บทที่ 3 จะทำให้มีเอง

1763 Words
บทที่ 3 จะทำให้มีเอง หลายวันต่อมา.. “วันเสาร์ไม่ออกไปไหนเหรอลูก” นีรนุชเอ่ยถามหลานชายในตอนสาย ปกติวันหยุดชาร์วีมักออกเที่ยวแล้วค้างที่คอนโด วันนี้มาแปลกจึงอยากถามไถ่สักหน่อย “ไม่ครับ” ตอบเพียงเท่านั้นก่อนหันหลังเดินไป ทำเหมือนไม่อยากสนทนาด้วย “กลับมาชาร์วี!..พวกเราต้องคุยกัน” เหตุนี้คนหน้านิ่งจึงเดินมาทิ้งตัวบนโซฟา มองผู้เป็นป้าโดยไม่พูดเหมือนเดิม ซึ่งนีรนุชชินเสียแล้ว แต่ที่ไม่ชินคือท่าทีหมางเมินที่มากขึ้นทุกวัน นับรวม ๆ ก็ห้าปีเห็นจะได้ "พักนี้ไม่ค่อยลงมากินข้าวเย็นกับป้า โกรธอะไรหรือเปล่า" "เปล่า" "จะเปล่าได้ยังไง ในเมื่อก็เห็น ๆ อยู่ ชาร์พยายามหลบหน้าป้าตลอด มีปัญหาอะไรก็บอก อย่าทำแบบนี้" "………" ชายหนุ่มไม่ตอบ เอาแต่นิ่งจนนีรนุชต้องขึ้นเสียง "อย่าเงียบ! หลายปีแล้วนะที่ชาร์หมางเมิน ทำเหมือนป้าไม่มีตัวตน มีปัญหาก็ควรเปิดอกคุยกัน ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าแล้วเงียบ หรือโกรธที่ป้าไม่ให้ไปเรียนอเมริกา" "แล้วแต่จะคิด..ผมไปนะ" ชาร์วีลุกหนีโดยไม่รอให้นีรนุชอนุญาต เธอมองตามด้วยความกังวลใจ ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่นเขาก็เริ่มเปลี่ยน พูดน้อยลง เก็บตัวมากขึ้น และไม่สุงสิงกับใคร พยายามถามแต่ไม่ได้คำตอบ ความสัมพันธ์ระหว่างป้าหลานจึงลดน้อยถอยลง ชาร์วีเดินมานอกบ้าน อารมณ์เสียที่มนปรียาไม่ตอบแชตไม่พอ ยังต้องมาเจอป้าซักไซ้ไล่เลียง จะอะไรนักหนากับการที่เขาเป็นตัวเอง แค่ไม่อยากคุยมันผิดนักหรือไง หงุดหงิดชะมัด! คนหน้านิ่งมองลอดรั้วบ้านใกล้เรือนเคียง เพ่งสายตาหาเป้าหมายแต่ไร้เงา เมื่อวานก็หนีขึ้นรถเมล์ ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะ เขาคงลากเธอขึ้นรถด้วยแล้ว โคตรไม่ชอบที่พี่สาวทำเหมือนไม่สนใจ “มาหามิกิเหรอชาร์” ธนดลเอ่ยถามหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังชะเง้อมองไปในบ้าน เพิ่งปั่นจักรยานกลับจากตลาด ตะกร้าหน้ารถจึงเต็มไปด้วยของสด ซึ่งเป็นวัตถุดิบทำอาหารสำหรับหลายมื้อ “….....” ชาร์วีทำแค่ปรายหางตามอง “เห็นออกไปตั้งแต่เช้า แต่ไม่ทันถามว่าไปไหน ให้ลุงโทรถามไหมล่ะ” “ไม่ต้องครับ” ชาร์วีพูดเสียงแข็งก่อนเดินกลับบ้าน “เดี๋ยวสิ..ชาร์ชอบกินส้ม เผอิญลุงซื้อมาเยอะแบ่งไปกินไหมล่ะ” ธนดลมองหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ด้วยความชื่นชม ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความดีใจ นานครั้งจะเจอและได้พูดคุย เพราะชาร์วีไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ยกเว้นมนปรียาที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่เด็ก “ไม่ครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงเท่านั้นก่อนเปิดประตูรั้วเข้าไป ทิ้งให้ธนดลมองด้วยความผิดหวัง “s**t!” สบถหงุดหงิดที่มนปรียาไม่รับสาย พอโทรอีกทีก็ถูกตัดทิ้ง เธอไปไหน ทำอะไรกับใคร เขาชักอยากรู้ ชาร์วีเดินงุ่นง่านอยู่โรงจอดรถ สีหน้าไม่แสดงอาการ แต่ในใจนึกคาดโทษพี่สาว เธอจงใจหลบหน้า แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น คนอย่างเขาอยากได้ก็ต้องได้ จะเก่งสักแค่ไหนเชียว ดูก็รู้ว่ากำลังหวั่นไหว ทรงนี้คงอีกไม่นาน..เชื่อมือชาร์วีได้เลย ติ้ง.. ข้อความแจ้งเตือนดึงความสนใจออกจากพี่สาว มุมปากของชาร์วียกขึ้นเมื่อเปิดอ่าน ไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็แล่นออกจากบ้าน ขับตรงดิ่งไปยังสถานที่นัดหมาย ที่รู้แค่เธอและเขาเพียงสองคน Pattama_CV : ว่างไหม? Pattama_CV : ออกมาเจอกันหน่อยสิ . . . “ข้อง่ายก็ทำก่อน ข้อไหนยากไว้ทำทีหลัง เข้าใจใช่ไหม” มนปรียาถามเด็กหนุ่มม.ปลายหน้าใส ขณะทั้งคู่อยู่ในร้านกาแฟชื่อดัง เธอรับติวข้อสอบให้เด็กมัธยมมาสักพัก เพื่อหารายได้เสริม ปราการเพิ่งจ้างครั้งแรก โดยติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์มาเมื่อคืน ถือว่าเป็นงานด่วนจึงบวกราคาเพิ่ม ซึ่งเขาไม่ขัดข้อง เลยวิน ๆ ทั้งสองฝ่าย “เข้าใจครับ” “ดีมากเด็กชายบูม” คนชมฉีกยิ้มกว้าง ดูน่ามองขึ้นไปอีก เธอแต่งหน้าบาง ๆ ก็สดใสราวกับสาวแรกรุ่น “พี่ไปอยู่ไหนมาทำไมผมเพิ่งเจอ ทุกวันนี้หาติวเตอร์น่ารักแบบนี้ยากมาก” ส่วนใหญ่มีแต่หน้าโหดหรือไม่ก็แก่เลย ไม่น่าเชื่อว่าจะโชคดีได้พี่สาวคนนี้มา โคตรน่ารัก..ราคาเท่าไรก็สู้ “อยู่ใกล้ ๆ กันนี่แหละ เพียงแต่ดวงยังไม่สมพงษ์กัน” “งั้นตอนนี้ก็สมพงษ์แล้วสิ” หนุ่มสิบแปดปากหวานใส่ “ฮ่า ๆ” มนปรียาหัวเราะชอบใจก่อนเอ่ยปราม “เลิกหยอดได้แล้ว..เอาเป็นว่าถ้าสงสัยข้อไหนทักถามได้ตลอด พี่ไม่คิดเงินเพิ่ม ถือเป็นการส่งเสริมหลังการขาย” โชคดีตอนมัธยมเลือกเรียนสายวิทย์ จึงพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่เพราะเจียมจิตไม่สนับสนุนให้เรียนพยาบาล ตอนเข้ามหาวิทยาลัยเธอเลยเลือกเรียนการจัดการแทน ป้าเป็นคนจัดแจงให้ไปเรียนต่างจังหวัด คงเพราะอยากไล่ไปให้พ้น แต่สุดท้าย..เธอก็กลับมาซุกหัวนอนที่บ้านหลังนั้นอยู่ดี “น่ารักแถมยังใจดีอีก” “แหม..พี่เขินน่ะเนี่ย” หญิงสาวปิดปากหัวเราะ ทำเป็นมองผ่านท่าทีกรุ้มกริ่ม “ถ้าทักไปคุยเล่นพี่จะตอบไหมครับ” ปราการรุกหนัก ตอนนี้เขาสิบแปด คงไม่เด็กเกินไปหากจีบสาวรุ่นพี่ “แล้วแต่โอกาสแล้วกันเนอะ” เธอตอบกว้าง ๆ เพราะไม่อยากดับฝันใคร “อย่าบล็อกผมซะล่ะ” “ไม่หรอกน่า..เผื่อบูมจ้างพี่อีก จะได้เป็นลูกค้ากันยาว ๆ เอ๊ะ!” ถ้าตาไม่ฝาดเหมือนเห็นชาร์วี พอมองอีกทีเขาก็หายไป มนปรียาทำหน้าเลิ่กลั่ก อุตส่าห์หนีมาตั้งไกล เขายังตามมาหลอกหลอนได้อีก คนหรือผี น่ากลัวชะมัด “พี่มิกิเป็นอะไรหรือเปล่า” “พี่ต้องกลับแล้วจ้ะ อย่าลืมนะถ้าสงสัยทักถามได้ตลอด” เธอรวบอุปกรณ์ลงกระเป๋าสานใบใหญ่แล้วลุกยืน “ให้ผมไปส่งไหมครับ” “ไม่ดีกว่า..ขอบคุณที่ใช้บริการ บ๊ายบายจ้ะ” ร่างในชุดกระโปรงยีนกับเสื้อยืดรีบออกจากร้าน หันซ้ายหันขวาเมื่อไม่เห็นชาร์วีก็เดินไปยังป้ายรถเมล์ พอรถจอดเทียบท่าก็วิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงก็ลากสังขารลงจากรถด้วยใบหน้าอิดโรย อากาศอบอ้าวทั้งยังเบียดเสียดกับคนอื่น ไม่เป็นลมก็ดีเท่าไร ทว่า..แทบหน้ามืด เมื่อเห็นคนที่ไม่อยากเจอยืนพิงรถสปอร์ตพุ่งสายตาคมกริบมาที่เธอ ชาร์วี!! “มาคุยกันหน่อย” เขาเดินเข้ามาหา ยืนเกือบชิดจนมนปรียาต้องถอยหลัง “พี่ต้องรีบไปทำข้าวเย็น” จากปากซอยเดินไปอีกห้านาทีก็ถึงบ้าน เธอต้องรีบเพ่น ไม่งั้นคงบันเทิง เหตุการณ์วันนั้นยังตราตรึง ถ้าเผลออาจถูกลากไปได้ง่าย ๆ “ให้พวกนั้นหากินเอง” “อย่าเอาแต่ใจไม่เข้าเรื่อง!” "เพราะเอาแต่เธอไม่ได้ไง เลยต้องเอาแต่ใจ" เขายื่นมือมาพันผมเธอเล่น กลิ่นหอมประจำตัวโชยเข้าจมูก พี่สาวชอบไว้ผมยาวและตัดหน้าม้าตั้งแต่เด็ก เธอเลยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ยกเว้น..รูปร่างที่เจริญเติบโตตามวัย บางส่วนก็โตเกินไปด้วยซ้ำ “มีใครเคยบอกไหมว่าชาร์เป็นมนุษย์ที่กวนประสาทที่สุด” มนปรียาปัดมือเขาออก ทว่าชาร์วีก็ยังทำเหมือนเดิม “มีแต่ชมว่าหล่อ” “ฟู่ว..” มนปรียาเหลือบตามองบน หล่อนะไม่เถียง แต่ก็กวนไม่แผ่ว ไอ้เด็กบ้า! เธอชักจะหมดความอดทน ด่าจนเหนื่อยด่า บางทีก็สงสัยว่าทำไมถึงปล่อยให้เขาลามปาม หรือเพราะลึก ๆ ก็ชอบ เลยไม่เคยปฏิเสธอย่างจริงจังสักครั้ง “มิกิจะเข้าไปทำความสะอาดคอนโดให้ผมวันไหนครับ” เหอะ..หลอกไปเชือดชัด ๆ ใครจะไป “ไม่ว่าง” “รับปากแล้วนะ” หมายถึงเขาจ้าง พูดคุยตกลงราคาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่จนแล้วจนรอดมนปรียาก็ไม่ยอมไปเสียที “ก็บอกว่าไม่ว่างไง” “ต้องว่าง..ไปกันครับ” “เอ๊ะ!!!” ยังไม่ทันขัดขืนร่างเล็กก็ถูกลากไปยัดใส่รถ ก่อนชาร์วีจะขับพุ่งออกไปด้วยความเร็ว มนปรียานั่งหอบหายใจ โกรธจนปากสั่นมือสั่น อยากแหกปากโวยวายแต่ไม่กล้า เพราะไม่รู้เขาอยู่ในอารมณ์ไหน เสี้ยวหน้านิ่งเฉยดูเย็นเยียบกว่าทุกครั้ง “ทำไมต้องอยู่กับคนนั้น” คนนั้น? คนไหน? มนปรียาเอียงคอขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด “พี่เหนื่อยมาทั้งวันยังไม่พร้อมตอบเรื่องไร้สาระ..จอดรถเถอะพี่ต้องกลับบ้าน ไม่อยากมีปัญหากับป้าจิต” "ตอบ" “ถ้าหมายถึงคนที่ร้านกาแฟ..เขาคือลูกค้า” “ลูกค้า?” “เขาจ้างติวข้อสอบ” “ผมไม่ชอบ..ทีหลังห้ามรับงานจากคนอื่น” "พักนี้ทำไมถึงพูดมาก บางครั้งก็พูดไม่รู้เรื่อง ทำตัวขวางโลกเข้าไปทุกวัน พี่ปวดหัวกับชาร์มากนะ" “หึ..” ชาร์วีไม่ตอบ “เป็นอะไรก็บอก ไม่ใช่ทำตัวไม่น่ารักเพื่อเรียกร้องความสนใจ” “เป็นคนที่ชอบมิกิไงครับ..เลยหวง” “พูดเลอะเทอะอีกแล้ว” “ผมพูดจริง” จังหวะนั้นจอดติดไฟแดง ชาร์วีจึงยื่นหน้ามาใกล้จนได้กลิ่นบุหรี่ เธอเพิ่งรู้ว่าเขาสูบ? เหมือนเขาจงใจเผยตัวตนอีกด้านให้เห็น ซึ่งมีผลกับความรู้สึก ถึงอายุมากกว่าแต่เธอกลับตกเป็นรองอยู่เสมอ “สูบบุหรี่ด้วยเหรอ” “นิดหน่อยเวลาเครียด” “เครียดเรื่องอะไร..บอกพี่ได้ไหม” แม้โมโหอยู่แต่เธอยังห่วงเขาเหมือนเดิม..ตอนเด็กชาร์วีอาจต้องการ แต่ตอนนี้อยากได้มากกว่านั้น “เรื่องของเรา” “มันไม่เคยมีเรื่องของเรา..ชาร์ควรหยุด” “ผมจะทำให้มีเอง!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD