เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใส คุณลุงหมอพาคุณย่าไปดูที่ดินแต่เช้าเพราะช่วงบ่ายจะได้แวะไปเยี่ยมเพื่อนๆ ของคุณย่า ส่วนหลานสาวสุดที่รักก็ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อลงมาส่งทั้งสองคน
“ไปแล้วนะยัยวา ดูแลบ้านช่องให้ดีล่ะ แล้วก็อย่านอนจนลืมกินข้าวกินปลานะ”
“เจ้าค่ะคุณย่า ไม่ลืมค่า” วาปิดประตูรถให้คุณย่าก่อนที่คุณลุงหมอจะขับรถออกไป วายืนโบกมือให้ทั้งสองจนลับสายตาก่อนจะหันมาหาสาวใช้คนสนิท
“แล้วมีใครยกข้าวไปให้พี่เบลล์หรือยังหนิม”
“ยังเลยค่ะ แต่เดี๋ยวพี่ศักคงยกไปให้”
“งั้นเดี๋ยววายกไปเอง วามีปัญหาเรื่องเรียนอยากปรึกษาพี่เค้าพอดี”
“หนิมไปเตรียมให้วาด้วยนะ เดี๋ยววามายกไป”
“ค่าา ให้หนิมไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไร หนิมไปนอนบ้างเหอะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินลงมายกถาดอาหารไปที่เรือนเล็ก
“พี่เบลล์ พี่เบลล์คะ ตื่นหรือยังคะ”
ชายหนุ่มเดินออกมาจากในบ้าน ผมของเขายังเปียกอยู่คงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“วามีอะไรหรือเปล่า”
“วาเอาอาหารมาให้ค่ะ”
หญิงสาวรีบถือถาดอาหารเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินเอาไปวางยังโต๊ะอาหารที่มีหนังสือหลายเล่มวางอยู่
“ฝีมือวาเหรอ”
“ฮ่าๆๆ” ถ้าวาเป็นคนทำพี่เบลล์คงไม่ได้กินหรอกค่ะ “ฝีมือป้าๆ แม่ครัวค่ะ”
“แต่วาอุตส่าห์ยกมาให้นะคะ หนักมากเลย” วาพยายามขอความเห็นใจ
“เดี๋ยวครั้งหน้าพี่ไปยกเองนะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ บ้านเราชอบบริการเป็นชีวิตจิตใจ พี่เบลล์ไม่ต้องเกรงใจเลยนะคะ พวกเราทำด้วยใจล้วนๆ” วายิ้มหวานให้ชายหนุ่ม “แล้วอีกอย่าง วายืมรถคุณย่าให้แล้วน้าาา”
“พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะยืม”
“ก็วาเป็นห่วงพี่เบลล์นี่คะ กลัวไม่มีรถใช้” หญิงสาวส่งสายตาเว้าวอนให้ชายหนุ่มตรงหน้าที่ยืนหน้านิ่วให้กับความจุ้นจ้านของเธอ
“นี่วาทำให้พี่เบลล์อึดอัดหรือเปล่า” หญิงสาวถามเสียงอ่อน
“ใช่”
เมื่อวาได้ยินแบบนั้นก็เริ่มน้ำตาคลอทันที
“ค่ะ วาขอโทษนะคะ” วาก้มหน้าก่อนจะเดินสวนออกไปแต่ก็ถูกมือของชายหนุ่มดึงไว้ซะก่อน หญิงสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เสียหลักเซไปชนเข้ากับชายหนุ่มจนทั้งสองล้มไปกองบนพื้น
“พ…พี่เบลล์ วาขอโทษ” ตอนนี้ร่างของวานั้นทับอยู่บนตัวของชายหนุ่ม ตัวของเธอนั้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างพอดิบพอดีขณะที่ขาเล็กๆ ของเธอนั้นก็ไปชนเข้ากับเป้ากางเกงที่มีบางอย่างแข็งชันชนขาอยู่ ชายหนุ่มนั้นตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่หน้าของเขาจะเริ่มแดง
“วาลุกก่อนได้มั้ย พี่ขยับตัวไม่ได้เลย”
“ค่ะ ค่ะ พี่เบลล์เจ็บตรงไหนมั้ย” วารีบลุกขึ้นแม้ในใจจะอยากอยู่แบบนั้นไปอีกสักพัก หญิงสาวส่งมือให้ชายหนุ่มเพื่อช่วยดึงเขาลุกขึ้นแต่ทว่าตัวของเขานั้นหนักกว่าที่เธอคิดไว้ เมื่อชายหนุ่มออกแรงดึงหญิงสาวจึงล้มทับเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ริมฝีปากของเธอนั้นก็เข้าไปประกบกับริมฝีปากเรียวงามของชายหนุ่ม
เบลล์รีบถอนริมฝีปากออกมา
“วา”
“คะ” หญิงสาวนั้นยังคงส่งสายตาหวานฉ่ำให้ เอาสิคะพี่เบลล์จูบวาอีกสิ ว่าแล้วเธอก็หลับตาพริ้มรอรับรอยจูบ
แต่ทว่า…
“วาช่วยลุกก่อนได้มั้ย พี่จุก”
“คะ ค่ะ ได้ค่ะ”
วาลุกขึ้นตามด้วยชายหนุ่มที่รอบนี้เลือกที่จะลุกเองไม่รอให้หญิงสาวช่วยแล้ว เขาลุกมานั่งบนเก้าอี้ก่อนจะเริ่มตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดไม่จา ส่วนวาเองก็เขินจนทำตัวไม่ถูกเลยรีบเดินกลับเรือนใหญ่ไป
วากลับมากินรับประทานอาหารเช้าที่เรือนใหญ่ กินไปก็เขินไป นี่เราเสียจูบแรกให้พี่เบลล์แล้วหรือนี่ บ้าๆๆๆๆๆ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ก็ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงขึ้นมา
หลังกินข้าวเสร็จวาก็ไปนั่งอ่านหนังสือเล่นที่ชานระเบียงพลางคอยชำเลืองไปยังเรือนเล็กเป็นระยะๆ ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนบนเก้าอี้ไม้โยก เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นสบายๆ มีบางจังหวะที่พี่เบลล์บิดขี้เกียจเขามองมาเห็นวาที่เรือนใหญ่แต่ดีที่เธอรู้ตัวเลยเฉมองไปทางอื่น
วาพยายามรวบรวมสมาธิให้จดจ่อกับการอ่านหนังสือจนกระทั่งมีเสียงใครบางคนเรียกหา
“คุณวา คุณวา”
เสียงผู้ชายตะโกนเรียกจากหน้าบ้าน วารีบตอบรับเสียงนั้นก่อนจะเดินลงไปหา
“ว่าไง นายหม่อง”
“คุณหมออยู่มั้ย ลูกชายผมตัวร้อนไม่สบาย ช่วยไปดูหน่อยได้ไหม” คนงานชาวต่างชาติถามหาคุณลุงหมออย่างร้อนใจ น่าจะหนักจริงๆ เพราะปกติเขาไม่เคยมารบกวนคนเรือนใหญ่เลย
“คุณลุงหมอไม่อยู่แต่เดี๋ยววาไปถามพี่หมอก่อนนะ ว่าไปดูให้ได้มั้ย นายหม่องรออยู่นี่แป๊บนะ”
ว่าแล้ววาก็รีบวิ่งไปที่เรือนเล็กทันที
“พี่เบลล์ พี่เบลล์คะ คือว่าลูกคนงานไม่สบายค่ะ เป็นไข้ พี่เบลล์พอจะมียาหรือว่าช่วยไปดูอาการให้ได้มั้ย”
“ได้สิ อยู่ไหนล่ะ”
“อยู่แถวสวนทุเรียนค่ะ เดี๋ยววาพาไปเอง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างรีบร้อนก่อนจะสะพายกระเป๋ายาออกมา โดยมีวาเดินนำไปที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ
“ใช้รถนี้สะดวกกว่าค่ะ”
ว่าแล้ววาก็ขึ้นขี่รถโดยมีพี่เบลล์ซ้อนท้าย นายหม่องขี่รถนำทั้งสองไปยังบ้านพักคนงานซึ่งอยู่ไกลจากบ้านคุณย่าพอสมควร
เมื่อมาถึงบ้านพักหม่องก็รีบพาทั้งสองเข้าไปดูลูกชายวัยเก้าขวบที่นอนอยู่บนเตียง พี่หมอเบลล์เริ่มซักประวัติคุณแม่เกี่ยวกับอาการของลูกชาย โดยมีวาคอยให้ความช่วยเหลืออย่างเก้ๆ กังๆ
ชายหนุ่มวัดไข้เด็กชายก่อนจะบอกให้คุณแม่เอาผ้ามาเช็ดตัว แล้วเขาก็เดินไปเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก จากนั้นจึงส่งยาน้ำลดไข้ให้คุณแม่ป้อนลูกน้อย ก่อนจะบอกวิธีปฐมพยาบาลและสังเกตอาการเบื้องต้นเพราะถ้าหากไข้ไม่ลดต้องพาไปส่งโรงพยาบาล
“ใช่ค่ะ นายหม่อง อย่ารอนะคะ โรงพยาบาลไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ดูสิคะ พี่หมอเบลล์ใจดีจะตาย เข้าใจไหม”
“ครับคุณวา ขอบคุณคุณหนูทั้งสองมากครับ”
“ผมจะอยู่ดูอาการอีกสักพักนะ เดี๋ยวค่อยกลับ ส่วนอันนี้นายหม่องเก็บไว้นะเป็นที่วัดไข้ ถ้าอุณหภูมิไม่ลดหรือเกิน 37.5 องศาให้พาไปหาหมอ เข้าใจไหม”
“ขอบคุณครับ”
วาหันไปมองชายหนุ่มอย่างชื่นชมในความเก่งและจิตใจดีที่สำคัญหล๊อหล่อ
ทั้งสองออกมานั่งเล่นใต้ร่มไม้หน้าบ้านระหว่างรอดูอาการ นายหม่องจัดแจงคัดทุเรียนเกรดเอมาปอกให้เจ้านายสาวที่นั่งรอกินอย่างเคยชิน
คนงานหญิงก็ยกน้ำกับผลไม้มาเสิร์ฟไม่ขาดสาย ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะลูกสมุนของวา ลูกสาววัยสิบขวบของนายหม่องก็มาปรนนิบัติพัดวีให้เธอราวกับเป็นเจ้าหญิง
“นี่ครับคุณวา คุณหมอ ทุเรียนเกรดเอบวกครับ”
นายหม่องเอามาเสิร์ฟ
“นายหม่องไม่ต้องทำอะไรแล้วนะ ไปพักผ่อน แล้วก็ไปดูแลลูกชายเถอะ” เบลล์เอ่ยขณะที่วากำลังหยิบทุเรียนขึ้นมาชิม พี่หมอพูดขนาดนี้หญิงสาวก็แทบกลืนไม่ลงเลยทีเดียว
“แล้ววาก็เลิกใช้แรงงานเด็กได้แล้ว”
“วาไม่ได้ใช้น้องนะคะ น้องเค้าทำกันเอง เราทำกันแบบนี้ประจำใช่มั้ย คนิ้ง”
“ใช่ค่ะ แล้วพี่วาก็จะให้ทิป”
“ใช่ค่ะ”
“พี่ไม่ชอบ”
“….” วาหน้าเจื่อนเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้ทุกคนเลิกปรนนิบัติพัดวีแต่ก็มิวายจ่ายค่าขนมให้เด็กหญิงหนึ่งร้อยบาท แล้วกระซิบให้คนิ้งไปเฝ้าน้อง
“วาไม่ทำแล้วค่ะ แต่ทุเรียนนี่ถ้าพี่หมอไม่กินนายหม่องจะเสียใจเอานะ มาค่ะมากินเร็ว” วาหยิบเอาไปจ่อที่ปากทำท่าจะป้อนชายหนุ่มแต่เอากลับหยิบไปกินเอง
“เป็นยังไงบ้างคะทุเรียนสวนของคุณย่า อร่อยมั้ย”
ชายหนุ่มยักคิ้วให้ ชายหนุ่มกินชิ้นของตนเองจนหมดก่อนจะเดินเข้าไปดูอาการเด็กชายอีกครั้งแล้วพบว่าไข้เริ่มลดลงแล้ว เมื่อวาเห็นเด็กน้อยดีขึ้นแล้วจึงชวนชายหนุ่มกลับบ้านเพราะตอนนี้ฝนฟ้าเริ่มตั้งเค้าคล้ายพายุจะเข้า
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
“ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่เลยครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“ไปกันค่ะ ฝนจะตกแล้ว นายหม่องฟังที่พี่หมอเค้าบอกด้วยนะ ถ้าไข้ขึ้นสูงรีบไปโรงพยาบาลเลยนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเข้าใจไหม”
หญิงสาวกำชับหัวหน้าคนงานก่อนจะขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่ชายหนุ่มคนเป็นคนขับ
ทั้งสองรีบบึ่งรถกลับบ้านแต่ขับออกมาได้ไม่ไกลนักท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มจนทำให้เวลาบ่ายสามราวกับสามทุ่ม
“พี่เบลล์เลี้ยงขวาข้างหน้า ไปหลบที่บ้านสวนก่อน”
เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็เลี้ยวรถตามคำสั่งแต่ก็ไม่ทันถึงบ้านฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาจนทั้งสองเปียกไปทั้งตัวกว่าจะถึงบ้านสวน เมื่อจอดรถได้แล้วทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปหลบฝนภายในบ้าน ทั้งฝนทั้งเสียงฟ้าร้องคำรามตามหลังมาติดๆ ท่าทางพายุจะเข้าจริงๆ