“ซ้ายอีก ๆ”
“ขวา ๆ ๆ เออนั่นแหละ”
“กูว่ายังไม่ได้ว่ะ มึงลองเอาขึ้นอีกซิ”
เสียงตะโกนสวนกันอย่างชุลมุนเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของผม
ตอนนี้พวกเรากำลังทำการตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน มีการทาสีใหม่ทั้งหลัง และตอนนี้กำลังจะขึ้นป้ายที่หน้าบ้านใหม่
“ได้รึยังลูกพี่”
ไอ้เข้มตะโกนถามผม มือก็สั่นริก ๆ หลังจากที่มันชูป้ายยื้ออยู่นานสองนาน
“ได้แล้ว ตอกตะปูได้เลย”
“ไอ้บอมมาตอกเร็ว ตะคริวจะแดกแขนกูอยู่แล้วเนี่ย”
“เออ ๆ จะตอกเดียวนี้ล่ะ มึงนี่นะบ่นได้ทั้งวัน”
ไอ้บอมว่าก่อนจะเดินไปถือค้อนไปตอกแผ่นไม้ลงสองสามที ตะปูก็จมลงจนมิดด้าม
“เสร็จซักที!”
ไอ้เข้มพ่นลมออกหนัก ๆ ก่อนจะเดินสะบัดแขนเข้ามาจ้องดูป้ายข้างผม
“ดอ-อิ-นอ-ดิน ดอ-แอ-นอ-แดน…”
“ดินแดนอันธพาล”
ผมหันไปตอบมันพร้อมกับส่ายหัวด้วยความละเหี่ยใจ
“มึงนี่มันโง่แล้วยังเสือกขยันอ่านอีกนะไอ้เวร”
ไอ้บอมเดินเข้ามาส่งน้ำให้ผมดื่ม
“เอ้า!! ก็กูไม่ได้เรียนหนังสือ”
“มีใครในที่นี้ได้เรียนหนังสือบ้างวะ ไม่มีซักคน เขาอ่านได้เพราะฝึกจากหนังสือในโรงเรียนทั้งนั้น มึงแหละขี้เกียจ ถึงได้โง่เข้าเส้นเลือดแบบนี้ไง”
จริงอย่างที่ไอ้บอมว่า พวกเราไม่ได้เรียนหนังสือ โชคดีที่มาอาศัยโรงเรียนเก่าอยู่ จึงพอมีหนังสือเก่า ๆ ให้ได้ฝึกอ่านฝึกเขียนบ้าง
“ลูกพี่ดูดิ ไอ้บอมมันกล่าวหาว่าผมโง่อีกแล้ว”
ไอ้เข้มงอแงเป็นเด็ก เมื่อเถียงสู้ไอ้บอมไม่ได้มันก็หันมาฟ้องผมแทน
“ก็ถูกของมัน มึงไม่อ่านเอง”
มันมุ่ยหน้าลงทันที จนน่าถีบให้หงายหลัง
“ก็ผมเป็นคนเข้าใจยากนี่ลูกพี่ แค่ดูหนังสือมันจะไปช่วยจำอะไรได้”
มันว่าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“เออ ๆ ไว้มีเงินเมื่อไหร่จะจ้างครูมาสอนพิเศษให้”
“จริงนะ! เอาครูสาวแจ่ม ๆ เลยนะลูกพี่”
มันฉีกยิ้มกว้างตาลุกวาวเป็นประกาย
“หยุดเลย ในสมองมึงนี่มีแต่เรื่องอนาจารรึไง”
ไอ้บอมต่อว่าไม่จริงจังนัก
“อะไร อิจฉากูอะดี้”
“กูจะอิจฉามึงทำไม มึงนั่นแหละต้องอิจฉากู กูเป็นคนอ่านหนังสือออก”
“พอ ๆ ๆ หยุดทั้งคู่น่ะแหละ”
ผมรีบปรามก่อนที่ไอ้สองตัวนี้จะวางมวยกันซะเอง
“พวกมึงไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้วไป เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”
“ขอทาเก้าอี้ตรงนี้ก่อนนะลูกพี่ เสร็จแล้วเดี๋ยวพวกผมเก็บอุปกรณ์เข้า บ้านเอง”
ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบรับไอ้บอม ก่อนจะมองสำรวจดูความเรียบร้อยรอบ ๆ บ้าน พอทาสีเสร็จมันก็ดูใหม่ขึ้นเป็นกองเลยแฮะ แต่กว่าจะเสร็จ พวกผมก็ช่วยกันทาอยู่หลายวัน ทั้งทาทั้งซ่อมแซมทั้งตกแต่ง พอทำเสร็จมันก็ออกมาดูดีอยู่นะ
ผมเดินขึ้นมาบนบ้าน ปล่อยให้พวกลูกน้องเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ตั้งแต่เช้าจรดเย็นผมเพิ่งมีเวลาได้พักหายใจหายคอ พอได้อาบน้ำเย็น ๆ แบบนี้ก็สดชื่นขึ้นเป็นกอง หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เช็ดผมลวก ๆ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวผืนบางพันรอบเอวไว้แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เชี่ยย!!”
ผมอุทานเสียงดังลั่น เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเจอไอ้ศิวะกำลังนั่งจ้องมองผมที่ปลายเตียง
“มึงมาทำไม!?”
คนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่กลับใช้สายตาโลมเลียซิกแพคผมอย่างหน้าไม่อาย จนผมต้องรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
“หึหึ กลัวอะไรขนาดนั้นวะ” มันว่าล้อ ๆ
“คนอย่างมึงมันไว้ใจได้ซะที่ไหน แล้วมาหากูถึงที่นี่มีไร”
ผมเอ่ยถามพร้อมกับเช็ดผมที่เปียกชุ่ม
“กูเอาของมาให้”
“ของ…?”
ผมขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นโบ กูไปสั่งของอะไรจากมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“ของอะไรวะ”
“นี่ไง”
มันว่าพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากถุงสีน้ำตาลแล้วยื่นมาให้ผม
ที่แท้มันคือตาข่ายดักฝันร้ายที่ผมไปยืนมองดูอยู่ตลาดตั้งนานสองนานนั่นเอง
“มึง…ซื้อให้กูหรอ”
“อืม ชอบมั้ย เดี๋ยวกูแขวนไว้ให้”
มันว่าพร้อมกับเดินไปแขวนตาข่ายวงกลมที่หน้าประตูห้องผม
จะมาไม้ไหนของมันวะ อยู่ ๆ ก็ปีนเข้ามาบ้านผมเพียงแค่จะเอาตาข่ายดักฝันร้ายมาให้ มันว่างรึมันกวนตีน
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงลงทุนปีนเข้ามาบ้านกูเนี่ยเพียงแค่จะเอาไอ้ตาข่ายอะไรนี่มาให้”
“ใช่”
“ถ้าเสร็จเรียบร้อยงั้นมึงก็กลับไปได้ละ”
ผมเดินไปดันไหล่ให้มันปีนออกหน้าต่างไป
“เดี๋ยวดิ นี่ดูอุตส่าห์กลับไปซื้อให้ แถมยังเสี่ยงตีนลูกน้องมึงเข้ามาที่นี่อีก ขอบจงขอบใจซักคำก็ไม่มี”
“ขอบใจเหี้ยไร กูขอร้องให้มึงซื้อหรอไอ้สัส”
“เห้อออ! กูนี่มันทำบุญกับคนไม่ขึ้นจริง ๆ เลย”
มันว่าอย่างยียวน
“อย่ามากวนประสาท วันนี้กูเหนื่อยมาทั้งวันละ ไม่อยากมาเถียงกับมึง”
“แล้วถ้ากูไม่กลับล่ะ”
มันว่าอย่างลอยหน้าลอยตา
“ถ้ามึงไม่กลับ…”
ผมเว้นวรรคยาวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนออกมา
“กูยิง”
ทันทีที่พูดจบผมก็จ่อปลายกระบอกปืนไปหาคนตรงหน้า จนมันเริ่มหน้า ถอดสี
“ไอ้อัถ ไม่เล่นแบบนี้ไอ้ห่าเดี๋ยวปืนลั่น”
“กูไม่เล่น กูเอาจริง”
แกร๊ก!!
“เออ ๆ กูกลับก็ได้วะ”
มันว่าอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินคอตกไปที่หน้าต่าง
ไอ้ศิวะชะโงกหน้าลงไปด้านล่างก่อนหันกลับมาแล้วเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
“กูคงกลับไม่ได้แล้วว่ะ”
“ทำไม?”
มันพยักพเยิดหน้าไปที่เบื้องล่าง ผมจึงยอมเดินไปดูตามที่มันบอก
“เอ้าชนนน!!”
แกร๊ง!!
เชี่ยเอ้ย!! ปกติพวกไอ้บอมมันกินเหล้าที่หน้าบ้านไม่ใช่หรอวะ ทำไมวันนี้พวกมันย้ายมากินหลังบ้าน
“มึงถอยออกไปก่อน”
ผมเอามือดันแผ่นอกไอ้ศิวะให้ถอยหลังก่อนจะเดินไปชะโงกหน้าที่หน้าต่างแทน
“เฮ้ย!! พวกมึง ทำไมมาแดกเหล้าตรงนี้วะ”
ผมตะโกนถามไอ้พวกขี้เหล้าด้านล่าง
“กินหน้าบ้านไม่ได้เลยลูกพี่ เหม็นกลิ่นสี พวกผมขอกินตรงนี้นะลูกพี่ สัญญาจะไม่เสียงดัง”
ไอ้เข้มตะโกนกลับมาทำเอาผมหัวเสียขั้นสุด อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาด นี้วะ
“หึหึ มึงโทษกูไม่ได้นะ”
ไอ้ศิวะกระซิบเสียงแผ่วเบาจากทางด้านหลังผม
ช่วยไม่ได้แฮะ ถ้าลูกน้องจับได้ว่ามันลักลอบเข้ามา ผมนี่แหละจะโดนสงสัย
“เออ ๆ กูให้ไม่ไปเกินห้าทุ่มนะเว้ย”
“รับทราบครับ”
ไอ้เข้มตอบกลับมาด้วยท่าทางขึงขัง
ตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่า ๆ แล้ว อดทนรอหน่อยแล้วกันแค่ไม่ถึงชั่วโมง
คิดได้ดังนั้นผมก็ปิดหน้าต่างลงให้สนิทพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวลงที่เตียง
“เวลาเกือบชั่วโมง เราจะทำอะไรกันดีวะ”
มันว่าอย่างอารมณ์ดี
“ทำเหี้ยไร กูจะนอนมึงก็นั่งรอตรงนี้แหละ ห้าทุ่มเมื่อไหร่ก็ออกไป”
ผมว่าก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว
“นอนได้เลย นอนให้หลับ แต่ถ้ามึงหลับกูไม่รับประกันความปลอดภัยด้านหลังมึงนะเว้ย”
ผมเด้งตัวขึ้นทันทีเมื่อมันพูดจบ
“นี่มึงกล้าขู่กูหรอ”
“ถ้าคิดว่ากูขู่ มึงก็นอนเลย”
มันว่าพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียผมอย่างหื่นกระหาย
“กูไม่นอนก็ได้วะ”
ผมว่าพร้อมกับขยับตัวมานั่งข้างมันที่ปลายเตียงอย่างเซ็ง ๆ
ผมนั่งอยู่ข้างไอ้ศิวะเงียบ ๆ เราทั้งคู่ต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา มีแค่เพียงเสียงตึกตักของหัวใจมันที่เต้นแรงจนผมได้ยิน
“ไอ้อัถ”
อยู่ ๆ ไอ้ศิวะก็โพล่งออกมาทำลายความเงียบ
“มึงคิดว่าถ้าเราไม่แย่งเขตแดนกัน เราจะเป็นเพื่อนกันได้เปล่าวะ”
“ทำไม มึงอยากเป็นเพื่อนกับกูหรอ”
“เปล่า”
“แล้วมึงจะถามทำซากอะไร”
“กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อน แต่กูอยากเป็นมากกว่านั้น”
มันว่าพร้อมกับหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็นเพื่อนชุบแป้งทอดมั้ยล่ะไอ้สัส”
“มึงแม่ง!!” มันสบถอย่างเซ็ง ๆ
“หึหึ มึงมองดูโลกความเป็นจริงด้วยไอ้ห่า ตอนนี้คือกูกับมึงไม่ถูกกัน ไม่ต้องสะเหล่อมาทำตัวสนิทสนม กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเข้าหากูนี่มีจุดประสงค์อะไร แต่ถ้ามันคือแผนของมึงกูขอเตือนให้มึงถอยไปซะ”
มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลัง แต่ยังเอามือยั้งตัวไว้อยู่
“บางทีกูก็คิดนะเว้ย ว่าทำไมการมีเพื่อนซักคนมันยากจังวะ รอบตัวกูเต็มไปด้วยบริวารมากมาย แต่กูกลับรู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรโดดเดี่ยว เวลาเจอปัญหาอะไรก็ต้องคิดคนเดียว แก้คนเดียว มันโคตรเหงาเลยว่ะ”
สายตามันลอยเคว้งไปด้านหน้า พร้อมกับใบหน้าที่ดูหม่นลง
“สังคมแบบมึงน่าจะหาเพื่อนได้ไม่ยากนะ คนเก่ง ๆ รวย ๆ แบบมึงน่าจะมีแต่คนอยากเข้าหาไม่ใช่หรอวะ”
“หึ มึงไม่รู้อะไร สังคมจอมปลอมนี่แม่งโคตรน่าขยะแขยง ต่อหน้ายิ้มให้ หันหลังเมื่อไหร่โดนยิง เชื่อใจใครไม่ได้หรอก”
“แล้วทำไมมึงไม่ออกมาล่ะ เลิกเป็นมาเฟีย ออกมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา”
“งั้นมึงก็เลิกเป็นอันธพาลแล้วออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติดิ”
“ได้ยังไงล่ะ มึงก็เห็นว่าทุกวันนี้คนมันกระหายอำนาจกันแค่ไหน ถ้ากูเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีใครเกรงกลัว พวกแม่งก็มาบุกรุกพระนครได้ง่าย ๆ น่ะสิ”
“นี่แหละ คำตอบของกู”
ผมไม่เข้าใจที่มันพูด นี่มันกำลังหมายความว่าที่เอาตัวเองมายืนอยู่จุดนี้ เพราะมีอุดมการณ์เดียวกันกับผมงั้นหรอ นี่มันพูดจริงหรือเป็นแค่แผนลวงให้ผมตายใจกันแน่
“ตัวตนจริง ๆ ของมึงเป็นคนยังไงกันแน่วะ”
ผมหันไปจ้องหน้ามันนิ่งด้วยแววตาสับสน
“ตัวตนกู มันมีแค่สองคนที่ได้เห็น คนแรกก็คือตัวกูเอง และคนที่สอง ก็คือ…มึง”
มันหันมาสบตาผมนิ่งด้วยใบหน้าจริงจัง ประโยคเมื่อกี้ผมจะเชื่อมันได้แค่ไหน มันเป็นศัตรูผมนะ ไอ้บอมเคยบอกว่ามันเจ้าเล่ห์ นี่จะเป็นแผนของมันเปล่าวะ ที่เข้ามาหลอกล่อให้ผมไว้ใจแล้วตลบหลังผมอีกที
เราทั้งคู่สบตากันนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่ไอ้ศิวะจะเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ ผมลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นี่มันจะทำอะไร?
ไอ้ศิวะโน้มใบหน้าเข้ามาชิดจนปลายจมูกเราชนกัน ลมหายใจ ร้อน ๆ ของมันรดใส่ใบหน้าผมจนร้อนวูบวาบ ก่อนที่ริมฝีปากมันจะขยับเข้ามาชิดผมก็เหมือนได้สติขึ้นมา
ผลัก!!
“กะ กูไม่ได้ยินเสียงพวกไอ้บอมแล้ว สงสัยมันแยกย้ายกันละมั้ง”
ผมพูดตะกุกตะกักก่อนจะพุ่งพรวดออกไปชะเง้อดูที่หน้าต่าง เบื้องล่างไม่มีใครอยู่ซักคนพวกมันคงกลับเข้าที่นอนกันหมดแล้ว
“พวกมันไม่อยู่แล้ว มึงกลับไปได้แล้วไป”
ผมรีบไล่ให้มันออกไปให้พ้นห้อง ก่อนที่ผมจะเผลอตัวไปกับมันอีก
ไอ้ศิวะทำหน้าเบื่อหน่ายขั้นสุดก่อนจะยอมเคลื่อนตัวมาที่หน้าต่างอย่างอืดอาด มันค่อย ๆ ก้าวขาออกไปนอกหน้าต่างแต่ก็หยุดชะงักเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“กูลืมไปสนิทเลยว่ะ มึงขยับมานี่ดิกูมีอะไรจะบอก”
“มึงก็พูดมาดิ ยืนอยู่ตรงนี้กูก็ได้ยิน”
“ไม่ได้! เร็ว ๆ กูจะไปละเนี่ย”
มันกวักมือเรียก จนผมต้องกลอกตามองบนแต่ก็ยอมขยับตัวเข้าไปชิดตัวมัน
“ว่าไง”
“ฝันดีนะ”
จุ๊บ!
“………..”
ตึกตัก
ตึกตัก
ตึกตัก
>/////<
ไอ้บ้าเอ้ย นี่มึงหลอกจูบกูหรอ ไม่ทันที่ผมจะได้โบกกระบาล มันก็รีบปีนลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว กูฝากไว้ก่อนเถอะไอ้สัส กูจะตามเช็กบิลทั้งต้นทั้งดอก!!