟตามสองห้างทางเสีย สงสัยพรุ่งนี้ผมคงต้องสั่งให้ลูกน้องเข้ามาซ่อมแล้วล่ะ ปิ๊ก ปิ๊ก!! เสียงบีบแตรดังไล่หลังพร้อมกับตีไฟสูงสาดขึ้นมาจนแสบตา “ขึ้นมา” ทันทีที่รถจอดเทียบข้าง ไอ้ศิวะก็กวักมือเรียกผมขึ้นไปนั่ง ผมทำหน้าลังเลอยู่เล็กน้อย กลัวว่าใครจะมาเห็นว่าผมอยู่กับมันเข้า คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขึ้นมาเถอะน่า กูไปส่งแค่ปากทาง มึงค่อยเดินกลับเข้าบ้าน” ไอ้ศิวะร้องบอก ราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมเปิดประตูขึ้นรถตามที่มันบอก มันขับรถมาเรื่อย ๆ ปากก็ฮำเพลงตลอดทาง มึงจะอารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ “มึงว่าเราจะตั้งชื่อมันว่าไงดีวะ” อยู่ ๆ ไอ้ศิวะก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ว่าไงตัวเล็ก อยากชื่ออะไรเราอะ” มันเอื้อมมือไปลูบหัวหมาที่นอนอยู่บนตักแผ่วเบา ผมถึงเข้าใจในประโยคที่มันพูดเมื่อสักครู่ “หมามึงชื่อไอ้น้ำตาลดีมั้ยวะ ตัวมันสีน้ำตาล ส่วนหมากูก็ชื่อไอ้ด่าง ตัวมันลาย ๆ” ไอ้ศิวะหันมาเสนอ “ไม่เอาอะ ชื่อแม่งโคตรโหล เรียกทีนึงหมาวิ่งมาทั้งซอย เอาอันที่มันแปลก ๆ แต่จำง่าย ๆ น่ะ” “มึงอยากได้แปลก ๆ แต่จำง่าย ๆ ว่างั้น” มันปลายหางตามามองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ “อืม” “งั้นต้องชื่อนี้เลย หมากูชื่อไอ้เหี้ย หมามึงชื่อไอ้สัส รับรองจำง่ายไม่ซ้ำใครแน่นอน” “หึหึ มึงไม่แปลกซักเรื่องจะได้มั้ยวะ” ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้าด้วยความปลง “ชื่อออกจะเท่ มึงน่ะเข้าไม่ถึง” “หึหึ ใครเข้าถึงก็คงแปลกเหมือนมึงนั่นแหละ” ไอ้ศิวะตีไฟเลี้ยวก่อนจะเหยียบเบรกจนล้อรถจอดสนิท “กูส่งถึงแค่ตรงนี้นะ มึงเดินกลับเองได้ใช่มั้ย?” “ทำไมจะไม่ได้ นี่มันทางกลับบ้านกู” ผมว่าพร้อมกับอุ้มลูกหมาแล้วผลักประตูออกไป “เดี๋ยวก่อน!” ไอ้ศิวะคว้าแขนผมไว้ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก “อะไรอีกล่ะ” ผมชักสีหน้าหงุดหงิด ยื้อกูทั้งวันเลยนะไอ้สัส ทำอย่างกับเด็กติดแม่ไปได้ “ฝันดีนะ” ไอ้ศิวะว่าพร้อมกับไล่มือลงมาจับที่มือผมก่อนจะยกมันขึ้นมากดจูบแผ่วเบา ที่ หลังมือ ผมเห็นดังนั้นก็สติหลุดลอย อึ้งอ้าปากค้างจนงับไม่ลง นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นมันทำตัวอ่อนโยนแบบนี้ บ้าจริง! ผมกำลังใจเต้นแรงให้กับคนอย่างมันอีกแล้ว ผมพยายามรวบรวมสติก่อนจะชักมือกลับแล้วรีบยกก้นออกมาจากรถของมันทันที ผมรีบเดินจ้ำอ้าวมาตามถนนโดยไม่หันกลับไปมองมันอีก กลัวมันจะรู้ว่าผมกำลังแอบหวั่นไหวให้คนอย่างมันอยู่ “เอ้าลูกพี่ ไปไหนมาพวกผมเป็นห่วงแทบแย่” ทันทีที่ผมก้าวขาเข้าบ้าน ลูกน้องที่จับกลุ่มกันอยู่ก็พากันกรูเข้ามาถามไถ่หน้าตาตื่น “แล้วทำไมลูกพี่ตัวเปียกอย่างงี้ล่ะ” “แล้วนี่หมาใครวะลูกพี่” พวกมันยิงคำถามเข้ามารัว ๆ จนผมเลือกตอบไม่ถูก “แล้วทำไมลูกพี่…” “พออออ!!!” ผมรีบยกมือห้ามก่อนที่พวกมันยิงคำถามอะไรมากมายไปกว่านี้ “คือกูกลับไปเอากระเป๋าตังค์ ขากลับกูเดินไปเห็นลูกหมาตกน้ำ กูก็เลยลงไปช่วยมันขึ้นมา ไม่รู้จะเอามันไว้ไหนเลยเอามันกลับมานี่แหละ” “อ๋ออออ~” พวกมันลากเสียงยาวพร้อมกับพยักหน้า “ลูกพี่จะเลี้ยงไอ้หมาหน้าโง่นี่หรอ” ไอ้เข้มชี้มือไปที่ลูกหมาตัวสีน้ำตาลในอ้อมกอดผม “นั่นดิ ผมจำได้ว่าลูกพี่รำคาญเสียงหมาร้องยิ่งกว่าอะไรดี” ผมลืมไปเสียสนิทว่าพวกนี้มันเคยเอาหมามาเลี้ยงแต่ผมก็ไล่ตะเพิดหนีเพราะหนวกหูเสียงร้องหงิง ๆ ที่น่ารำคาญของมัน “ก็…หมาตัวนี้มันร้องที่ไหนล่ะ พวกมึงดูสิ” ผมชูไอ้ลูกหมาตัวเล็กที่กำลังทำตาปริบ ๆ ให้พวกมันดู “หงิง ๆ ๆ บ๊อก ๆ ๆ” ทันทีที่ผมเอ่ยชม ไอ้หมาหน้าโง่นี่ก็เห่าออกมาอย่างรู้จังหวะ ไอ้เวรเอ้ย กูเพิ่งโฆษณาไปหยก ๆ เล่นกูซะแล้ว พวกมันยิ้มกรุ้มกริ่มกันยกใหญ่พยายามกลั้นขำสุดชีวิต และไม่มีใครกล้าหัวเราะออกมา คงกลัวว่าผมจะถีบยอดหน้าให้ “แล้วได้ชื่อมันยังอะลูกพี่” ไอ้บอมถามพร้อมช้อนลูกหมาในมือผมเข้าไปอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู ผมนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “ไอ้สัส” “ด่าผมทำไมอะลูกพี่” ไอ้บอมทำหน้างุนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่ออยู่ ๆ ก็โดนผมด่าเข้าให้ “กูไม่ได้ด่า ไอ้ลูกหมาเนี่ย ชื่อไอ้สัส” “ห้ะ!! ไอ้สัส!!!” พวกมันต่างตะโกนออกมาด้วยความงุนงงหนักกว่าเดิม “ทำไมต้องชื่อนี้อะลูกพี่ ผมว่ามันทะแม่ง ๆ นะ” ไอ้เข้มเกาหัวด้วยความสงสัย “ไม่ต้องถามมาก ฝากหาอะไรให้มันแดกด้วย กูไปนอนละ” ผมปัดป่ายก่อนก็รีบเดินแยกออกมา ท่ามกลางสายตามึนงงของพวกบรรดาลูกน้อง หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็รีบเข้านอนทันที แต่ไม่รู้ทำไม นอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ ในหัวมันคิดถึงแต่เรื่องช่วงเย็น ‘มึงใจเต้นแรงกับกูบ้างมั้ยวะ’ ผมเลื่อนมือขึ้นมาสัมผัสที่หน้าอกแผ่วเบา เสียงตึกตักดังขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่นึกถึงภาพริมฝีปากบางของมันที่ประกบเข้ามา เพียงแค่นึกถึงใจผมก็เต้นระส่ำราวกับจะกระโดดออกมา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ผมปล่อยให้มันเข้ามามีผลต่อการเต้นของหัวใจผม จะกระโดดออกมา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ผมปล่อยให้มันเข้ามามีผลต่อการเต้นของหัวใจผม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD