หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว มี่เฟิ่งก็หยิบยาทาสมานแผลโดยหยิบอุปกรณ์ออกมาวาง หว่านยู่ถิงมองมารดาหยิบโน้นหยิบนี่ออกมาล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นทั้งสิ้น ด้วยความอยากรู้ก็อดที่จะถามไม่ได้
“ต้านแม่...ต้านแม่หยิบอันใดออกมา” ยู่ถิงเอียงคอเดินเข้ามามองใกล้ ๆ อย่างใคร่รู้ หน้าตามันประหลาดนัก มีไม้ที่เหลาเป็นก้านยาว ๆ ม้วนด้วยฝ้ายสีขาวนั่นอีก
“นี่เขาเรียกว่ายาสมานแผล ยู่ถิงช่วยแม่ใส่ยาหน่อยได้หรือไม่” ตอนนี้มีด้วยกันสองคนกับลูกสาว เห็นทีจะต้องให้ลูกสาวช่วยแล้ว
“ได้สิเจ้าคะยู่ถิงช่วยต้านแม่เอง” เด็กน้อยถือก้านสำลีที่ไห่มี่เฟิ่งชุบยาเบตาดีนแล้วก็ให้นางทาบริเวณแผลที่โดนโบย
“ต้านแม่...ต้านแม่เจ็บหรือไม่ฮึก!...ยู่ถิงซนไปขโมยผูเถาต้านย่า ต้านแม่จึงต้องโดนลงโทษ ฮึก!” เด็กน้อยสะอื้นไห้ปาดน้ำตาไปก็ใส่ยาให้มารดาไปด้วย ทำเอามี่เฟิ่งอดสงสารไม่ได้ เด็กน้อยตัวแค่นี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างอดอยากขนาดต้องขโมยของกินเชียวหรือ
“แม่ไม่เจ็บหรอก ต่อไปถ้าหิวเจ้าก็บอกแม่ อยากกินอันใดก็บอกแม่ แม่จะหาให้เจ้ากินเอง” นางยิ้มให้กับลูกสาว แม้ความจำเดิมจะบอกว่าไม่ใช่บุตรแท้ ๆ เพราะว่านางยังไม่ได้เข้าหอกับเฉินเฟยอี้ด้วยซ้ำ เขาแต่งงานแล้วก็ไปทำงานอยู่ค่ายทหาร ไม่ได้กลับบ้านมาร่วมสองหนาว ตอนนางแต่งเข้ามาหว่านยู่ถิงอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว และเขาก็ไม่ได้ยินดียินร้ายที่นางรับเลี้ยงบุตรสาวผู้อื่น เพราะเด็กน้อยไม่มีใครจริง ๆ
นางไม่รู้ว่าเขาโกรธเจ้าของร่างด้วยเรื่องนี้หรือไม่ถึงไม่ยินยอมเข้าหอ หรือมีเหตุผลใดก็ไม่อาจรู้ได้ เรียกได้ว่านางร้ายต้องต่อสู้กับแม่เลี้ยงของสามีที่ร้ายกาจกว่าตั้งสองปี นับว่านานทีเดียว แต่เป็นนางน่ะหรือ วันเดียวก็ไม่คิดอดทน เหตุใดต้องทนมือเท้าก็มีเท่ากัน ตบมาตบกลับนั่นแหละถึงจะเป็นนาง
ไม่รู้ว่านี่นางร้ายจริงหรือเปล่า ไม่ร้ายเหมือนพี่กิ๊กสุวัจนีเลยให้ตายสิ!
บางทีนางต่างหากที่ร้าย นางร้ายอาจจะเป็นนางเอกก็ได้ใครจะรู้
หลังจากทายาแล้วนางก็ให้ลูกสาวนอนข้างในส่วนนางนอนข้างนอกแล้วกอดนางไว้อีกที เด็กน้อยนอนหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขเป็นคืนแรกหลังจากทุกข์ทรมานในบ้านสามีมานาน
แต่ไห่มี่เฟิ่งสินอนไม่หลับ นางเปิดระบบแมวผู้ช่วยขึ้น แล้วหน้าโฮโลแกรมก็ฉายออกมา
[สวัสดีทาสผู้ซื่อสัตย์ นี่คือระบบแมวผู้ช่วยยินดีต้อนรับ มีอะไรให้รับใช้หรือไม่] เมี้ยว!
“....” อะไรก็ดีอยู่หรอก แต่ข้อความต้อนรับนี่ขัดใจนัก
โอเค้!...ทาสก็ทาส
นางใช้นิ้วเลื่อนดูเหมือนโทรศัพท์แบบทัชสกรีนยี่ห้อส้มที่วางจำหน่ายทีไรต้องจองคิวนานทุกที ปาดนิ้วขึ้นลงไปเลื่อนซ้ายขวา แล้วดูช่องเก็บของ
นางพบว่าเงินตำลึงที่ใช้ในโลกนี้ก็อยู่ในช่องเก็บเงินเหมือนก็กระเป๋าเงินเช่นเดียวกัน เวลาจะชอปปิงก็แค่กดสั่งสินะ เหมือนได้ชอปปิงออนไลน์เลย
เลื่อนดูในช่องเก็บของมีชั้นวางเป็นระเบียบแยกชัดเจนว่าช่องใส่อาหาร ช่องใส่เมล็ดผัก และช่องเก็บอื่น ๆ ทั้งมีตู้ฟรีซสำหรับแช่อาหารสดด้วย
ว้าว!
น่าตื่นเต้นยิ่งนัก ราวกับหลุดมาอยู่ในโลกที่โคตรล้ำนำเทคโนโลยีไปเลย
ขณะที่กำลังดูอะไรเพลิน ๆ นั้นก็คิดไปด้วยว่าตัวเองจะทำอะไรดี
[ระบบแมวผู้ช่วยสามารถทำความดี เพิ่มเหรียญสำหรับปลดล็อกฟังก์ชัน หากท่านต้องการปลดล็อกฟังก์ชันอื่นกรุณาทำความดีเพิ่ม]
ราวกับอีระบบแมวผู้ช่วยนี้อ่านใจนางได้ พูดในสิ่งที่อยากรู้พอดิบพอดี
ทำความดีเพิ่มเหรอ ความดีก็ช่วยเหลือคน ต่อไปคงต้องยุ่งกับคนมากมายสินะ เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ แล้วนางก็ปิดระบบแมวผู้ช่วยนอนพักเอาแรงเพื่อไปหาที่อยู่ใหม่
‘คืนนี้เป็นคืนแรกที่นางจะหลับในโลกนิยายที่ตัวเองย้อนมาเป็นนางร้ายแล้วเลี้ยงบุตรสาวบุญธรรม หากจะกลับโลกปัจจุบันต้องใช้ชีวิตเดินเรื่องให้จบหรือเปล่านะ’
เมื่อคิดถึงตรงนี้ดวงตาของนางก็ปรือเต็มที่พร้อมกับหลับลงไป
เช้าวันถัดมา ข่าวที่แม่สามีไล่ลูกสะใภ้ให้นอนข้างถนนกระจายไปทั่วโดยลุงกู้ผู้คอยขับเกวียนวัวมาส่งของที่บ้านเฉินสั่งซื้อเป็นประจำเป็นคนโพนทะนา ลุงกู้นั้นเอ็นดูยู่ถิง มักจะมีขนมน้ำตาลปั้นมาฝากอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ในตระกูลที่ค่อนข้างมีฐานะในเมืองเขื่อชิน แต่ความร้ายกาจของแม่สามีบ้านนี้นั้นเป็นที่โจษจันนัก
เฉินเฟยหงที่กลับจากเมืองหลวงได้ยินเข้าก็เรียกภรรยาไปสอบสวนทันที เพราะชื่อเสียงตระกูลเฉินตอนนี้ปี้ป่นไปหมดแล้ว
“เสี่ยวหร่านเจ้าทำอันใดใช้หัวนิ้วโป้งเท้าคิดหรือ รู้หรือไม่การแต่งงานของเฟยอี้กับมี่เฟิ่งเป็นสัญญาของสองตระกูล เจ้าทำเยี่ยงนี้ข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบผู้เฒ่าไห่หลาน!”
ปึ่ง!
เสียงทุบโต๊ะในห้องโถงดังขึ้น เฉินเฟยอี้โกรธหนัก เอาความกับภรรยาที่ไว้ใจให้ดูแลจวนก็ไม่ได้
“ท่านพี่อย่าเพิ่งโกรธไปเลยเจ้าค่ะ ป้ายสีว่านังสะใภ้นั่นคบชู้ก็สิ้นเรื่อง แล้วเราก็เลี้ยงหลานที่ไม่ใช่เชื้อสายอยู่ทำอันใด อีกอย่างเฟยอี้ก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านนานแล้ว ไปรบทัพไม่แน่ว่ารบชนะจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ถึงเวลานั้นเราให้ซูหลันฮวาแต่งเข้าเป็นสะใภ้ใหญ่มิดีกว่าหรอกหรือท่านพี่ นอกจากนางจะร่ำรวยแล้ว ยังเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลของเราในอนาคต บ้านนางจะได้ช่วยผลักดันลูกชายอีกแรง”
เผิงเสี่ยวหร่านละโมบมาก ต่อให้มีเงินทองมากมายอยู่แล้วก็ยังอยากมีเพิ่มขึ้นไม่มีหยุด และนั่นอาจจะนำมาซึ่งความซวยก็เป็นได้
“ความคิดต่ำตมนัก คิดหวังพึ่งพาบ้านสะใภ้ ลูกชายเจ้าเล่าไปเสียที่ไหน พี่ชายรับราชการทหาร ส่วนลูกของเจ้านอนตื่นสายงั้นสิ แล้วหวังให้ร่ำรวย เหอะ!”