อากาศที่หนาวเหน็บในตอนเช้าของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ทำให้ร่างที่ต้องการความอบอุ่นซุกตัวเข้าหาอกแกร่งของมาวินโดยไม่รู้ตัว ความอ่อนเพลียจากการเดินทางทำให้เธอไม่อยากจะตื่นขึ้นหากไม่ได้ยินเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ด้านนอก
ร่างที่ถูกโอบแนบชิดในอ้อมกอดขยับอย่างอึดอัด เมื่อลืมตาก็พบว่าใบหน้าของเธอแนบชิดกับอกอุ่นของเขา จนต้องร้องออกมา
“คุณ!” หญิงสาวยกมือขึ้นผลักแต่เหมือนมันจะเป็นเหน็บชาเพราะอากาศที่เย็นบวกกับนอนทับมันมาทั้งคืน
“อื้อ...ตื่นแล้วเหรอ” คนที่นอนหลับสนิทมากกว่าคืนไหน ๆ ร้องขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตา ยกยิ้มมุมปากแย้มเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนแมวอ้วนแสนงอน
“คุณมากอดฉันได้ไง” เธอแหววขึ้นแต่ไม่ดังมากเพราะเต็นท์ไม่ได้เก็บเสียงทั้งยังอยู่ติดกันไม่ได้ห่างมากนัก
“คุณคิดดี ๆ” เขาให้เธอคิดดี ๆ เพราะตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียงของเขา
“คิดอะไรก็เห็นอยู่” ขนาดเธอต่อว่าแบบนี้เขายังไม่เอามือออกจากตัวเธอเลย จะให้คิดอะไรอีก
“เมื่อคืนคุณนอนเตียงไหน”
“ก็ด้านในไง” เธอว่าเสียงขุ่นเขียวบอกให้รู้ว่าพร้อมเอาเรื่องแน่
“นี่เตียงไหน” เขาแสร้งตีมึนถามพร้อมกับซ่อนรอยยิ้มอย่างร้ายกาจไว้มิดชิด ไม่ให้เธอจับได้แน่นอนว่าเขานี่แหละเป็นคนอุ้มเธอมานอนด้วย เสียดายที่เตียงแคบไปนิดทำให้ต้องปวดเนื้อปวดตัว แต่ทว่าก็มีความสุขดีไม่น้อย
“ก็ด้าน...” เมื่อหันกลับไปมองเตียงด้านในที่ตอนนี้ว่างเปล่าเธอก็ต้องหน้าแดง
‘ฉันปีนข้ามมาเตียงเขาเหรอ?’ เธอคิดอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะนอนละเมอได้ขนาดนั้นเลย
“คิดออกหรือยังถ้ายังนอนต่อกันอีกหน่อยก็ได้ค่อย ๆ คิด” เขาวาดแขนมารวบตัวเธอไว้อีกครั้งพร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งเธอ
“ไม่จริง คุณต้องเล่นตุกติก”
“ไม่มี๊!!!” ยายเมียเก่านี่ฉลาดชะมัด แต่ทว่าเขายืนกระต่ายขาเดียวไม่รู้ไม่ชี้ดูสิจะมีพยานที่ไหน
“คนฉวยโอกาสปล่อยได้แล้ว” เธอฟาดมือลงกับแขนของเขา ทั้งผลักให้ออกจากอ้อมกอดของเขา
คนบ้า!
เธอคิดในใจแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน อากาศในตอนเช้าเย็นมากก็จริง แต่ว่าใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผะผ่าวเมื่อคิดได้ว่านอนซุกเขาทั้งคืน ทั้งเขาก็ยังหน้าระรื่นอารมณ์ดีด้วยเสียอีก
เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วเธอไปรวมพลร่วมกับทีมแพทย์อื่น ๆ แล้วแบ่งหน้าที่กัน
ขณะประชุมอยู่นั้นมีเสียงที่โวยวายมาจากด้านนอกเหมือนมีเหตุการณ์ไม่ปกติ
“มีเรื่องอะไร” เธอกระซิบถามชวกรที่เดินมาพร้อมกับคนที่วิ่งหน้าตาตื่นแล้วพูดเป็นภาษาตุรกีจนเธอก็จับใจความไม่ได้
“หัวหน้าครับ เกิดอาฟเตอร์ช็อกเช้ามืด ตึกที่มีรอยร้าวอยู่แล้วจากแผ่นดินไหวรุนแรงถล่มเพิ่มอีกหลายตึก มีคนติดอยู่ใต้ซากเพราะกลับเข้าไปเอาของภายในไม่เชื่อคำเตือนของเจ้าหน้าที่”
“แย่ล่ะ แล้วมีทีมแพทย์ชุดไหนออกไปที่เกิดเหตุ”
“น่าจะเป็นทีมพวกเราเพราะทีมอื่นค่อนข้างอ่อนล้า” ชวกรบอกข่าวร้ายที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก และมีความเสี่ยงกว่าในศูนย์นี้มาก
“เตรียมตัวกระเป๋าทุกคนต้องเอาอุปกรณ์จำเป็นไปให้พร้อมเช็กด้วย” สั่งเสร็จเขาก็จัดการนำเครื่องมือขึ้นรถ
มาวินเวลาทำงานเขาจะเป็นหัวหน้าทีมที่ดี และวางแผนความปลอดภัยรวมทั้งการทำงานในที่ยากลำบากได้ดี ชวกรเชื่อฝีมือมาวินมา
เมริษาจึงโดนดึงเข้าไปร่วมทีมร่วมกับกู้ภัยในที่เกิดเหตุด้วย เพราะเขาไม่ไว้ใจให้อยู่ที่ศูนย์การแพทย์โดยลำพัง
ที่นี่มีเหตุการณ์ไม่ค่อยสงบ รวมทั้งพวกติดอาวุธปล้นสะดมอีกต่างหาก
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ สภาพตึกเรียกได้ว่าพังลงมากองแบบไม่เหลือซากใด ๆ ทีมแพทย์แบ่งแยกคนเจ็บ ที่ต้องการรักษาด่วนส่งเข้าไปที่ศูนย์พยาบาลใกล้เคียง
“ระวังด้วยนะ” ขณะที่เมริษากำลังทำแผลให้กับคนบาดเจ็บในเบื้องต้น เธอก็ได้ยินเสียงเขาตะโกนบอกมา ภายใต้ใบหน้าที่ถูกปิดด้วยมาสก์หลายชั้นเพื่อป้องกันเชื้อโรค มีเพียงความห่วงใยผ่านดวงตาที่เขาสามารถส่งให้เธอได้
หญิงสาวหันไปมองแล้วพยักหน้า เธอไม่อยากสบตาเขานักไม่รู้ทำไมผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่เลิกหวั่นไหวกับแววตาคู่นั้นของเขาเสียที
“หัวหน้าครับมีคนโดนเหล็กเสียบทะลุไปด้านหลังที่กำลังติดใต้ซากอยู่ครับ รบกวนช่วยประเมินร่วมกับทีมกู้ภัยนานาชาติด้วยครับ” ชวกรวิ่งมาบอกหัวหน้าทีมอย่างมาวิน ส่วนคณิณเขาได้ให้เฝ้าชายผู้นั้นไว้
“เข้าใจแล้ว” เขาละจากร่างของเมริษาหันไปสนใจงานตรงหน้ามากกว่า
ร่างของเขาเดินลับไปแล้ว แต่สายตาเมริษายังมองไปด้านนั้น เธอชอบมองเวลาเขาทำงานดูจริงจัง และให้ความรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดจนยากจะละสายตา จนต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาดึงแขนให้ไปช่วยคนบาดเจ็บอีกคน
“มีทีมกู้ภัยท้องถิ่นหรือเปล่า” เขากระซิบถาม
“ไม่มีครับ ทีมกู้ภัยท้องถิ่นติดภารกิจพื้นที่อื่น”
“ดีถ้าอย่างนั้นก็ทำงานสบาย”
ขณะนั่งรถมามีเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานก่อนได้เตือนเรื่องการทำงาน อย่าขัดขากับทีมท้องถิ่นไม่เช่นนั้นจะทำงานลำบาก ปล่อยให้เขาเป็นฮีโร่ไปส่วนเราสนับสนุนก็พอ
การทำงานของหมอต้องสนใจเพียงคนไข้อย่างเดียว เรื่องนี้เขาเข้าใจดี แต่ถ้าหากมีคนขัดขวางกันทำงานเพื่อต้องการได้หน้า ก็ยากสักหน่อย
“ประชุมร่วมกับทีมกู้ภัยเลย” เขาเรียกคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามา
การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยเหลือโดยคนไข้นั้นปลอดภัยออกมา เพราะเหล็กที่เสียบอยู่นั้นหากขยับย้ายจะทำให้ไปโดนอวัยวะที่สำคัญ
“เอาเครื่องตัดเหล็กมาตัด แล้วให้รอกรั้งคานด้านบนเอาไว้” เขาอธิบายคร่าว ๆ ถึงวิธีที่คิดว่าคนไข้น่าจะมีทางรอด
“ยากนะครับพี่” ชวกรว่าด้วยเสียงเครียด
“ต้องลอง ให้เขากันคนออกไปให้หมด พื้นที่ตรงนี้อันตราย สั่งทีมแพทย์ของเราป้องกันตัวเองให้ดี เกิดแผ่นดินไหวมักจะมาพร้อมโรคระบาด” ภัยธรรมชาติที่มาพร้อมโรคระบาดเป็นของคู่กัน และทีมแพทย์ต้องป้องกันตัวเองให้ดี