ใครจะลืมลง
วันนี้รุ้งตะวันต้องทำงาน ทำให้เธอต้องรีบแบกสังขารออกจากห้องสวีตสุดหรูของโรงแรมมาตั้งแต่หกโมงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาหลังจากเสร็จกิจกรรมเข้าจังหวะรอบสุดท้ายไปเพียงแค่ยี่สิบนาที โชคดีที่เขามีอุปกรณ์ป้องกันอยู่แค่นั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีแม้แรงที่จะลุกออกจากเตียง
คนอะไรดุเป็นบ้า!
ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกหลังเปิดประสบการณ์เซ็กซ์กับชายแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด ค่อนไปทางที่ดีมาก ๆ เสียด้วยซ้ำ เขาทำให้เธอรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘เสร็จ’ ที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต มิน่าละ...มนุษย์ถึงชอบมีเซ็กซ์กันนัก มันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง
และเธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นเขาทำได้อย่างที่พูดไว้จริง ๆ
‘ครั้งแรกของคุณ ผมจะทำให้คุณจำได้ไม่ลืมเลย’
รุ้งตะวันคิดว่าตนคงลืมไม่ได้อย่างที่เขาบอก ก็มันทั้งดุเดือด ตื่นเต้น และเร้าใจ
ใครเล่าจะลืมลง!
หากจะลืมได้คงต้องลองมีเซ็กซ์อีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบ แต่ถ้าจะมีอีกครั้งจริง ๆ หญิงสาวขอเป็นชายที่ตนรัก ทว่าคงไม่ง่ายเพราะตอนนี้เธอเข็ดกับการให้ใจใครสักคน และเธอคงไม่มีทางบ้าบิ่นทำอย่างเมื่อคืนแล้วละ
เรื่องเมื่อคืนจะถือเป็นความโกรธที่หน้ามืดตามัวก็ไม่ผิดนัก ถ้าอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ปกติรุ้งตะวันมั่นใจมากว่าตนจะไม่มีทางทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนั้นอย่างแน่นอน
หากผู้ชายคนที่แนะนำตัวว่าชื่อ ‘เจ’ ไม่เข้ามาเสนอข้อแลกเปลี่ยนบ้า ๆ ในจังหวะที่เธอกำลังเดือดและขาดสติในการคิดตริตรอง เธอก็คงไม่ใจกล้าถือขวดวอดก้าที่มือความหนาเกือบหนึ่งเซนติเมตรเข้าไปฟาดหัวแฟนเก่าหรอก
หญิงสาวโยนความผิดไปให้เขา เพราะถ้าไม่มีเขาเป็นผู้สนับสนุน เธอก็คงทำเพียงแค่ลากเตชาวัตออกไปตบหน้าร้านอย่างที่คิดจะทำในตอนแรก
แต่พอเรื่องทุกอย่างมันเลยเถิดไปไกล กลายเป็นว่าเขาต้องเสียเงินจำนวนมากกว่าที่คิด เธอก็เกิดความรู้สึกผิด มีช่องว่างมากมายหากเธอจะเบี้ยวข้อตกลง ทว่าก็เลือกที่จะไม่ทำ เธอให้เหตุผลกับตัวเองว่าไม่อยากรู้สึกติดค้างกับใคร หลังจากนี้ก็แค่กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอีก
“พี่ซัน” สัมผัสที่แตะลงแขนและเสียงของชนกนันท์หรือน้องนิ่มดึงสติของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่เหม่อไปไกลให้กลับมา รุ้งตะวันหันไปมองรุ่นน้องสาวด้วยสีหน้างง ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร “มันเที่ยงแล้ว นิ่มแค่จะชวนไปกินข้าว พี่ซันเป็นอะไรรึเปล่า เห็นนั่งทำหน้าเหม่อทั้งวันเลย”
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร เที่ยงแล้วเหรอ” คนที่อายุมากกว่าเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องที่ทำให้ตนนั่งเหม่อ ด้วยไม่รู้จะพูดให้ตัวเองดูด้อยค่าทำไม และหากจะพูดถึงเรื่องแฟนเก่าอย่างเตชาวัต เธอก็คิดว่าคนฟังคงเบื่อ เพราะเธอบ่นเรื่องคนชั่ว ๆ ให้สาวรุ่นน้องฟังทุกครั้งที่เขาทำตัวไม่ได้ดั่งใจ
“เที่ยงสิบนาทีแล้วด้วย ป่านนี้ร้านแถวหน้าบริษัทคงเต็ม ตอนแรกไม่กล้าเรียกเพราะคิดว่าพี่ทำงานอยู่ แต่พอมาส่องดูถึงรู้ว่านั่งเหม่อ” โต๊ะทำงานของพวกเธอจะมีพาทิชันกั้นเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวนิดหน่อย หากไม่เดินผ่านหรือมายืนดู ก็ไม่รู้ว่าใครทำงานหรือไม่ทำงาน
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะแอบลักไก่ทำอย่างอื่นหรืออู้งานได้ เพราะงานทุกชิ้นล้วนมีเดดไลน์ในตัวของมัน และต้องทำให้เสร็จในเวลาที่หัวหน้ากำหนดเท่านั้น
รุ้งตะวันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่วางแผนกระจายสินค้าที่คลังสินค้าขนาดกลาง ๆ แห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่มากเมื่อเทียบกับภาระและค่าใช้จ่ายประจำวัน หากก็ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้โดยไม่ต้องหยิบยืมใคร แต่เสียอย่างเดียวที่เธอในอายุยี่สิบเก้าปีไม่มีเงินเก็บและไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย
อ้อ! มีรถอีโคคาร์คันหนึ่งที่พ่อกับแม่ดาวน์ให้เป็นของขวัญตอนเรียนจบปริญญาตรี และเพิ่งผ่อนหมดไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
หลังผ่อนรถหมด หญิงสาวก็ตั้งใจเก็บเงินก้อนด้วยหวังอยากมีบ้านสวย ๆ เป็นของตัวเอง อาจจะสร้างบนที่ดินที่เป็นมรดกของตนเองในต่างจังหวัด หรือดาวน์บ้านเดี่ยวสักหลังแถบชานเมืองแล้วช่วยกันผ่อนกับสามีในอนาคต
ทว่าทุกอย่างก็ต้องถูกพับเก็บไปแบบไม่มีกำหนด เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ลงทุกปี ข้าวเปลือกและพืชผลทางการเกษตรราคาต่ำลงเรื่อย ๆ บิดามารดาที่เคยมีกินมีใช้จากอาชีพเกษตรกรก็เริ่มขาดทุน
มิหนำซ้ำยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะเมื่อเจ็ดปีก่อนท่านทั้งสองนำที่ดินทั้งหมดที่มีไปเข้าธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุนกับเครื่องจักร เช่นรถไถนา รถดำนา รถเกี่ยวข้าว ด้วยหวังจะใช้มันทุ่นแรงและรับจ้างเพิ่มช่องทางการหารายได้ ปีแรก ๆ ก็ได้เงินดี มีเงินส่งให้ธนาคารตามกำหนด ทว่าเมื่อเครื่องจักรหมดประกันมันก็เริ่มงอแง ค่าซ่อมไม่คุ้มกับค่าจ้างที่ได้มา จึงใช้มันหาเงินไม่ได้มาสองสามปีแล้ว
ทุกอย่างแย่ลง ยิ่งดันทุรังทุกอย่างก็ยิ่งแย่กว่าเดิม ถึงฤดูเก็บเกี่ยวทีไรก็ได้เงินมาแค่เฉพาะเลี้ยงชีพ ไม่มีเงินส่งให้ธนาคารมานาน ดอกเบี้ยจึงเพิ่มพูน เลยกลายเป็นว่ารุ้งตะวันต้องนำเงินเก็บของตนไปตัดดอกเบี้ยให้พ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นที่ดินและบ้านที่เอาไปจำนองก็จะถูกยึดไป เพราะเหตุผลนี้ทำให้เธอกลายเป็นคนไม่มีเงินเก็บเลยสักแดงเดียว
และทุกวันนี้นอกจากเธอจะต้องหาเงินไปตัดดอกเบี้ยธนาคารทุกปี เธอยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนของที่บ้านด้วย หาเงินคนเดียวแต่ใช้กันถึงสี่คนรวมน้องสาวที่เป็นลูกหลงซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายด้วย แล้วพนักงานเงินเดือนอย่างเธอมันจะไปเหลืออะไร
“กินอะไรดีล่ะ” รุ้งตะวันหันไปถามเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันเมื่อเดินมาถึงร้านอาหารข้างบริษัท
“ปัญหาโลกแตก คิดไม่ออกอะ แล้วแต่พี่ซันเลย นิ่มได้หมด”
“งั้นอาหารตามสั่งไหมล่ะ ง่าย ๆ” คนอายุมากกว่าเสนอ เพราะเธอก็คิดไม่ออกเช่นกัน ทางเลือกที่ดีจึงเป็นร้านอาหารตามสั่ง เข้าไปนั่งมองเมนูที่ติดข้างฝาผนังเดี๋ยวก็คงคิดออกเองว่าอยากกินอะไร
ครั้นชนกนันท์พยักหน้าเห็นด้วย สองสาวที่อายุห่างกันเพียงสี่ปีก็เดินเข้าไปนั่งในร้านทันที นั่งเปิดแฟ้มเมนูอยู่นานพอสมควร แต่สุดท้ายทั้งสองคนก็เลือกได้ว่าจะกินอะไร
รุ่นน้องสาวเลือกเป็นข้าวผัด ส่วนรุ่นพี่เลือกเป็นกระเพราหมูสับ อืม...เมนูสิ้นคิดทั้งนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเลือกนานให้เสียเวลาทำไม
พออาหารยกมาเสิร์ฟสองสาวก็ลงมือรับประทานทันที เพราะเหลืออีกแค่ยี่สิบสิบนาทีก็จะหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว ระหว่างนั้นก็พูดคุยกันไปด้วยตามประสาผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่หาสาระไม่ค่อยได้
“เอ้อ แล้วเรื่องหางานใหม่ของพี่ซันไปถึงไหนแล้วอะ” ชนกนันท์ถามเพื่อนรุ่นพี่ขณะเดินกลับเข้าออฟฟิศ หลังจากกินข้าวอิ่มและแวะซื้อผลไม้ไปนั่งกินระหว่างทำงานเรียบร้อยแล้ว
“ยังไม่ถึงไหนเลย” เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนรัดตัวมากเกินไป เธอจึงมองหางานที่ใหม่ หากก็ยังไม่มีที่ใดให้ค่าตอบแทนมากกว่าที่เดิม “รอผลจากป้าอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
รุ้งตะวันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แล้วหางานทำที่นี่เลย และถือเป็นโชคดี เธอมีป้าที่เป็นพี่สาวของพ่อซึ่งลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวที่นี่คอยให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอด
ป้าเธอเป็นเซลล์ขายรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ด้วยทำงานมานานจึงทำให้ป้าของเธอค่อนข้างมีฐานะและรู้จักคนอย่างกว้างขวาง หรือที่เรียกว่าเป็นคนมีคอนเนกชัน เธอจึงเข้าไปปรึกษาเรื่องเปลี่ยนงานพร้อมขอให้ท่านช่วยหางานใหม่ให้ ซึ่งผู้เป็นป้านั้นก็รับรู้ปัญหาที่บ้านของเธอเป็นอย่างดี ท่านจึงรับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่