อุบัติเหตุ

1371 Words
โอริค วากเนอร์ นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยเยอรมัน วัย 28 ปี สูง 189 ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงมาเฟีย เขาคือหนุ่มหล่อผู้ทรงเสน่ห์ที่สาวๆทั่วฟ้าเมืองไทยอยากเข้าหา แต่โอริคไม่เคยให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ นอกจากซื้อกินไปวันๆเวลาอยากจริงๆ ธุรกิจหลายอย่างทั้งผับทั้งโรงแรมแม้กระทั่งอสังหาริมทรัพย์ ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของตะกูลวากเนอร์ เขาทำทุกอย่างเพื่อขยายอาณาเขตความยิ่งใหญ่ในวงการมาเฟียให้ทุกคนได้เกรงกลัว 5 ทุ่ม บรืนนนนนนน !! รถยุโรปสีดำที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงกำลังแล่นอยู่บนถนนในกรุงเทพ หลังจากการประชุมพบปะลูกค้าเสร็จ และกำลังจะกลับ แก๊กบอดี้การ์ดหนุ่มของโอริค ซึ่งเป็นคนขับ เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ " แย่แล้วครับนายรถเบรกไม่อยู่ " " เปิดกระจกให้หมด หาที่ปลอดภัยลง " " ครับ นายจับดีดีนะครับ " ในช่วงเวลาระทึกแก๊กเปิดกระจกทุกบาน ปลดล็อกประตู ตัดสินใจพุ่งหลาวลงแม่น้ำ เพราะถ้าขับต่อไปก็จะเป็นถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งค่อนข้างเยอะ เขาต้องรีบตัดสินใจทันทีเพื่อรักษาชีวิตเจ้านายของเขาไว้ ' โครมมมมมมมมม ' ' ตูมมมมมมมมมม ' เสียงชนที่กั้นถนน ทำให้ศีรษะและไหล่ของโอริคไปกระแทกกับขอบประตูอย่างแรง จากนั้นรถหรูก็พุ่งลงน้ำทันที ร่างของโอริคกระเด็นออกจากตัวรถ ดิ่งลงน้ำตามรถไปติดๆ แก๊กพยายามพาตัวเองออกจากรถและช่วยเจ้านายหนุ่มของเขา เจ้านายหนุ่มที่เขาคิดว่าน่าจะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่ .... ' ไม่มี .. เจ้านายหายไปไหน ' ด้วยช่วงเวลาที่มืดสนิท และบริเวณนี้ก็แทบไม่มีไฟส่องสว่าง แก๊กใจเสีย เขาพยายามงมหาร่างเจ้านายของเขา พลางตะโกนเรียกไปด้วย " เจ้านาย เจ้านายอยู่ไหนครับ เจ้านาย " แก๊กดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้น นานนับชั่วโมง ด้วยหวังว่าจะเจอร่างผู้เป็นเจ้านาย แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เขาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างแม่น้ำ แก๊กเป็นเด็กกำพร้าที่คุณท่าน หรือคุณบรูโนพ่อของโอนิค รับเลี้ยงตั้งแต่พ่อเขาตาย พ่อของแก๊กเป็นลูกน้องของคุณท่านอีกที ส่วนแม่เสียไปตั้งแต่แก๊กอายุได้ 5 วัน แก๊กมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโอนิคเขาจึงรักโอนิคเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน แก๊กที่พยายามมองหาเจ้านายหนุ่มอย่างมีความหวัง สุดท้ายเมื่อไม่สามารถหาเจ้านายจนเจอได้ เขาจึงตัดสินใจว่าต้องติดต่อคุณท่าน แต่โทรศัพท์ก็ไม่มี แก๊กนั่งหมดหวังอยู่ตรงนั้น เขารู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาผิดเองที่ไม่ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีดี เขาเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องดูแลเจ้านายของเขาได้ แต่ .... ' ตราบใดที่ยังไม่เจอศพ เขายังเชื่อว่าเจ้านายเขายังไม่ตาย อาจจะลอยไปติดอยู่ริมฝั่งที่ไหนซักแห่ง ' แก๊กคิดอย่างมีความหวัง ............... รุ่งเช้า แก้มนิ่ม สาวน้อยวัย 22 ปี สูง 165 นักศึกษามหาลัย L ปี 4 สาขาการจัดการโรงแรม เธออาศัยอยู่กับลุงอำนาจ บ้านของแก้มนิ่มเป็นบ้านไม้สักทั้งหลัง ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังติดแม่น้ำ ฐานะไม่ได้ร่ำรวย พออยู่พอกิน พ่อแม่ของแก้มนิ่มประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่แก้มนิ่มอยู่ ม.3 เธอจึงต้องมาอยู่ในความดูแลของลุงอำนาจ พี่ชายของแม่ ลุงอำนาจเป็นหมอเปิดคลินิคของตัวเองอยู่ที่ตลาด ต้องออกไปเปิดคลินิคตอนบ่าย กลับมาบ้านก็ 4-5 ทุ่ม ลุงอำนาจมีลูกชายคนนึง ชื่อน้ำนนท์ เรียนอยู่ ม. 4 วันนี้เป็นวันหยุด แก้มนิ่มไม่ได้ไปมหา'ลัย จึงนำอาหารมาใส่บาตรพระที่บิณฑบาตทางน้ำ วันนี้ แก้มนิ่มออกมารอพระบิณฑบาตรเหมือนทุกวัน จนกระทั่งพระมา " นิมนต์ค่ะหลวงตา " แก้มนิ่มจัดการใส่บาตรเรียบร้อย จากนั้นพระก็ให้พร " อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง " " สาธุ " หญิงสาวยกมือจบท่วมหัว แก้มนิ่มเก็บสำรับใส่บาตรไปล้าง แต่ในขณะที่กำลังจะเดินขึ้นบันได หางตาเหลือบไปเห็น อะไรดำๆใหญ่ๆ ลอยตามน้ำมา มันคลับคล้ายคลับคลา แก้มนิ่มมองอยู่นาน จนแน่ใจว่า ไอ้ที่ลอยมานั่น ใช่คนแน่นะ ลักษณะเหมือนจะกอดลำกล้วยมา แก้มนิ่มมองอย่างตกใจ ตะโกนเรียกน้ำนนท์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอให้ลงมาช่วย " นนท์ นนท์ นนท์ มานี่หน่อยเร็ว " น้ำนนท์รีบวิ่งลงมาทันที " อะไรพี่แก้ม " " นนท์ดูนั่นสิ เห็นอย่างที่พี่เห็นมั้ย " แก้มนิ่มชี้ให้น้ำนนท์ดูในขณะที่น้ำนนท์ก็หันไปมองตามนิ้วพี่สาว น้ำนนท์ก็พยายามมองจนแน่ใจ " เฮ้ย !!! นั่นมันคนนี้พี่แก้ม " " นนท์ว่าตายมั้ย " ทั้งสองมองอย่างไม่แน่ใจ " ไม่รู้ นนท์ไปตามพ่อดีกว่า " ว่าจบก็รีบวิ่งไปเรียกอำนาจมาทันที " พ่อ พ่อ พ่อมาดูนี่เร็ว " ลุงอำนาจพ่อของน้ำนนท์ คิดว่ามีเรื่องอะไรจึงรีบวิ่งหน้าตื่นลงมาจากบนบ้าน " อะไรกันวะ " " พ่อมานี่เร็ว มีคนลอยมากับน้ำ ไม่รู้ตายรึเปล่า " " ฮะ ไหน ไหน พาพ่อไปดูซิ " น้ำนนท์รีบวิ่งนำไป ลุงอำนาจก็วิ่งตามไปทันที จนมาถึงท่าน้ำหลังบ้านที่มีหลานสาวยืนรออยู่แล้ว " ลุง ลุง มาเร็ว " แก้มนิ่มเร่ง " นั่นไงพ่อ " น้ำนนท์มาถึงรีบชี้ให้พ่อดู ลุงอำนาจมองตาม ที่ลูกและหลานชี้ ก็ตกใจไปอีกคน ตอนนี้ร่างนั้นลอยมาติดฝั่งห่างจากบ้านของลุงอำนาจไปไม่มากนัก ทั้งสามจึงได้กุลีกุจอช่วยกันยกร่างหนาขึ้นมาจากน้ำ ลุงอำนาจจับชีพจรจึงได้รู้ว่าเขายังไม่ตาย " ยังไม่ตาย รีบยกขึ้นไปบนบ้านก่อน เดี๋ยวจะหนาวตายซะก่อน " ทั้งสามจึงช่วยกันแบกร่างใหญ่โตนั้นขึ้นไปนอนบนบ้าน " ไอ้นนท์ถอดเสื้อผ้าออกซิ " น้ำนนท์จึงจัดการถอดเสื้อ กำลังจะถอดกางเกง ลุงอำนาจหันมาอีกที ถึงกับถอนหายใจ " ไอ้นนท์ กูให้มึงถอดเสื้อผ้าพ่อหนุ่มคนนี้ ไม่ใช่ให้ถอดเสื้อผ้าตัวเอง ไอ้ลูกเวรมันใช่เวลาเล่นมั้ยเนี่ย " " อ้าว แหะ แหะ " น้ำนนท์ยิ้มแหยๆ ด้านแก้มนิ่มที่กำลังพิจารณารูปหน้าของชายหนุ่มคนนี้ " คนอะไร หล่อขนาดนี้เลย " " นี่ก็อีกคน มัวแต่ชื่นชมความหล่อ รีบไปหาเสื้อผ้าพ่อเรามาให้เค้าใส่ไหม่เร็วๆเลย " แก้มนิ่มยิ้มแห้งๆอีกคน " แหะ แหะ " พลางวิ่งเข้าห้องตัวเอง ไปหาเสื้อผ้าเก่าๆของพ่อมาให้เขาใส่ ลุงอำนาจมองหน้าชายหนุ่มอย่างพิจารณา รู้สึกคุ้นตา แต่นึกไม่ออก ลุงอำนาจจึงตรวจเช็คร่างกายของชายหนุ่ม พบว่าคิ้วซ้ายมีบาดแผล แต่ไม่ถึงกับต้องเย็บ ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย อุณภูมิร่างกายเริ่มสูง น่าจะเกิดจากการแช่น้ำนาน โดยรวมไม่มีอะไรน่าห่วง แค่คอยเช็ดตัวจนกว่าจะฟื้น จนเที่ยง ได้เวลาที่ลุงอำนาจต้องออกไปเตรียมเปิดคลินิคที่ตลาด จึงฝากฝังกับลูกและหลานให้คอยดูแล " แก้มคอยเช็ดตัวทุกชั่วโมงนะ ระวังไข้จะสูง ถ้าเค้าฟื้นก็หาข้าวหายาให้เค้ากิน " " จ๊ะลุง " " ลุงไปละ อยู่บ้านกันดีดีล่ะ ไอ้นนท์ก็ช่วยพี่เค้าด้วย อย่าเอาแต่เล่นเกมส์ " หันไปสั่งลูกชายที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่ " รู้แล้วน่าพ่อ " ปากพูด แต่ตาและมือยังอยู่ที่โทรศัพท์ ลุงอำนาจส่ายหน้า แล้วเดินลงบ้าน ขับรถออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD