หนึ่งชั่วโมงจากการที่ไม่มีใครพูดอะไรในรถเลย จวบจนถึงที่พักก็แยกจากกันทันที เธอแยกไปเตรียมตัวอาบน้ำเพราะวันนี้หนักหนาเสียจริง
ชวกรกับคณิณเดินออกมารับพร้อมกับอาหารที่เป็นแซนวิชชิ้นโตสองชิ้นกับน้ำโซดากระเป๋าเผื่อจะได้สดชื่น ส่วนความเย็นนั้นไม่ต้องแช่ก็เย็นเพราะอากาศแล้ว
“เป็นไงปลอดภัยไหม” ชวกรถามพร้อมกับมองไปตามอดีตเมียของเพื่อนที่เดินหน้านิ่งไปที่เต็นท์พัก
“ก็ดี ปลอดภัยแล้ว” น้ำเสียงอ่อนล้าตอบชวกร พร้อมกับดึงเอาเครื่องดื่มกระป๋องมาเปิดดื่ม
“นั่นเป็นอะไรอีก” ชวกรยักคิ้วถามเพราะนอกจากจะไม่ทัก แล้วยังไม่มองพวกเขาที่ยืนโบกไม้โบกมือให้อีกต่างหาก
“เป็นเมียเก่า” พูดแล้วรอยยิ้มก็แย้มออกขณะดื่ม
“วิ้ว!!! รีเทิร์น?”
“ไม่รู้”
“กูว่าชัวร์”
“ที่สั่งให้จัดการเรียบร้อยไหม” มาวินหันมาถามเพื่อนที่สั่งก่อนที่จะกลับมา
“ระดับหมอชวกรบาริสต้ามือวางอันดับหนึ่งแห่งโรงพยาบาลSต้องได้สิ”
เขาแย่งเอาถุงอาหารกับเครื่องดื่มกลับที่เต็นท์พร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี
‘หึ! คืนนี้แหละ’ เขาคิดอย่างหมายมาด
เมริษากลับมาถึงที่พักก็ต้องประหลาดใจ เธอเดินเข้าและออกเต็นท์หลายรอบมาก กลัวว่าจะเข้าผิดเต็นท์ แต่ว่าข้าวของเครื่องใช้ของเธอและมาวินก็อยู่นี่นา ไม่ผิดแน่
“มีอะไรเหรอคุณ” คนที่รู้อยู่แล้วแสร้งตีมึนถามหน้าตายไปอย่างนั้น อยากเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอเสียจริง
“ไม่รู้ทำไมเตียงมันเปลี่ยนเป็นเตียงกระดาษแถมยังมีเตียงเดียวขนาดห้าฟุตด้วยค่ะ”
“น่าจะเตียงคนไข้ไม่พอนะ เขาจึงเอาเตียงเจ้าหน้าที่ออกไปซัพพอร์ต เพราะว่ามันเคลื่อนย้ายง่าย พับเก็บสะดวก”
“แล้วจะนอนยังไง” เมริษาอยากจะร้องไห้
ให้ตายสิ เมื่อคืนก็นอนกอดเขาทั้งคืน คืนนี้คงไม่...
“ทำใจ ศูนย์ฉุกเฉินก็อย่างนี้นี่แหละ” เขาไหวไหล่เล็ก ๆ ก่อนส่งอาหารกับเครื่องดื่มให้เธอ ใบหน้าที่อิดโรยจากความเหน็ดเหนื่อยจางไป เหลือเพียงความสุขที่ได้แกล้งเธอ
เมริษากัดแซนวิชพร้อมกับมองหน้าเขาไปด้วย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาดูไม่แปลกใจ หรือว่าเขาคือต้นเหตุ
แต่สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้จะมาเลือกมากไม่ได้หรอก อะไรทนได้ก็ต้องทนไปก่อน ดีกว่านอนร่วมเตียงกับคนอื่น
หลังจากอาบน้ำ เขาก็ยกมือถือขึ้นแล้วถ่ายรูปเธอเก็บไว้
“เปลี่ยนเบอร์เหรอ” เขาพูดขณะที่เอาแขนหนุนหัวเลื่อนดูข่าวต่าง ๆ
“ใช่” เธอตอบน้ำเสียงติดห้วน
“ผมไม่เคยเปลี่ยนนะ”
อีกแล้วเหรอ เขาต้องการจะสื่อว่าอะไร เบอร์หรือหัวใจกันแน่ ทำไมคำพูดเขาแต่ละคำมันทำให้เธอใจสั่นอย่างนี้ล่ะ
“แอดไลน์หน่อยสิ” เขาได้แต่ติดตามเธอผ่านไอจี ซึ่งการอัปเดตของเธอน้อยมาก
“แอดทำไมเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”
“ก็ตอนนี้ต้องเจอกัน มีอะไรจะได้ติดต่อง่าย” หญิงสาวที่นั่งหันหลังให้ กดคิวอาร์โค้ดส่งแล้วยื่นโทรศัพท์ของเธอไปให้เขา
แต่เขาไม่เพียงกดเข้าไปแอดไลน์ แต่ยังเอามือถือของเธอโทรเข้าเบอร์ของเขาอีกด้วย แล้วก็กดเมมเบอร์ของตัวเองไว้ในเครื่องอดีตภรรยาแบบไม่ให้เธอรู้ตัว
“จะสางผมอีกนานไหม ผมง่วง” ส่งโทรศัพท์คืนให้เธอแล้วก็เร่งเร้าให้เข้ามานอนสักที มัวแต่ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“ก็นอนไปสิตัวไม่ได้ติดกันสักหน่อย” เธอก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันอะไรนักหนากับเธอเนี่ย
เขานอนขวางทางเธออยู่ไง เหมือนกันเธอไม่ให้ออกไปตอนกลางคืนโดยที่เขาไม่รู้
“ถ้ามีเสียงอะไรแปลกอย่าเรียกแล้วกัน”
แน่นอนว่าเธอกลัวผี ต่อให้เป็นหมอก็ยังไม่เลิกกลัว จากที่เลิกกลัวความสูงไปแล้วเหลือสิ่งเดียวที่เธอยังกลัวอยู่
“สะ...สะ...เสียงอะไร อย่ามาหลอกนะ” ร่างบางรีบเก็บข้าวของแล้วกระโดดขึ้นเตียงฉับพลัน
“เมื่อคืนผมได้ยินเสียงคนเดินรอบ ๆ แต่ถามแล้วไม่มีใครตื่นเลย ยามที่เดินตรวจเข้าเวรกลางคืนก็ไม่เห็นอะไร หรือ...ว่าจะเป็น”
“เป็นอะไร” เธอซุกเข้ามาในผ้าห่มถามอยากหวาดกลัวแม้ว่าจะเก็บอาการแล้วก็ตาม
“ไม่พูดดีกว่า คืนนี้ผมนอนข้างใน คุณมานอนด้านนอก”
“ไม่...คุณอยากนอนก็นอนไปสิ” เธอว่าแล้วก็ยึดพื้นที่ด้านในเป็นที่นอนแล้วหลับตาปี๋ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกกลางดึก
คนที่ได้แกล้งสมใจก็ส่ายหน้าหัวเราะขันอยู่คนเดียว เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอ แต่คนขี้กลัวก็ขยับแนบแผ่นหลังมาชิดโดยไม่ต้องแอบเข้าไปกอด
“ดีจริง!” เขากระซิบแผ่วเบา แล้วก็นอนใบหน้าแนบแผ่นหลังของเธอ กลิ่นหอมสบู่อ่อน ๆ ที่ติดกายของเธอพาลให้สดชื่นชอบกล
‘อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จัง’
เขาคิดได้ดังนั้นก็แทรกมือเข้าไปรั้งร่างเธอมากอดอีกคืน หวังว่ากว่าจะจบภารกิจคงจะได้สานสัมพันธ์กันมากขึ้นนะ
ดึกสงัดร่างเล็กที่เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความไม่เต็มใจนักดันตื่นขึ้น แล้วใช่เธอปวดฉี่ เธอพยายามลองหลับอีกครั้งแต่ทว่ามันก็ทำไม่ได้ ยิ่งเหลียวมองไปดูคนข้าง ๆ ที่หลับสนิทเธอก็ไม่กล้าปลุก
“ปวดเวลาไหนไม่ปวด ปวดเวลานี้” เธอบ่นตัวเองแล้วก็ต้องลุกขึ้น แต่ทว่าเสียงฝีเท้าเดินย่ำไปมารอบเต็นท์ทำให้เธอเกือบจะกรีดร้องออกมา หากไม่ได้เอามือปิดปากไว้
“ใครกัน?” เธอกระซิบแผ่วเบา แต่ทว่าคนข้าง ๆ ยังนิ่งสนิทหลับลึกเหมือนซ้อมตายไปแล้ว