บทที่ 5
ขอได้ไหม...
“วันนี้ดื่มอะไรดีครับไอ้คุณชายสายเปย์”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อคารมดีเอ่ยถามกึ่งล้อเลียนทันที เมื่อเพื่อนสนิทอย่างวริศยกตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้สตูลทรงสูงหน้าบาร์ที่ตนกำลังชงเหล้าเสิร์ฟสาว ๆ อยู่
“เอาเหมือนเดิม” หนุ่มสายเปย์ตอบเสียงเรียบเอื่อย ไม่สนคำล้อเลียนของเพื่อนเลยสักนิด สั่งเสร็จก็หมุนเก้าอี้หันหน้าออกไปมองรอบ ๆ ร้านซึ่งมีเหล่านักท่องเที่ยวราตรีวาดลวดลายกันอย่างสนุกสนาน หากก็ไม่แคล้วได้ยินเสียงแซวดังแว่วตามหลังมา
“วันนี้เขาไม่มาหร้อกกก...”
วริศหมุนเก้าอี้กลับไปหาไอ้คนปากมากทันที “วันนี้ก็ไม่ ?”
“อือฮึ” อรรถกรหรืออรรถพยักหน้าพร้อมวางแก้ววิสกี้ออนเดอะร็อกให้ตรงหน้าเพื่อนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ทว่าช่วงสองเดือนมานี้กลับเห็นหน้ามันบ่อยเสียเหลือเกิน อืม...ก็ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นมาอาละวาดแฟนเก่าถึงกลางร้านนั่นแหละ จากนั้นมาเขาก็เห็นหน้าวริศแทบทุกวัน แล้วมีรึที่คนเป็นเพื่อนกันมานานกว่ายี่สิบปีจะดูไม่ออกว่ามันมาทำไม
ใบหน้าคร้ามคมก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือของตน ก่อนจะพึมพำเบา ๆ “เพิ่งจะห้าทุ่มเอง”
อรรถกรมองเพื่อนแล้วกระตุกยิ้ม “เด็ดเหรอวะ”
ถามออกไปแล้วก็เพิ่งนึกได้ หากไม่เด็ดคนอย่างไอ้เจจะมาดักรออย่างนี้หรือ มีผู้หญิงมากมายมาให้ท่ามันถึงที่ แต่มันก็หาได้สนใจไม่ ทุกคืนมันจะมานั่งดื่มที่หน้าบาร์สักพัก พอไม่เจอเป้าหมายมันก็เช็กบิลแล้วกลับบ้านไปทันที
เทียบกับเพื่อนในกลุ่มที่มีกันอยู่สี่คน วริศถือเป็นผู้ชายที่เข้าหาง่าย หากก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเข้าถึง เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่ใครก็ได้ที่ชายหนุ่มจะยอมขึ้นเตียงด้วย ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนที่เขาถูกใจเท่านั้น แต่ส่วนมากก็มักจะเป็นความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน น้อยคนนักที่จะทำให้เขาติดใจจนถึงขั้นขอผูกปิ่นโตไว้กินในระยะยาว
กับคนล่าสุดที่ชื่อ ‘รุ้งตะวัน’ ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายมีแรงดึงดูดให้ต้องเข้าหา เธอมีใบหน้าและเรือนร่างที่เย้ายวนชวนให้จินตนาการอันนี้เขาไม่เถียง ทว่าลึกลงไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าเธอมี ‘ของ’ บางอย่าง ซึ่งเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
ต้องลองพิสูจน์อีกครั้ง...วริศให้เหตุผลกับการที่ต้องสละเวลามานั่งรอว่าอย่างนั้น
“ทำไมมึงไม่ไปหาเขาถึงที่เลยล่ะ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่หยุดชงเหล้าสักพักนั่งมองหน้าเพื่อนด้วยความข้องใจ ไม่เข้าใจว่ามันจะเล่นใหญ่ทำไม ในเมื่อรอเป็นเดือน ๆ แล้วเขาไม่มา ก็แค่ไปหาถึงที่ “หรือว่ามึงไม่รู้ที่อยู่ ?”
ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ เพราะไม่ใช่เรื่องยากหากวริศต้องการหาที่อยู่ของใครสักคน แต่ที่ยังใจเย็นอยู่นั้นเป็นเพราะเขารู้สึกไม่แน่ชัด ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะต้องการอะไรนักหนากับผู้หญิงคนเดียว สู้หาใหม่ไม่ดีกว่าหรือ ที่เห็นเดินผ่านไปผ่านมาตอนนี้ก็มีแต่คนสวย ๆ ทั้งนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้หญิงที่ชื่อรุ้งตะวันก็ได้กระมัง
จะว่าเขาหยิ่งทะนงตัวก็ไม่ผิด ยายนั่นสิต้องเป็นฝ่ายต้องการเขา เพราะมั่นใจมากว่าเธอต้องติดใจและไม่มีทางลืมความเร่าร้อนในคืนนั้นได้แน่ ๆ เพราะเขาปรนเปรอให้เธอได้อย่างถึงพริกถึงขิง ต้องเป็นเธอสิที่อยากได้เขาอีก
ครั้นเพื่อนกระดกเหล้าจนหมดแก้ว อรรถกรจึงเลื่อนแก้วไปให้บาร์เทนเดอร์คนอื่นเติมให้ใหม่ ส่วนเขาตอนนี้ไม่มีอารมณ์ชงแล้ว อยากเสือกมากกว่า
“หึ! อยากได้เขาแล้วยังจะหยิ่งอีก” พ่อหนุ่มเจ้าสำราญส่ายหน้าระอา ไพล่นึกถึงใบหน้าผู้หญิงคนนั้นที่เขาเป็นคนชงเหล้าให้เองกับมือ “คิดแล้วก็เสียดาย สวยฉิบหาย ถ้ามึงไม่เล็งไว้ก่อนคืนนั้นกูก็ว่าจะเอา อยากรู้ว่าปากแจ๋ว ๆ แบบนั้นจะเด็ดสักแค่ไหน”
“งั้น ๆ” วริศตอบแล้วกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง ไม่แสดงท่าทีใด ๆ ทว่าเพื่อนที่คบกันมานานกว่ายี่สิบปีมีหรือจะดูไม่ออก
“กั๊กไอ้สัส! ถ้าไม่เด็ดมึงจะมานั่งชะเง้อคออยู่ตรงนี้เรอะ”
“แค่มานั่งแดกเหล้า กูผิดตรงไหน”
“อย่างกับมึงมีเวลาว่างนักแหละ เมื่อก่อนพวกกูชวนออกก็อ้างแต่ว่าติดงาน ตอนนี้ไม่ติดแล้วรึไง หรือว่าบริษัทใกล้เจ๊งแล้ว ?”
“ปากเสีย” วริศด่าออกปากพร้อมมองเพื่อนตาขวาง ทว่าอีกฝ่ายหาได้เกรงกลัวไม่ มันยักไหล่ไม่แคร์ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันลงคอไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “แล้วไอ้พลไปไหน” ชายหนุ่มถามหาเพื่อนอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของผับแห่งนี้
“กกเมีย” หุ้นส่วนเบอร์สองตอบง่าย ๆ อันที่จริงอรรถกรมีธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่ง แต่ที่มาชงเหล้าอย่างตอนนี้ก็เพราะความชอบล้วน ๆ หากถามว่าชอบเหล้าหรือ ? ก็คงตอบว่าไม่ เขาชอบที่ตนได้บริหารเสน่ห์ใส่สาว ๆ ต่างหาก ขยิบตาให้แค่ครั้งเดียวพวกหล่อนก็ทำเหมือนจะเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาเสียให้ได้ ความรู้สึกนั้นแหละที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มชอบที่สุด
แม้จะอายุใกล้เลขสี่เข้าเต็มที แต่อรรถกรก็ยังไม่คิดจะมีครอบครัว ต่างจากเพื่อนอีกสองคนอย่างนวพลกับไตรวิทย์ที่แต่งงานมีเมียมีลูกกันไปเรียบร้อยแล้ว นาน ๆ ถึงจะโผล่หัวมาให้เห็น ในกลุ่มเหลือเพียงแค่เขากับวริศที่ยังไม่ได้สร้างครอบครัวกับใคร
จะว่าไปก็เกือบเหลือแค่อรรถกรคนเดียวเหมือนกัน เพราะจริง ๆ แล้ววริศแต่งงานเป็นคนแรกของกลุ่ม แถมยังเคยแต่งไปแล้วถึงสามครั้ง แต่สุดท้ายก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้ไปกันไม่รอด ชายหนุ่มจึงกลายเป็นคนโสดมาจนถึงทุกวันนี้
“สรุปผับนี้มันเป็นเจ้าของหรือมึงเป็นเจ้าของ”
“เออไอ้เหี้ย ตอนแรกกูก็แค่หุ้นด้วยขำ ๆ ให้มันบริหารไป เอาไปเอามากลายเป็นว่ากูได้ทำแทนมันทุกอย่าง ตกลงใครต้องเป็นบอสใหญ่วะ” อรรถกรถามอย่างหัวเสีย เพราะนอกจากชงเหล้าแล้วเขายังได้เช็กบัญชีร้าน ตรวจเช็กสต็อกเครื่องดื่มและจิปาถะอีกหลาย ๆ อย่าง
“เทกโอเวอร์แม่งเลย” วริศยั่วยุ ไม่กลัวว่าพวกมันจะทะเลาะกัน เพราะถ้าจะทะเลาะก็คงทะเลาะกันไปนานแล้ว
“เป็นคำแนะนำที่ดี แต่ก็โคตรเหี้ยไอ้ห่า ลูกมันกำลังน่ารัก ปล่อยให้เขาอยู่กับครอบครัวไปเหอะ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มบอกขำ ๆ ถึงจะเทกโอเวอร์เอาจริง ๆ นวพลคงไม่เดือดร้อน เพราะผับนี้มันเปิดเพราะสนองนี้ดตัวเองเท่านั้น
วริศส่ายหน้าขบขัน แล้วสาดเหล้าลงคอจนหมดแก้วอีกครั้ง ก่อนจะถามย้อนกลับไปถามถึงคนที่ทำให้เขามานั่งอยู่ตรงนี้ “ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง มึงไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกเลยเหรอวะ”
“อือฮึ” อรรถกรพยักหน้า เพราะตนได้แจ้งให้พนักงานช่วยดูอีกแรง ทว่ากลับไม่มีใครเห็นเธอเลย “เหมือนวันนั้นจะเป็นครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ หลังจากนั้นเธอก็ไม่มาอีกเลย กูว่าเธอตั้งใจมาทุบหัวผัวโดยเฉพาะ”
“แฟน” วริศเผลอแก้ให้อย่างลืมตัว
“ฮะ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเลิกคิ้วไม่เข้าใจ
คนเผลอที่รู้ตัวแล้วรีบโบกมือไม่ให้เพื่อนใส่ใจคำพูดตน ก่อนจะเอ่ยตัดบท ในเมื่อเธอไม่มา เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ “ค่าเหล้าลงบิลกูไว้เหมือนเดิม กูกลับละ พรุ่งนี้มีงานเช้า”
“เอ้า ไอ้นี่” คนที่กำลังคุยเพลิน ๆ ยกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างงุนงง ไม่เข้าใจในความมาไวไปไวของเพื่อน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ด่าตามหลังมันอยู่ในใจ
...ไอ้ห่านี่! ตั้งแต่อกหักจากรักแรกก็ทำตัวผีเข้าผีออกตลอด