บทที่ 2 ไม่ต้องการความสงสาร 2

881 Words
เวนิกามองตาคนที่ถามเธอตรงๆ ตอนแรกเธอมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ความมุ่งมั่นของเศกย์เปลี่ยนความตั้งใจของเธออย่างสิ้นเชิง เธอเป็นผู้ถูกกระทำ... เคยเจ็บ ทรมานจนไม่อยากอยู่ ถูกความทุกข์และความเกลียดกัดกินจิตวิญญาณจนบิดเบี้ยว อยู่ก็เหมือนไร้วิญญาณ กว่าจะผ่านมาได้ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนแทบตาย เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ และก็ใช่...แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังเจ็บปวดอยู่ ฝันร้ายยังตามหลอกหลอนกันทุกคืน แต่แล้วทำไมเธอจะต้องวิ่งหนีราวกับเป็นคนผิด? พวกคนชั่วที่ทำร้ายเธอต่างหากควรจะมีสำนึกรู้จักละอายใจ ไม่ใช่อยู่อย่างลอยนวล ส่วนเธอก็ควรออกจากหลุมหลบภัยแล้วยึดอกเชิดหน้าสู้กับความอยุติธรรมสิ แสดงให้พวกนั้นเห็นไปเลยว่าแม้จะเหยียบย่ำเธอจนจมดินไปแล้ว แต่เธอไม่มีวันตาย เธอจะคลานขึ้นมาจากหลุมลุกขึ้นยืนผงาดต่อหน้าพวกนั้นได้อย่างสง่าผ่าเผยทุกครั้ง หากยังมีชีวิต... เธอจะไม่ยินยอมให้ปรินธรได้สมใจ เขาจะไม่มีวันเห็นเธออ่อนแอหรือหัวเราะสมเพชเธอได้เป็นอันขาด! นี่แหละคือการแก้แค้นของเธอ! เธออาจไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะทำอะไรเขาได้ แม้แต่จะทำให้สะดุ้งสะเทือนหรือมีรอยขีดข่วนก็ยังไม่มีปัญญา แต่เธอมีหัวใจที่แข็งแกร่งมากพอจะต่อต้านเขา เธอจะทำให้เขาเห็นว่าต่อให้เขาจะเยียบย่ำเธอแค่ไหน ทำร้ายเธอเพียงใด แต่หัวใจเธอไม่เคยแพ้ ปรินธรจะไม่มีวันเห็นคราบน้ำตาและความอ่อนแอบนใบหน้าเธออย่างแน่นอน ไม่มีวัน!!! “คุณไว้ใจฉันขนาดนี้ ฉันจะทำให้คุณผิดหวังได้ยังไงล่ะคะ” เวนิกาฉีกยิ้ม ยื่นมือเช็กแฮนด์กับพันธมิตรใหม่ แววตาทอประกายความมุ่งมั่นแข็งแกร่งเฉกเช่นเวนิกาคนเก่าที่เปี่ยมไปด้วยความมาดมั่น ไม่เคยหวาดเกรงสิ่งใด ในเมื่อเศกย์กล้าสู้ เธอก็จะสู้กับเขาไปสักตั้ง จะขอทวงชีวิตและความฝันที่หายไปคืนมาให้หมด! เธอคิดอยู่แล้วว่าคนเลือดเย็นอย่างปรินธรไม่มีวันปล่อยเธอไปง่ายๆ! สิ่งที่เวนิกานึกกลัวเป็นจริง แต่ไม่ได้มารูปแบบตรงๆ นายใหญ่แห่ง Look ไม่ได้เชือดเธอให้ตายสนิทในดาบเดียวผิดวิสัยเขา ไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายหรือก่อปัญหาให้หนังเรื่องนี้จนผู้กำกับต้องล่าถอยหรือเลิกถ่าย เธอถ่ายทำมาร่วมเดือนยังไม่เคยเห็นเศกย์สั่งยกกองเลยสักคิว แต่ที่น่าปวดหัวและสร้างรำคาญใจให้กับคนทั้งกองไม่เว้นวันตั้งแต่เริ่มถ่ายทำก็คือ นักแสดงสาวเจ้าของบทบาท ‘พราวนภา’ ซึ่งเป็นบทที่ขับคู่มากับบทของเธอ สร้างปัญหาทำให้การถ่ายหนังล่าช้าไปมาก ราวกับจงใจแตะถ่วงคนอื่น เวนิกาจะไม่คิดอะไรเลยหาก มิ่งกมล นางเอกที่กำลังดังขึ้นหม้อคนนี้จะมีผู้จัดการกิตติมศักดิ์อย่าง ลลิตา ผู้อำนวยการฝ่ายศิลปินดาราที่มีอำนาจรองจากปรินธร และเคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอมาก่อน ไม่ได้ลงมาคุมงานนี้ด้วยตัวเอง แถมแทบทุกซีนที่ถ่ายทำก็มักถูกพวกหล่อนป่วนจนเละเทะไปหมด แต่ละวันกว่าจะผจญกับความเรื่องมากเรื่องเยอะไม่มีที่สิ้นสุดของพวกหล่อนไปได้ เล่นเอาเธอเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะคลานกลับบ้าน “คัต โอ.เค. ครับ” เศกย์เอ่ยผ่าน Walkie-talkie ทีมงานเก็บข้าวของเคลื่อนไปยังฉากต่อไป แต่มิ่งกมลกลับเดินเข้าหาผู้กำกับหนุ่ม เอ่ยด้วยสีหน้ามุ่งมั่นราวกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ “ผู้กำกับคะ มิ้งค์ว่าฉากเมื่อกี้มันดูไม่ค่อยสมจริงยังไงไม่รู้ มิ้งค์ขอเล่นอีกเทกจะได้มั้ยคะ” “แต่ผมว่ามันดีแล้วนะครับ” เศกย์หน้าเคร่งทันตา “ลิต้าเห็นด้วยค่ะ เมื่อกี้ตอนที่ดูมอนิเตอร์รู้สึกว่าซีนที่น้องมิ้งค์ตบคุณเวย์ มือน้องอยู่ห่างไปมากจนเห็นชัดเลย ถ้าปล่อยไปคนดูจะว่าเอาได้นะคะ” “พี่ลิต้าคิดเหมือนกับมิ้งค์เลยค่ะ” เวนิกามองสองคนที่พูดชงส่งให้กันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้วคิ้วกระตุก ก่อนจะมองเลยมายังเศกย์ที่มีสีหน้าลำบากใจอย่างชัดเจน ต่างก็รู้กันดีว่าถ้าไม่ตามใจหล่อน ซีนหน้าคงจะไม่ได้ถ่ายเป็นแน่ เผลอๆ วันนี้ทั้งวันซีนนี้ก็ยังถ่ายทำไม่จบเสียด้วยซ้ำ “ที่มิ้งค์พูดก็เพื่องานทั้งนั้นนะคะ มิ้งค์เห็นอะไรที่มันไม่ดีไม่ใช่แล้วก็อดพูดไม่ได้จริงๆ มิ้งค์รู้ว่าผู้กำกับทุ่มเทกับหนังเรื่องนี้มาก มิ้งค์เองก็อยากจะให้ผลงานออกมาดีสมบูรณ์แบบที่สุดเหมือนกัน” “เพื่องานลิต้าว่าคุณเวย์คงเห็นด้วย เธอเป็นนักแสดงน่าจะมีสปิริตมากพอ...จริงมั้ยคะ” ท้ายเสียงปรายตามองเวนิกาอย่างยิ้มเยาะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD