วันต่อมา
วันนี้แก้มนิ่มมีเรียน เธอแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา กระโปรงทรงเอ เสื้อนักศึกษาพอดีตัว ไม่รัดจนเกินไป ผมดัดลอนใหญ่ แต่งหน้าอ่อน เธอเตรียมลงไปใส่บาตรเหมือนเช่นทุกวัน เดินผ่านชายหนุ่ม โดยไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเขาหลับอยู่ เขานอนมองหญิงสาวที่เดินผ่านหน้าเขาลงไปข้างล่าง เมื่อหญิงสาวลงไปแล้ว เขาจึงเดินไปดูตรงหน้าต่างบานเดิม
' สวยอยู่แล้ว สวยขึ้นไปอีก '
เขายืนมองจนกระทั่งหญิงสาวใส่บาตรพระเสร็จ
แก้มนิ่มเดินขึ้นมาบนบ้าน เข้าครัวเอาของไปเก็บ จากนั้นเดินออกมาคุยกับเขา
" วันนี้ฉันกับน้ำนนท์มีเรียน ฉันมีเรียนแค่เที่ยง อาจจะกลับมาถึงบ้านช่วงบ่าย ถ้าคุณหิว คุณเดินเข้าครัวไปหาข้าวกินได้เลย ฉันทำไว้ให้แล้ว ส่วนยาวางอยู่ตรงนี้ กินข้าวให้เป็นเวลา แล้วก็กินยาด้วยนะคะ อย่าลืม "
" ครับ ขอบคุณครับ "
แก้มนิ่มคุยกับเขาเสร็จก็หันไปเรียกน้ำนนท์ที่ตอนนี้นั่งเล่นเกมส์รออยู่
" นนท์ เลิกเล่น ไปได้แล้ว ไม่ต้องเอาโทรศัพท์ไป เดี๋ยวไม่เข้าเรียนอีก "
" นนท์รู้น่าพี่แก้ม " น้ำนนท์เดินเอาโทรศัพท์เข้าไปเก็บในห้องแบบงอนๆ
แก้มนิ่มมองพร้อมกับส่ายหน้า จากนั้นก็เดินลงจากบ้านไป เดินไปขึ้นรถประจำทางหน้าบ้านกับน้ำนนท์
ลุงอำนาจเดินออกมาจากห้อง ตอนช่วงสายๆ
ไม่เห็นชายหนุ่มนอนอยู่ที่เดิมจึงมองหา ไม่อยู่บนบ้าน จึงมองลงไปข้างล่าง เห็นเขานั่งอยู่ริมน้ำ ลุงอำนาจมองสังเกตชายหนุ่มอยู่สักพัก ก็มีความรู้สึกบางอย่าง ' ทำไมหน้าตาคุ้นๆ '
ลุงเดินลงไปทักทาย
" หายดีแล้วเหรอ "
โอริคหันไปตามเสียงทักทายนั้น
" ครับ อยากออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง ที่นี่อากาศดีนะครับ "
" อืม ลุงชอบที่นี่ มันห่างไกลตัวเมือง เงียบสงบ ไม่วุ่นวายดี นี่แหละบั้นปลายชีวิต สุขสงบ เออ .. เดี๋ยวลุงจะออกไปธุระข้างนอก ว่าจะเลยไปเปิดคลินิคเลย อยู่ได้ใช่มั้ย "
" ครับ "
" อืม ตามสบายนะ "
ลุงอำนาจพูดจบก็เดินถือกระเป๋าไปขึ้นรถขับออกไป
ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่บ้านคนเดียว เป็นสิ่งที่เขาคาดหวังอยู่แล้ว เขาเดินไปที่ห้องของน้ำนนท์ เข้าไปหยิบโทรศัพท์มา ต่อสายหาแก๊ก
' ตู๊ดดดดด ! ตู๊ดดดดดด ! '
" ครับ "
" ไอ้แก๊ก "
แก๊กแค่ได้ยินเสียงเขาก็จำได้
" เจ้านาย !!! เจ้านายยังไม่ตาย ผมคิดไว้แล้วว่าเจ้านายยังไม่ตาย ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ผมจะส่งรถไปรับ "
" ไม่ต้อง "
" ทำไมล่ะครับ นายต้องรีบกลับมานะครับ ตอนนี้คุณบรูโนเครียดมาก ไม่รู้จะหาใครมานั่งตำแหน่งแทน ตอนนี้ท่านเลยลงมาดูเองครับ "
" คุณพ่ออยู่เมืองไทยเหรอ "
" ครับ "
" บอกคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ฉันปลอดภัยดี ขอจัดการภารกิจบางอย่างก่อน ไม่ต้องโทรมานะ ฉันจะเป็นคนติดต่อกลับไปเอง "
" ครับเจ้านาย "
หลังจากที่โอริควางสาย เขาจัดการลบสายโทรออกทันที
โอริคอาศัยอยู่บ้านลุงอำนาจเกือบ 2 อาทิตย์ จนแผลหายดี วันหนึ่งเขาอยากจะออกไปสำรวจดูรอบๆ แถวๆริมน้ำ ใต้ต้นไม้ใหญ่ เห็นบรรยากาศดีลมพัดเย็น จึงตัดสินใจนั่งเล่นตรงนั้น เขานั่งลงและกำลังคิดว่าใครที่อยากให้เขาตาย แน่นอนว่าศัตรูของเขานั้นมีมาก เพราะด้วยอำนาจของตระกูลวากเนอร์ ไม่มีใครกล้าต่อกรหรอก จะมีก็แต่ ... โนอา
โนอา เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกาที่อยากจะครอบครองทุกอย่างของตระกูลวากเนอร์ เขาต้องการใช้อำนาจของตะกูลวากเนอร์ในการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เขามีลูกสาวคนนึงชื่อเบลินด้า ตั้งใจจะให้แต่งงานกับโอริค เพื่อเป็นทองแผ่นเดียวกัน และอาศัยอำนาจในการจัดการทุกอย่าง และขยายอำนาจของตระกูลเขา แต่โอริคปฎิเสธ
ในเมื่อร่วมมือกันดีดีไม่ได้ แผนการโค่นล้มจึงเริ่มต้นขึ้น เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อโค่นล้มตระกูลนี้
โนอารู้ว่าโอริคคือผู้นำที่เข้มแข็งที่สุด หากไม่มีเขา ตระกูลวากเนอร์จะสั่นคลอนทันที
โอริคเองก็รู้มาตลอด เขาจึงต้องคิดหาวิธีกำจัดโนอา ถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง มันก็จะหาทางฆ่าเขาอีก เขาคิดแค่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นงูเลื้อยผ่านขาเขา
' ตีงูมันต้องตีให้ตาย อืม งูจริงๆด้วย '
" เฮ้ยยยยย!! อ๊ากกกกกกกกกกกก!!! "
เสียงร้องดังลั่นบ้าน สร้างความตื่นตกใจให้แก้มนิ่มที่พึ่งกลับมาจากมหา'ลัยกำลังจะเดินขึ้นบ้าน ต้องวิ่งกลับลงมาตามเสียงร้องนั้นไป
เมื่อไปถึง ภาพที่เห็นคือ งูเหลือมขนาดตัวเท่าแขนหญิงสาว ยาวประมาณ 1 เมตร กำลังเลื้อยอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม
ในขณะที่โอริคก็กำลังแหกปากร้องไม่หยุด และไม่กล้าขยับ เขานั่งเหงื่อท่วมอยู่ตรงนั้น แก้มนิ่มจึงเดินไปจับหางงูเหลือม เหวี่ยงลงน้ำไป
สร้างความประหลาดใจให้ชายหนุ่ม เขาช๊อค
แก้มนิ่มจึงสะกิดเขา
" คุณ คุณ ไม่เป็นไรแล้ว ลุกไหวมั้ย "
โอริคอึ้ง เขารู้สึกอับอาย หมดกันมาดมาเฟียที่สั่งสมมา มาตกม้าตายเพราะไอ้งูตัวดีเนี่ย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
เขายืนขึ้น มองผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้คือความแปลกใหม่สำหรับเขา สวย อึด ทึนทึก ไม่กลัวงู เขายิ้มน้อยๆ
' เจอละ ผู้หญิงในฝัน '
แปลกกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอ มาเฟียจะมีเมีย มันต้องเข้มแข็งแบบนี้เลย
เขายิ้มมุมปาก
" กลัวงูเหรอ " แก้มนิ่มถามสายตาล้อเลียน ทำเอาชายหนุ่มหุบยิ้มทันที พยายามรักษามาดของตัวเองไว้
" แล้วมันไม่น่ากลัวรึไง " เขาถามทำท่าเคร่งขรึม
" ตัวก็ออกโต บ้านสวนอ่ะ งูมันก็เยอะเป็นธรรมดา เจอจนชินไง แล้วคุณมานั่งทำอะไรตรงนี้ "
" ลมมันเย็นเลยมานั่งรื้อฟื้นความทรงจำ เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง "
เขาตอบหน้าตึง
" คุณไม่เหมือนคนไทยเลย ต้องไม่ใช่คนไทยแท้แน่ๆ อาจะเป็นลูกครึ่ง มีแฟนมั้ยคะ "
ชายหนุ่มรับตอบ
" ไม่มี "
" อาจจะมีก็ได้นะ หน้าตาแบบนี้ไม่น่ารอด "
" บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ "
น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด เมื่อหญิงสาวไม่เชื่อเขา
" ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลย เดี๋ยวความจำกลับมาก็จำได้เองแหละ "
เมื่อพูดแล้วหญิงสาวไม่เชื่อ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ แต่เลือกจะถามในสิ่งที่เขาอยากรู้
" คุณลงไปทำอะไรที่ท่าน้ำทุกเช้าเลย "
" หืม ใส่บาตรไง ไม่รู้จักเหรอ "
" มันคืออะไร "
" เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง คนไทยมีความเชื่อว่า การใส่บาตร คนตายจะได้รับ ฉันเริ่มใส่บาตรตั้งแต่พ่อกับแม่เสีย เพราะเป็นห่วงกลัวท่านจะหิว "
น้ำเสียงที่ฟังดูก็พอจะรู้ว่าสิ่งนี้สะเทือนใจหญิงสาวมากแค่ไหน แม้เธอจะพยายามเก็บอาการ แต่ความสะเทือนใจที่มากเกินทำให้เขาจับน้ำเสียงสีหน้าและแววตาที่เศร้าลงไปได้
แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่เข้าใจเรื่องการใส่บาตร เขาไม่เข้าใจบุญบาปอะไรพวกนี้ แต่เขาจะไม่ถามเรื่องพ่อกับแม่ของหญิงสาวให้เธอรู้สึกสะเทือนใจไปมากกว่านี้
แต่การใส่บาตรเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เขาอยากลอง
" ผมอยากลองทำบ้าง ให้ผมทำด้วยได้มั้ย "
" ได้สิคะ งั้นพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้านะคะ "
แก้มนิ่มยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แต่เป็นยิ้มที่นัยน์ตาแฝงไปด้วยความเศร้า มันทำให้เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ