หกปีผ่านไป…
“นี่ฮะมามี้ ขอบคุณนะครับ”
เสียงหยอกล้อจอแจจากเด็กน้อยวัยห้าขวบในชุดนักเรียนถูกระเบียบอย่าง ‘กวินท์’ หรือ ‘กล้าข้าว’ เรียกความสนใจมารดา
“มามี้ส่งมาให้ฮะ เดี๋ยวกล้าข้าวถือเอง”
เขาว่าพลางยื่นมือป้อมน่ารักให้จนญาดาหัวเราะในลำคอก่อนขยี้ผมสีดำสนิทเบา ๆ เชิงเอ็นดู
กล้าข้าวเด็กคนนี้สดใสราวพระอาทิตย์ เขาเป็นยอดดวงใจของเธอ
“กล้าข้าวไหวเหรอ ในนี้มีหนังสือเรียนอยู่ หนักน้า”
หญิงสาวย่อกายพลางพูดกับลูกชายด้วยแววตาเอ็นดู
“ไหวสิฮะ เป็นผู้ชายลุงมินสอนว่าต้องแข็งแรง อย่าอ่อนแอนะฮะ!” เด็กน้อยเชิดหน้ายกแขนทั้งสองข้างคล้ายเบ่งกล้าม
“ไม่อย่างนั้นโตไป ใครจะปกป้องดูแลมามี้กับน้านาล่ะฮะ” คำพูดของเขาทำเอาเธอยิ้มไม่หุบ ญาดาจึงส่งกระเป๋าให้เด็กหนุ่มราวเลี่ยงไม่ได้
“เก่งที่สุดในโลกเลย สุดหล่อของมามี้” คนเป็นแม่เอ่ยชมเสียงอ่อนหวาน นิ้วโป้งทั้งสองข้างเคลื่อนไหวสลับกันไปมาจนร่างเล็กยิ้มร่า
“ไหนเติมพลังก่อนทำงานสิ!”
“ได้เลยฮะ มามี้คิส ๆ” ทั้งสองโผกอดกันเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนจรดริมฝีปากสัมผัสแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของญาดา
ฟอด! ฟอด!
เธอเองก็ทำแบบเดียวกับกล้าข้าวเช่นกัน ตั้งแต่ลูกคนนี้เกิดมาเขาเปรียบดั่งออกซิเจนของผู้เป็นแม่ คอยเพิ่มพลังงานแห่งรักที่ญาดามั่นใจว่าในโลกนี้คงไม่มีใครเหมือนกับลูกในอก แค่มีเด็กน้อยผู้หญิงขี้แพ้อย่างเธอก็พร้อมเดินสู้ต่อ
กว่าหกปีที่ล้มลุกคลุกคลานลำบากด้วยกันมาในช่วงปีแรกที่หย่าขาดกับคนใจร้าย ยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวแบบเธอ ทว่าหลังบิดาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ญาดาหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีแทนท่านจงได้สักวัน เธอจำเป็นต้องเข้มแข็งเพื่อลูกเพื่อน้องสาว ญาดาบอกตนเองเช่นนั้น
เธอส่งเสียอันนาไปพร้อมกับเลี้ยงดูลูกชายเกือบ ๆ สามปี ยังดีหน่อยที่น้องสาวเป็นคนหัวดี หล่อนจึงสามารถสอบชิงทุนเข้าเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ไม่ยากเย็น
ปี๊น! ปี๊น!
“กล้าข้าว ลุงมินมารับแล้ว”
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของอันนาปลุกญาดาสะดุ้งจากภวังค์ความคิด
“วันนี้ไปโรงเรียนกับลุงมินกับน้านานะฮะ”
อันนาจูงมือหลานชายคนเดียวแกว่งไกวราวออดอ้อน กล้าข้าวเรียนโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้าน ญาดาส่งลูกชายเรียนหลักสูตรสองภาษา เพราะไม่อยากให้เขาน้อยหน้าใคร
“พี่ฝากนาดูแลกล้าข้าวด้วยนะ แซนด์วิชมามี้ใส่ไว้ในกระเป๋าพร้อมกระติกน้ำแล้ว กล้าข้าวรู้ใช่ไหมฮะ”
ญาดาหันไปบอกลูกชายอีกรอบ เพราะวันนี้เจ๊หยกรับงานให้ตนเองในช่วงเช้า
“รับทราบฮะมามี้!” เด็กน้อยขานรับขันแข็ง
“รู้ใช่ไหมว่าต้องเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน”
“แน่นอนฮะ!”
กล้าข้าวฉีกยิ้มกว้าง เขาจูงมืออันนาแล้วมุ่งออกจากบ้านไปพร้อมกัน ทั้งสองมักติดรถคามินที่ชอบแวะเวียนมาเล่นกับหลานอยู่บ่อย ๆ ไฮโซหนุ่มชื่อดังในสังคมบัดนี้มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างสายเลือดของเธอ
ญาดาคืนดีกับปรานีตั้งแต่ผู้เป็นพ่อจากไปได้เกือบปี เธอไม่ถือสาหาความมารดาที่เคยทิ้งตนเองไป ส่วนท่านปรารถนาอยากชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายโดยการวนเวียนมาอยู่ใกล้ ๆ จนกระทั่งญาดาใจอ่อน
หญิงสาวรู้ซึ้งว่าชีวิตคนเราไม่ยั่งยืนนัก เธอไม่อยากลาจากกับท่านทั้งที่ใจยังยึดถือทิฐิ อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้ให้กำเนิด
คนตัวเล็กระบายยิ้มกว้างสำรวจตัวเองในกระจกอยู่ชั่วครู่ เธอจัดแต่งร่างกายพร้อมหยิบกระเป๋าและหมุนตรวจตราความเรียบร้อย เพื่อดูว่าพริตตีสุดฮอตอย่างญาดาพร้อมแล้วสำหรับงานวันนี้
งานโชว์รถสุดหรูจัดขึ้นบนห้างหรูใจกลางกรุงเทพฯ ร่างสูงของนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อจ้ำอ้าวเข้างานพร้อมความมั่นอกมั่นใจ ชายหนุ่มก้มดูนาฬิกาข้อมือเรือนแพงระยับ คิ้วเข้มขมวดฉับพลัน เพราะได้เวลาแล้วแต่ผู้นัดหมายยังไม่มาเสียที
“ไอ้เชน!” เสียงทักดัง ๆ พร้อมมือหนัก ๆ ตบลงบนบ่ากว้างจนอนวัฒน์เบี่ยงสายตาจ้องมอง
“ตรงเวลาเหมือนเดิมนะมึง” รัฐภาคหรี่ตาหยอกล้อตามประสาหนุ่มสังคมอารมณ์ดี
“เดี๋ยวกูมีธุระต่อ มึงก็เหมือนเดิม…” อนวัฒน์ระบายลมหายใจร้อนผ่าว
“ไร้สาระเหมือนเดิม” ปกติเขาไม่ชอบวุ่นวายกับงานแบบนี้เท่าไร
“กูแค่อยากพามึงมาเปิดหูเปิดตา เห็นไปอยู่นอกมาหลายปี”
“ใช่เรื่องไหม”
“กลับไทยทั้งทีต้องดูของสวย ๆ งาม ๆ สิวะ” อนวัฒน์และรัฐภาครู้จักกันตั้งแต่ชายหนุ่มย้ายไปอยู่แอลเอใหม่ ๆ สังคมคนไทยในต่างแดนไม่กว้างมากนัก ทั้งสองเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเดียวกันจึงสนิทสนมโดยปริยาย
“มึงกลับมาปีละไม่กี่ครั้ง มาทีก็ขลุกอยู่แต่กับงานไม่เบื่อบ้างเหรอวะ”
“คำถามจำเจใช้ได้”
“แล้วนี่จะกลับมาอยู่ถาวรเลยใช่ไหม”
“คงงั้น พ่อย้ายกูมาคุมฝั่งเอเชียส่วนกูก็มีธุรกิจที่นี่ อยู่ไปก็ไม่ได้แย่อะไร”
“ดีแล้ว ยังไงที่นี่ก็บ้านเกิดมึง” รัฐภาคพยักหน้าหงึกหงักหลังจากฟังคำตอบ
เป็นที่ล่วงรู้ในหมู่เพื่อนสนิทว่าอนวัฒน์ไม่ปรารถนากลับไทย สมัยเรียนจบโทใหม่ ๆ ชายหนุ่มเข้าไปทำงานกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ทว่าจากนั้นไม่นานบิดาแท้ ๆ ของเขาอย่าง ‘คุณริชาร์ด’ ก็ดึงอนวัฒน์เข้าไปช่วยบริหารกิจการอย่างเดอะวูดโฮเต็ล โรงแรมห้าดาวที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก
“อย่าเสือกเรื่องกู มึงนั่นแหละไม่กี่เดือนจะหมั้นอยู่แล้ว พากูมาเจอใคร ?”
“เจ้าของหัวใจ”
“หยุดเสี่ยว กูมั่นใจว่าคุณเขมไม่ได้ทำงานที่นี่”
อนวัฒน์ส่ายหน้าแล้วถามถึงว่าที่เจ้าสาวเพื่อนรัก เขามองรอบข้างมีเพียงสาวสวยซึ่งต่างแต่งกายน้อยชิ้น ใจนึงคิดว่าน่าพิสมัยอยู่หรอก แต่ถ้าจะให้เอามาเป็นแม่ของลูกเห็นทีต้องขอบาย
ก็แค่ผู้หญิงง่าย ๆ ที่โชว์ร่างกายแลกเงิน
อาชีพแบบนี้ เขาเกลียดที่สุด เกลียดจนวันตาย!
“กูไม่ได้หมายถึงเขม”
“นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงนอกใจคุณเขมไปหาผู้หญิงพวกนี้”
“ไอ้เชน…”
“กูขอเตือนไว้เลยนะ ผู้หญิงแบบนี้สวยแต่รูป ได้ไปก็เท่านั้น”
“นี่มึงยังไม่เลิกมองโลกในแง่ร้ายอีกเหรอวะ คนนี้ที่กูอยากแนะนำให้มึงรู้จักคือเธอทั้งสวย นิสัยดีแถมยังน่ารัก มึงช่วยกูนะ เชียร์ให้แม่กูใจอ่อนที”
รัฐภาคพร่ำเพ้อพรรณนาถึงนางในฝันไม่หยุดหย่อน เขามักได้ยินมันพูดถึงอยู่บ่อยครั้งในช่วงครึ่งปีให้หลัง คราแรกอนวัฒน์นึกว่าเพื่อนหมายถึงเขมมิกาเจ้าสาวที่บ้านของรัฐภาคจับคู่ไว้ให้ ใครจะไปคิดว่าเพื่อนเสน่หาผู้หญิงหากิน ถ้าเขารู้จะเป็นคนแรกที่ออกตัวห้าม
เพราะประสบการณ์ในอดีตเคยสอนว่า…ใช้หัวใจมากกว่าสมองเมื่อไรนั่นเท่ากับบรรลัยทันที
“มึงนี่นะ”
อนวัฒน์ถอนหายใจเบื่อหน่าย เพราะตนสนิทกับมารดาของรัฐภาคเช่นนี้เพื่อนจึงอยากให้ช่วยหว่านล้อมกระมั่ง
“นะไอ้เชน กูชอบคนนี้จริง ๆ”
“แต่เขมคือผู้หญิงที่เหมาะกับมึงที่สุด”
“กูกับเขมไม่เหมือนมึงกับคุณอิง”
รัฐภาคเบี่ยงปลายเท้าพาอนวัฒน์เดินไปเรื่อย ๆ ราวกับพูดไปดูรถไป เรียวปากหยักพาดพิงถึงอิงอรหญิงเดียวซึ่งใกล้ชิดกับคนข้างกายมากกว่าใครตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“กูกับอิง ?”
“มึงกับคุณอิงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มึงมีเวลาเตรียมใจแต่กูไม่”
“เพราะกูใช้นี่ มากกว่าตรงนี้ไงกูถึงเลือกอิง”
อนวัฒน์ส่ายหน้าระอาในความคิดเด็ก ๆ นิ้วชี้จิ้มบริเวณขมับข้างขวาแล้วเลื่อนลงมาตำแหน่งอกข้างซ้าย
“โคตรเหี้ย ไร้หัวใจมากเพื่อนกู”
“ตอนนี้กูรู้แล้ว อิงคือคนที่เหมาะสมที่สุด” ใบหน้าหล่อเหลาพูดถึงว่าที่เจ้าสาวในอนาคต แต่ไม่มีแววตาแห่งความรักสักนิด
“กูละภาวนาให้มึงตกหลุมรักใครเข้าสักวันแล้วใช้หัวใจมากกว่าสมองอย่างที่มึงว่ากู!” รัฐภาคกัดฟันกรอด
“อยากเห็นสภาพคุณเชนจริง ๆ ว่าจะเก่งจริงเหมือนปากว่าไหม” เขาหัวเราะร่วนยามจินตนาการถึงช่วงเวลาที่เจ้าชายน้ำแข็งคลั่งรัก แต่ใบหน้าเคร่งขรึมปานนั้นมีผู้หญิงที่ไหนกล้าทำความรู้จักนอกจากหล่อนหมายปองไอ้หน้าหล่อนี่จริง
“ไม่มีวัน” อนวัฒน์ปฏิเสธทันควัน
“นี่มึงไม่คิดรักใครอีก ?”
“หัวใจของกู ไม่ได้มีไว้เพื่อรักใครนานแล้ว”
น้ำเสียงเย็นราบเรียบปราศจากความรู้สึก อนวัฒน์แข็งกร้าวสมฉายานักธุรกิจเลือดเย็น
“แล้วนี่ไหนผู้หญิงที่มึงว่า”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วยียวนถามรัฐภาค
“หวังว่าหล่อนรักมึงที่เป็นมึง ไม่ใช่อย่างอื่นนะ”
“นั่นปากเหรอวะ เดี๋ยวคงออกมาแล้วแหละ วันนี้กูได้ข่าวว่าคุณดะ…”
ติ๊ด! ติ๊ด!
“ขอตัวแป๊บ มือขวากูโทร. มา”
ก่อนที่รัฐภาคจะแนะนำชื่อเสียงเรียงนามเจ้าของหัวใจให้นักธุรกิจหน้าเลือดรู้จัก เสียงโทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋ากางเกงขัดจังหวะพอดิบพอดี อนวัฒน์ดูหน้าจอก่อนกดรับสายเชิงรีบร้อน เท้ายาวจ้ำอ้าวเดินออกไปสวนทางกับสปอตไลต์หน้าเวทีซึ่งสาดส่องมายังใครบางคน
เสียงปรบมือเกรียวกราวดังสนั่นในจังหวะที่ร่างงามก้าวยืนมั่นคงอยู่ตรงกลางเวที หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายราวกับสายน้ำเพื่อเปิดตัวรถคันหรูที่มีมูลค่ากว่าสามสิบล้าน
ญาดายิ้มหวานหยดสู้หมู่มวลนักข่าวรวมถึงสายตาหนุ่ม ๆ ซึ่งต่างจับจ้องเธอเป็นตาเดียว
ฟู่!
ควันขาว ๆ พ่นพร้อมริบบิ้นสีเงินข้างเวทีซึ่งเป็นสัญญาณว่าการแสดงทุกอย่างจบสิ้นลง ญาดาเดินรอบรถคันหรูอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนได้ถ่ายรูปดั่งใจหมาย
แชะ! แชะ!
พรอาภาบอกว่าวันนี้เธอไม่ต้องเชิญชวนอะไรมากนัก แค่โปรยยิ้มหวาน ๆ กับเสน่ห์เหลือล้นก็เกินพอแล้ว หลายปีกว่า ญาดาจะก้าวขึ้นมาเป็นพริตตีแถวหน้าซึ่งมูลค่าสูงลิ่วกว่าใคร ร่างบางไม่ต้องยืนพรีเซนต์สินค้าให้หน่ายเหมือนก่อน เธอแค่โชว์เปิดตัวก็ได้รับเม็ดเงินก้อนงามกลับไปทันที
ไม่ถึงหนึ่งนาทีพรีเซนเตอร์ของงานนั่นคือดาราระดับซูเปอร์สตาร์ขึ้นมาทดแทน ญาดาพาตนเองกลับมายังเวทีข้างล่างเพราะงานทุกอย่างเสร็จสิ้นลง
“คุณดา…”
“คุณภาค”
แรงดึงแผ่วเบาราวปุยนุ่มเรียกให้เธอได้รู้ตัว นัยน์ตาเบิกกว้างคล้ายมีคำถามว่าทำไมชายหนุ่มรูปงามถึงมาอยู่ตรงนี้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พอดีผมอยากจะขอเวลาคุณดาสักครู่ได้ไหมครับ” รัฐภาคบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ถ้าวันนี้คุณดาว่าง ผมอยากจะชวนไปดินเนอร์”
“คือดา…”
“นะครับ ผมมีใครคนหนึ่งอยากแนะนำให้คุณดารู้จัก”
ดวงตาคมกริบขอร้องอ้อนวอนอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร หากญาดากลับนิ่งชั่วครู่สมองเริ่มประมวลใช้ความคิด
เธอรู้จักรัฐภาคมาเกือบปีก็พอมองออกว่าเขากำลังตามจีบ แต่ส่วนลึกญาดาไม่รู้สึกอะไรกับชายตรงหน้า หญิงสาวค่อนข้างขยาดในความรักโดยเฉพาะกับเหล่าลูกผู้ดีมีอันจะกิน
“นะครับคุณดา ผมบอกมันไปแล้วว่าจะแนะนำคุณดาให้รู้จัก”
“ดาไม่แน่ใจ”
“นะครับ” มือหนาจับเรียวแขนเล็กไม่ยอมปล่อย ท่าทีรัฐภาคเหมือนประกาศชัดในตัว ถ้าญาดาไม่ตอบตกลงเขาไม่มีวันไปไหน
“ก็ได้ค่ะ งั้นเย็นนี้เราดินเนอร์กัน”
ทั้งที่กดดันแต่ก็รับปากตกลง ญาดาคิดว่าควรพูดกับเขาเป็นจริงเป็นจังเสียที ถ้าไม่ปฏิเสธตรง ๆ รัฐภาคยิ่งมีความหวังว่าเธอ มีใจ
“เย่ ผมจะรอนะครับคุณดา”
ชายหนุ่มระบายยิ้มกว้างมีความสุขเกินบรรยาย ครั้งแรกที่เจอผู้หญิงคนนี้ราวกับโลกหยุดหมุน ใบหน้าหวาน ๆ กุมหัวใจเขาไปภายในชั่วพริบตา
รัฐภาคตกหลุมรักญาดาหมดหัวใจ แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสุดท้ายตนเองต้องเผชิญกับความผิดหวัง…
เพราะผู้หญิงมีอดีตอย่างเธอในชีวิตรักได้เพียงตนเองและลูกเท่านั้น…
จนกระทั่งบัดนี้ญาดายังไม่พร้อมเปิดใจให้ใคร