ฮีโร่

1767 Words
“เฮ้ย พวกมึง ตื่น ๆ” ผมใช้ปลายเท้าเขี่ยไอ้เข้มที่มันนอนขดกอดขวดเหล้าอยู่บนเตียงน้ำลายก็ไหลยืดออกมาเป็นทางยาว เห็นแล้วก็อุบาทว์ลูกตาสิ้นดี “อื้ออ~ ขอนอนแป๊บนึงนะลูกพี่ เพิ่งได้นอนตอนตีห้าเอง” มันต่อรองขณะที่ยังไม่ลืมตาตื่น “พวกมึงนี่มันจริง ๆ เลยนะ กูบอกว่าอย่าดื่มเยอะ วันนี้ต้องมาทาสีบ้านต่อ” ผมต่อว่าพวกมันอย่างเอือมระอา “ยังทาไม่ได้หรอกลูกพี่ เรายังไม่ได้ซื้ออุปกรณ์ทาสีเพิ่มเลย” ไอ้บอมเอ่ยขึ้นขณะที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว นี่พวกมึงถึงกับหอบหมอนหอบผ้าห่มลงมากินเหล้าเลยหรอวะ พวกมึงนี่มัน ขี้เหล้าเข้าสันดานจริง ๆ “มีอะไรที่ยังไม่ซื้อ” “เยอะแยะเลยลูกพี่ หลัก ๆ ก็สีนี่แหละ ผมจดไว้อยู่บนโต๊ะน่ะ” ผมเห็นสภาพพวกมันแล้วอยากจะสาดน้ำให้สร่างเมา แต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าด้วยความละเหี่ยใจ “ลูกพี่ จะไปไหนน่ะ” ไอ้บอมชะโงกหน้าขึ้นมาพร้อมกับตะโกนถามไล่หลังขณะที่มันมองเห็นผมถือกุญแจรถออกจากบ้าน “ไปซื้อของสิวะ รึมึงจะไป” “แฮะ ๆ ผมก็อยากไปหรอกนะลูกพี่ แต่ไม่ไหวจริง ๆ ขับรถดีน้าาา~” มันว่าก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอีกครั้งพร้อมกับหลับตาพริ้ม ให้มันได้อย่างงี้สิวะ สรุปใครเป็นลูกพี่ใครเป็นลูกน้องวะเนี่ย! ผมเดินออกมาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคร่ำครึพร้อมกับบิดแฮนรถจนควันโขมงไปทั่วบริเวณบึ่งตรงมาที่ตลาด ระหว่างทางก็แวะทักทายชาวบ้านไปเรื่อย ถือซะว่าเป็นวันพบปะชาวบ้านละกัน นาน ๆ ทีจะได้ออกมาเปิดหูเปิดตา “เอ้าอัถ ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่” เสียงลุงโกเอ่ยถามหลังจากที่ผมก้าวขาลงจากรถ “มาซื้อของไปทาสีบ้านน่ะลุง” ผมว่าพร้อมกับยื่นกระดาษที่ไอ้บอมจดส่งให้ลุงโก “แล้วไอ้เข้มไอ้บอมมันไปไหนล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้ลูกพี่มันมาคนเดียวได้” “เมาหัวราน้ำยังไม่ฟื้นเลย” “ไม่น่าล่ะ ไม่งั้นป่านนี้มันคงมาป่วนขอกินเหล้าฟรีแล้ว” ลุงโกว่าไม่จริงจังนัก “พี่อัถถถถ” เสียงใส ๆ ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กมัดผมแกละตะโกนเรียกผมเสียงแหลมแปร๊ดก่อนจะวิ่งเข้ามากอดขา “ไงตัวเล็ก ไม่เจอกันนานอ้วนขึ้นปะเนี่ย” “ชูวว!! เขาไม่เรียกอ้วนนะพี่อัถ เขาเรียกจ้ำม่ำ” ผมส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูก่อนจะย่อตัวลงไปบีบแก้มคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยวก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นแผลถลอกที่แขนเป็นทางยาว “แก้วตา ไปโดนอะไรมาเนี่ย ทำไมแขนเป็นอย่างงี้” ผมรีบพลิกดูแขนผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าด้วยท่าทางตกใจ “เมื่อวานแก้วตาไปเล่นซ่อนแอบกับเพื่อนที่หน้าวัดค่ะ แก้วตากะว่าจะไปหลบที่พุ่มไม้ริมคลอง แต่พื้นมันลื่น แก้วตาเลยกลิ้งตกน้ำเลยค่ะ” คนตัวเล็กพยายามอธิบายเป็นฉาก ๆ “กลิ้งตกน้ำเลยหรอ?” ผมตาเบิกโพลงเมื่อนึกภาพตาม ถ้าตกน้ำก็น่าใจหาย เพราะคลองหน้าวัดลึกจนหยั่งไม่ถึง “ใช่ค่ะ โชคดีที่พี่สุดหล่อเขามาช่วยไว้ได้ทัน เขาเป็นฮีโร่ของหนูเลยนะคะ ไม่งั้นหนูตายไปแล้ว” “หึหึ ขวัญเอ้ยขวัญมานะ ต่อไปนี้ก็อย่าซน อย่าไปเล่นใกล้แหล่งน้ำอีกเข้าใจมั้ยคะ มันอันตราย” ผมลูบหัวปลอบใจคนตรงหน้า เด็กตัวแค่นี้ต้องมาจมน้ำคงเสียขวัญไม่น้อย “เข้าใจค่ะ” เด็กผู้หญิงพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งให้ผม “นั่นไง พี่ฮีโร่ของหนู” แก้วตาทำตาโตก่อนจะผละออกจากผมแล้ววิ่งไปหาคนด้านหลัง “ไงครับตัวเล็ก แผลเป็นไงบ้างให้พี่ดูซิ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูเอ่ยทักทายแก้วตาทำเอาผมหูผึ่ง นี่ผมระแวงมันถึงกับขนาดหลอนเป็นเสียงมันแล้วหรอวะเนี่ย “เอ้าคุณศิวะ มาเยี่ยมแก้วตาหรอครับ” ลุงโกเดินถืออุปกรณ์ทาสีมาให้ผมพร้อมกับกล่าวทักทายคนด้านหลัง ทั้งเสียงทั้งชื่อมาเต็มขนาดนี้ ผมคงไม่ได้หลอนไปเองแล้วล่ะ ผมค่อย ๆ หันหน้าไปประจันกับผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายสุด ๆ “ว้าวว!! วันนี้เป็นวันดีแฮะ สงสัยคงก้าวขาซ้ายออกจากบ้าน” มันว่าพร้อมกับส่งยิ้มยียวนส้นตีนมาให้ผม “เหอะ ถ้างั้นกูก็คงซวยก้าวขาขวาออกจากบ้านสินะ” ผมว่าไม่สบอารมณ์ “พี่อัถ ๆ นี่ไงคะ พี่ฮีโร่ของหนู” แก้วตาว่าพร้อมกับเดินไปกอดขาไอ้ศิวะอย่างสนิทสนม “ไหนเมื่อก่อนบอกว่าพี่อัถคือฮีโร่คนเดียวของหนูไงคะ ทำไมตอนนี้ถึงยกตำแหน่งให้คนอื่นได้” ผมว่าอย่างน้อยใจ “โอ๋ ๆ พี่อัถอย่าน้อยใจนะคะ พี่อัถก็เป็นฮีโร่ของหนู พี่ศิวะก็เป็นฮีโร่ของหนู อย่าแย่งกันค่ะ” แก้วตาว่าพร้อมเดินมาจับมือผมกับมือไอ้ศิวะไว้คนละข้าง มันเองก็ส่งสายตายียวนมาจนผมอยากจะพุ่งหมัดใส่หน้ามันซักที “อัถ อุปกรณ์ไม่ครบนะ ตัวไหนที่มีลุงขีดออกให้แล้ว อะนี่” ลุงโกว่าพร้อมกับยื่นของในถุงมาให้ “แล้วที่เหลือผมจะซื้อได้จากไหนอะลุง” ผมเอ่ยถามพร้อมกับควักเงินจ่าย “อยู่ท้ายตลาดโน่นแหนะ แต่ต้องเดินเรียบตลาดไปนะ เขาไม่ให้ขับรถเข้า” “โอเคเลย ผมว่าจะเดินดูของซักหน่อย งั้นฝากของไว้ก่อนนะลุง” “ได้ ๆ” ผมเดินแยกออกมาจากร้านลุงโกเดินเรียบตลาดมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ร้านขายของตกแต่งบ้าน อันนี้มันคืออะไรวะเนี่ย หน้าตาแปลก ๆ แต่ก็สวยดี ผมเอื้อมมือไปจับวงกลมขนาดฝ่ามือที่ถูกตกแต่งด้วยขนนกอย่างสวยงาม “เขาเรียกว่าตาข่ายดักฝันร้าย” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อใครซักคนกระซิบบอกผมที่ข้างหู “มึงตามกูมาทำไม” ผมมองไอ้ศิวะตาขวาง “ใครบอกกูตามมึง กูก็มาซื้อของเหมือนกัน” มันแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามึงจงใจตามมากวนประสาทกู ยังจะมาแก้ตัวอีก “ชอบหรอ เห็นยืนดูตั้งนาน” มันพยักพเยิดหน้าไปที่ตาข่ายวงกลมในมือผม “ไหนบอกไม่ได้ตามกูมา แล้วรู้ได้ไงว่ากูยืนดูไอ้นี่อยู่นานสองนาน” มันไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงแค่ไหวไหล่ด้วยท่าทางไม่ยี่หระพร้อมกับคว้าตาข่ายวงกลมในมือผมขึ้นไปดู “เขาว่ากันว่าเอาไปห้อยที่หน้าประตูแล้วจะดักฝันร้ายได้” “จะหลอกอะไรกูอีกล่ะ” มึงนี่นะ เห็นกูโง่หน่อยก็ขยันหลอกกูจัง “กูพูดจริง ๆ” มันว่าด้วยท่าทางจริงจัง “เหอะ เชื่อก็โง่” ผมไม่ใส่ใจที่มันพูด รีบเดินต่อเรื่อย ๆ แต่ไอ้ศิวะมันก็ยังดื้อด้านเดินตามผมต้อย ๆ นี่มึงไม่มีการมีงานทำรึไงวะ “ไอ้อัถ กินเปล่า” มันยื่นลูกชิ้นก้อนกลมมาตรงหน้า “ไม่แดก!” ผมว่าพร้อมกับปัดมือมันออกแต่มันก็ไม่ยอมละความพยายามง่าย ๆ ยังคงยื่นลูกชิ้นจ่อปากผมพร้อมกับส่งสายตาบังคับขู่เข็ญ “ถ้ามึงไม่กินกูจะจ่อปากมึงไว้อย่างงี้ล่ะ” มันว่าด้วยสีหน้าจริงจังจนผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหงุดหงิด “งั้นเอามานี่ กูถือเอง” “ไม่!! กูจะป้อน” มันส่งสายตาดุส่งมาให้ผม ไอ้นี่มันประสาทเปล่าวะ ตามมาวอแวอยู่ได้ “เร็วดิ” ผมพูดเร่งพร้อมกับจ่อลูกชิ้นมาชิดปากผมกว่าเดิม เออ!! แดกก็แดกวะ ผมตัดรำคาญหันซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นใครอยู่แถวนี้จึงยอมงับลูกชิ้นที่จ่ออยู่ด้านหน้า “หึหึ เก่งมากเด็กดี เอาอีกลูกเปล่า ระดับมึงอมได้สองลูกสบาย ๆ เลยนะกูว่า” “ไอ้สัส!” ผมมองค้อนถีบขามันไปทีหนึ่งก่อนจะรีบเดินหาซื้อของต่อเรื่อย ๆ “ไอ้อัถดูนี่” “อะไรของมึงอีก” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับหันไปมองมันที่เดินมาตามหลังมาติด ๆ “แบร่!!” “ไอ้เหี้ย!!” ผมสะดุ้งเฮือก เมื่อหันกลับมาเห็นผีพุ่งเข้าใส่หน้าอย่างจัง “ฮ่า ๆ กลัวผีหรอวะ” ไอ้ศิวะถอดหน้ากากผีออกพร้อมกับหัวเราะลั่น “ไอ้ห่า!! หัวใจจะวาย” “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น อันธพาลคุมเมืองกลัวผีว่ะ” “กลัวเหี้ยไร กูแค่ตกใจเว้ย!” ไอ้ห่านี้ก็ล้ออยู่ได้ เดี๋ยวกูโบกกระบาลแยก “มึงดูนี่กูเป็นฮีโร่ว่ะ” มันว่าพร้อมกับหยิบหน้ากากอุลตร้าแมนขึ้นมาสวมใส่ “ไอ้ปัญญาอ่อน ฮีร่งฮีโร่บ้าบออะไร ฮีโร่ตัวจริงคือกูนี่!” ผมว่าพร้อมกับหยิบหน้ากากซูเปอร์แมนมาสวมที่หน้าเช่นกัน “ฮ่า ๆ ไอ้สัส มึงปัญญาอ่อนกว่ากูอีก” “หึหึ มึงแหละไอ้ห่าพากูเล่นเหี้ยไรเนี่ย” ผมส่ายหัวให้กับท่าทีปัญญาอ่อนของมัน คนอย่างงี้หรอวะที่ใครต่างก็เกรงกลัว ปัญญาอ่อนฉิบหาย “ยิ้มอะไร” มันเอ่ยถามขณะที่วางหน้ากากลงที่เดิม “เปล๊า” ผมปฏิเสธเสียงสูงอย่างมีพิรุธ “น่ารักดีนะ” “ห้ะ?” “เวลามึงยิ้มอะ น่ารักดี ไม่ค่อยเห็นมึงยิ้มแต่กูชอบนะ” มันว่าก่อนจะเดินนำไปด้านหน้า ทิ้งผมให้ยืนค้างกับประโยคเมื่อสักครู่ อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนใจสั่นไปชั่วขณะ ไอ้เหี้ย!! เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย มึงเป็นบ้าป่ะมาชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารัก ใครเขาชมกันอย่างงี้วะ ผมกับไอ้ศิวะเดินเลือกซื้อของกันอยู่พักใหญ่ ๆ เมื่อได้ของมาครบจึงแยกย้ายกันกลับ ได้ยินมันบอกว่าจะไปทำธุระต่อ วันนี้แค่แวะมาถามดูอาการของแก้วตาเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD