หลายวันผ่านไป
บ้านท้ายซอย
"พ่อ! พ่อ! หนูสอบชิงทุนมอสี่ได้" ฉันวิ่งลงมาพร้อมกับถือใบที่โรงเรียนแนบเอกสารมาให้ "พ่อดูสิ"
"เออก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นภาระ"
"____"
"แล้วนี่อีกิฟท์มันไปไหน พ่อกลับมาทำไมไม่ลงมากินข้าวด้วยกัน"
"เดี๋ยวก็คงลงมาจ้ะ"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่พ่อไม่สนใจหรือเฉยชากับฉัน เป็นมาตั้งแต่ที่แม่หายตัวไป พ่อคงฝังใจว่าแม่หนีหายไปกับผู้ชายคนอื่น
กรี๊ดดด
เสียงกรีดร้องของพี่สาวพร้อมวิ่งออกมาถือกล่องบางอย่าง
"นี่มันโทรศัพท์รุ่นใหม่นี่นา..พ่อซื้อให้ฉันเหรอ" กิฟท์กระโดดโลดเต้นดีใจพลางหมุนตัวไปรอบ
"เป็นไงชอบไหมเงินพิเศษที่ได้กว่าจะเก็บหอมรอมริบเห็นว่าปีหน้าจะขึ้นมหาลัยไง"
"ชอบมากเลยค่ะพ่อ"
สองพ่อลูกกอดกันกลมเหลือเพียงเด็กหญิงที่นั่งอยู่จ้องมองด้วยใจที่หม่นหมอง สักพักเธอจึงพูดตอบโต้กับพี่สาว
"มือถือเครื่องเก่าของพี่กิฟท์หนูขอได้ไหม"
"เอาไปทำไมอีเนตร! โทรศัพท์ของมึงก็ยังใช้ได้อยู่ไม่ใช่หรือไง"
"แต่ว่า.."
ติ๊ง
เสียงหนังยางกระเด็นเข้าโทรศัพท์ของเนตรเพราะเป็นรุ่นเก่าหน้าจอแตกจนต้องใช้ยางรัดแกงมัดเอาไว้แถมปุ่มกดยังเสียจอทัชสกรีนก็ไม่ดี
"กูมีผู้ชายหลายคนเอาไว้คุยสลับเครื่องกันรถไฟจะได้ไม่ชน ส่วนมึงก็ใช้อันเก่าของตัวเองไปก่อนเถอะยังไม่โตเลยอย่าแรด"
"____"
คำว่าแรดน่าจะเป็นพี่กิฟท์มากกว่าละมั้ง ฉันแทบไม่ได้สนใจผู้ชายหรืออะไรเพราะยังไม่ถึงวัยแต่พี่กิฟท์กำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัยกลับมีแฟนหลายคน
บนห้องเนตร
"เฮ้อออ" แม้จะพยายามไม่คิดว่าพ่อจะรักพี่สาวมากกว่าก็ตามแต่ในใจมันย้อนแย้งเพราะฉันไม่เคยได้อะไรเหมือนที่พี่สาวตัวเองได้เลย
วันเสาร์
เวลาเปลี่ยนผันหมุนเวียนไปกระทั่งวันหยุดซึ่งวันนี้ชมพูชวนเนตรออกมาเที่ยวเล่นเพื่อผ่อนคลายบ้าง
"ไปร้านเกมอีกแล้วเหรอไม่เบื่อหรือไง" ฉันเอ่ยถามชมพูที่วันนี้ดูสดใส
"ไม่เบื่อเพราะวันนี้มีนัดพิเศษ"
"นัดพิเศษอะไร"
"ไปถึงเนตรมิงค์ก็รู้เองนั่นแหละไม่ต้องถามมากไปเร็ว"
วันนี้เพื่อนสนิทดูแปลกไปเนื่องจากเธอสวมใส่กระโปรงสั้นสีชมพูกับเสื้อแขนสั้นสีขาวที่ทำให้ดูโตกว่าวัย แต่ด้วยที่ไว้ใจเธอก็ไม่ได้คิดอะไรรีบตามเพื่อนไปยังร้านเกม
แกร๊ก
"พี่ฟิว"
"มาแล้วเหรอครับน้องชมพู"
"พอดีมัวแต่ไปรับเพื่อนเลยมาช้า"
"ไม่เป็นไรครับอยากเล่นเกมอะไรเดี๋ยวพี่สอนให้นะ"
ทันทีที่มาถึงรุ่นพี่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักเนตรทำขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะจ้องหน้าเพราะท่าทางของทั้งสองดูสนิทกันเกินกว่าที่จะรู้จักแบบธรรมดา สาวน้อยวัยสิบห้าปีเดินเคียงข้างนั่งเล่นเกมอยู่กับชายหนุ่มที่คอยส่งสายตาหวาน
"คนนี้ชื่อพี่ฟิวแฟนของเราเองนะ"
"แฟน!"
ฉันตกใจอย่างหนักชมพูไม่เคยเกริ่นหรือพูดเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนมาก่อนจึงแอบกระซิบถาม
"เจอกันที่ไหนทำไมเราไม่รู้ล่ะ.."
"ในโซเชียล"
"บ้าเหรอแค่คุยกันในโชเชียลก็เป็นแฟนกันแล้ว"
"เพราะเนตรมีแต่โทรศัพท์รุ่นเก่าไม่ได้เล่นโซเชียลไงถึงไม่รู้ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว"
เนตรมิงค์ได้แต่ถอนหายใจเธอไม่ค่อยสนใจโลกสักเท่าไหร่เนื่องจากไม่มีเวลาอำนวยเหมือนกับเด็กทั่วไป
ตึก ตึก ตึก
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงด้านบนของร้านเกมมีบางอย่างที่หลายคนเดินขึ้นอย่างพลุ่กพล่าน ก่อนที่ชายฉกรรจ์ตัวล่ำจะเดินเข้ามากระซิบแฟนของชมพู
"น้องชมพูขึ้นไปเล่นด้านบนกันไหม" ฟิวถาม พร้อมส่งยิ้มหวานให้เนื่องจากเขามีอายุมากกว่าหลายปี "ไม่ต้องกลัวนะข้างบนมีคนตั้งเยอะ"
"จะดีเหรอคะเขาเขียนป้ายว่าห้ามเด็กต่ำกว่าอายุ18+ ปีขึ้นไปโดยเด็ดขาด"
"ไปกับพี่ไม่เป็นอะไรหรอกนะ"
"อืม..ก็ได้ค่ะแต่ขอพาเนตรไปด้วยนะ"
"ครับ"
ชายหนุ่มยังคงส่งยิ้มหวานเป็นมิตร ชมพูเอี่ยวตัวมากระซิบขยั้นขยอให้เนตรมิงค์ขึ้นไปด้านบนด้วยกันเพราะเธอไม่กล้าจะไปไหนกับผู้ชายเพียงลำพัง
ชั้นสอง
บรรยากาศทึบรอบด้านปิดมืดมีห้องโถงใหญ่ข้างในเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหญิงทั้งสองตื่นตาตื่นใจเนื่องจากมีผู้ใหญ่อายุมากหลายคนกำลังล้อมกันเป็นวง
"ที่นี่เขาเรียกว่าอะไรเหรอคะ" ไม่รู้สิทำไมถึงดูบรรยากาศประหลาดฉันถามออกไป
"บ่อนครับ"
"____"
"เดี๋ยวพี่จะพาไปห้อง VIP"
เนตรจำใจต้องเดินตามชมพูไปอย่างงงๆ เธอจับมือเพื่อนเดินเหมือนขบวนรถไฟก่อนที่ประตูบานใหญ่สีทองจะเปิดออก
"ไอ้ฟิวมาแล้วครับนาย" ผู้ชายที่คล้ายจะเป็นบอดี้การ์ดพูดกับเจ้านายที่นั่งหัวโต๊ะ "วันนี้นายใหญ่มาเองมึงรู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำยังไง"
"ผมทราบครับแต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินจ่าย"
"แล้วยังไง!"
"ขอพาสาวน้อยมาช่วยขัดดอกก่อนได้ไหม"
สองสาวหันขวับมองหน้ากันด้วยความไร้เดียงสาชายวัยกลางคนท่าทางหื่นกามมองจรดหัวยันปลายเท้าสักพักก็ถามไถ่
"ตัวยังเล็กอยู่เลยอายุเท่าไหร่.."
"สิบห้าครับนายใหญ่"
"แบบนี้เจอข้อหาพรากผู้เยาว์คงจะเจ็บหนักเป็นแน่ แต่ก็เอาเถอะเพราะเงินมันมีอำนาจ ฮ่าๆ"
เสียงหัวเราะดูคุกคามเด็กหญิงทั้งสองก็เริ่มหวั่นใจเนตรมิงค์มองซ้ายขวาก่อนจะก้าวเท้าถอยหลังเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย แต่กลับมีชายตัวใหญ่กั้นทางไว้
"ถอดเสื้อผ้าอีเด็กสองตัวนี้ออกให้หมด แล้วกูจะดูว่าเหมาะสมจะเป็นดอกให้กูขัดไหม หึ"