“ก็เรื่องมันเกิดขึ้นเลย แล้วผมก็มีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมได้ทำ คุณล่ะ? กล้าหรือเปล่าที่จะรับผิดชอบหนึ่งชีวิตน้อยๆ ในท้องของคุณโดยการแต่งงาน” ภูชิตเอ่ยท้าทายหญิงสาว นั่นทำให้คนตัวเล็กได้แต่มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูของเธอ เขาไม่ใช่เหรอควรเป็นฝ่ายกลัวเธอไปจับเขา แต่นี่กลับกลายเป็นเธอที่กลัวการผูกมัด กลัวชีวิตแต่งงานจะล้มเหลวเพราะมันไม่ได้เกิดจากความรัก ทุกอย่างมันเร็วไปหมด แต่ถ้าจะให้เธอทำร้ายลูกในท้องที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไร เธอทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“ตกลงค่ะ พิมจะแต่งงานกับหมอ แต่ขอถามหน่อยสิคะหมอ หมอไม่กลัวพิมจะตั้งใจจับหมอเลยเหรอ หมอออกจะเพอร์เฟค พิมไม่มีอะไรสักอย่างที่เหมาะสมกับหมอ แถมพิมยังเป็นหนี้บัตรเครดิตอีก หมอรับได้เหรอ” พิมพิชชาพยายามบอกทุกอย่างที่เป็นเธอ ถ้าเขารับไม่ได้ ก็ไม่ควรมารับผิดชอบเธอ และอย่าเข้ามาสร้างบาดแผลให้เธอ
“เรื่องแค่นี้เอง บัตรเท่าไหร่ ผมจะปิดให้ คุณแค่ทำหน้าที่เป็นเจ้าสาวและเป็นแม่ที่ดีของลูกก็พอ” เหตุผลแค่นี้ไม่ได้ทำให้เขาถอดใจเลยสักนิด พิมพิชชาคิดผิดแล้วแหล่ะที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง
“ค่าบัตรสองแสน หมอจะทำตัวป๋าจ่ายมั้ยล่ะ” พิมพิชชาเอ่ยด้วยความหมั่นไส้ เพราะพูดไปเท่าไหร่ นายแพทย์หนุ่มก็ไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด
“เอาเลขที่บัญชีมา เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย”นายแพทย์หนุ่มทรงป๋าเอ่ยออกมาอย่างเอาจริง
“พอเลยค่ะ พิมไม่อยากได้อะไรของหมอแล้ว แต่งก็แต่งค่ะ” พิมพิชชาเอ่ยออกมาอย่างปลงตก
หลังจากที่ตกลงแต่งงานกับนายแพทย์ภูชิตเรียบร้อยแล้ว วันต่อมาเขาก็พาเธอไปที่บ้านของเขา ซึ่งมันใหญ่โตจนเธอไม่อยากเรียกมันว่าบ้าน แต่ควรจะเรียกมันว่าคฤหาสน์มากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าพิมพิชชารู้สึกหวั่นใจขึ้นมาทันที คนข้างกายที่เธอจะแต่งงานด้วยก็ไม่ใช่คนที่เธอคุ้นเคยเหรือรักใคร่ ส่วนคนที่จะไปพบยิ่งแล้วใหญ่ เพราะท่านคือประธานบริหารโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่กับภรรยาของท่าน ซึ่งท่านทั้งสองคือบิดามารดาของภูชิตนั่นเอง
“หมอ พิมเปลี่ยนใจได้มั้ย” หญิงสาวกระตุกมือของชายหนุ่มไว้ด้วยความหวั่นใจ หนทางข้างหน้าทำไมมันดูน่ากลัวเหลือเกินสำหรับเธอ
“ไม่ได้ จะมาเปลี่ยนใจอะไรตอนนี้ นึกถึงลูกเข้าไว้สิ” ภูชิตเอ็ดหญิงสาวเบาๆ
“ก็ได้” หญิงสาวตอบรับเสียงอ่อย แต่ก็ไม่ยอมออกเดินเสียที ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะ คว้าข้อมือของหญิงสาวแล้วพาเธอเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โตหลังนี้ ความรู้สึกของพิมพิชชาไม่ต่างจากพจมานที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านทรายทองแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเธอจะได้รับการตอนรับแบบไหน เธอก็จะพยายามอดทนและฝ่าฟันไปให้ได้เพื่อลูกที่อยู่ในท้องของเธอ
บรรยากาศห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่หลังนี้กำลังเต็มไปด้วยความเงียบ เงียบเสียจนพิมพิชชาคิดว่ามีเพียงเสียงลมหายใจของเธอเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเดินตามแรงจูงของเขา เธอไม่กล้าแม้จะแอบมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคนเธอ เธอรู้จักพวกท่านทั้งสองคนดี แต่ในฐานะผู้บริหารโรงพยาบาล และเธอไม่คิดว่าวันนี้ เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าพวกท่าน ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้