สองขาแกร่งสาวเท้าเร็วๆเดินตามน้องมายังสวนหลังบ้าน กระบอกตาคมกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณสวนที่มีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกเอาไว้สวยงาม
“ ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอหรอกนะ เธอควรไปบอกพ่อแม่ของเธอให้ฉีกไอ้สัญญาบ้าๆนั้นทิ้งไปซะ “ เสียงคมเข้มเอ่ยบอกน้องที่นั่งไหล่เล็กสั่นไหวอยู่ ไม่ต้องเห็นหน้าเขาก็รู้ว่าคนที่เอาแต่ยิ้มแววตาสดใสเมื่อกี้กำลังร้องไห้อยู่
“…..” เงียบ น้องเอาแต่นั่งเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
“ เงียบทำไม ? หรือว่าเธอเองก็อยากจะแต่งงานกับฉันจนตัวสั่น ” ดินแดนเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นน้องเอาแต่นั่งเงียบ เขาไม่ชอบเอามากๆเวลาที่สนทนากับใครแล้วอีกฝ่ายเงียบใส่มีแค่ตัวเขาเองเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้กับคนอื่นได้
“ เอาอะไรมาอยากแต่งค่ะกับคนที่ทำตัวราวกับเป็นศาลพระภูมิแบบพี่ดินแดนนะเหรอที่น้ำมนต์จะอยากแต่งงานด้วย ” แม้จะโกรธในประโยคนั้นของเขาเอามากๆแต่น้องก็ยังไม่ละทิ้งมารยาทที่มีต่อคนอื่นเสมอ
“ เธอกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นศาลพระภูมิ ไอ้ผู้หญิงจืดชืด ติ๋มๆแบบเธอแค่คิดว่าจะต้องแต่งงานด้วยฉันก็สะอิดสะเอียนจะแย่ ”
ขวับ!
ใบหน้านวลสวยหันขวับไปมองยังคนพี่ทางด้านหลังทันที ร่างบางยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินมาประจันหน้ากับคนตัวสูง
“ พี่ดินแดนก็ไปบอกคุณลุงคุณป้าสิค่ะ ว่าไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงจืดชืดแบบน้ำมนต์ไปบอกให้เขายกเลิกไอ้สัญญาบ้าๆนั่นซะ เพราะน้ำมนต์เองก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ฟังน้ำมนต์ให้ชัดๆนะคะ น้ำมนต์ก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบพี่ดินแดนเหมือนกัน “ ร่างบางเอ่ยเสียงหนักแน่นใส่คนตัวสูงแล้วสาวเท้าเดินออกไปอีกทางทันทีโดยไม่คิดที่จะรอฟังอะไรอีก
กระบอกตาคมเอาแต่มองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินไปจนสุดสายตา
“ คนอย่างมึงไม่เหมาะกับน้องกูเลยสักนิด น้ำมนต์ดีเกินกว่าจะต้องมาแต่งงานกับคนเลวๆแบบมึง ” กรเอ่ยขึ้นเขารู้สึกเป็นห่วงน้องสาวเลยเดินตามออกมาดูทันได้ยินบทสนทนาก่อนหน้าของทั้งสอง
ขวับ!
กระบอกตาคมหันไปมองตามเสียงทันที
“ หึ ! มึงคิดว่ากูอยากแต่งกับน้องมึงมากแต่ก็ดีในเมื่อประเคนมาให้กูๆ กูเนี่ยแหละจะยัดเยียดสถานะผัวให้น้องมึงเอง อีกอย่างหน้าที่ของน้องมึงคือเรื่องบนเตียงอย่างเดียวแต่อย่าคิดว่ากูจะพาออกหน้าออกตาทางสังคม “ ดินแดนเอ่ยขึ้นมันเป็นประโยคที่เหยียดหยามกรได้เป็นอย่างดีเพราะเขารักน้องสาวคนเดียวของเขามาก
” ไอ้เหี้ยดิน มึงมันเหี้ย “ กรเอ่ยด่าเพื่อน กรามหนาบดเข้าหากันแน่นจนสันกรามนูนชัดขึ้น
” เออ! กูมันเหี้ยแต่ไอ้เหี้ยตัวนี้แหละที่กำลังจะเป็นผัวน้องมึง “
“ ถ้ามึงขมเหง รังแกน้องกูเมื่อไหร่กูเอามึงตายแน่ ” นิ้วแกร่งชี้หน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องก่อนจะเอ่ยบอกออกไป
“ กว่ากูจะตายน้องมึงคงได้ขึ้นสวรรค์ไปกับกูก่อน ” ดินแดนเอ่ยพูดพลางสาวเท้าเดินกลับไปทางเดิมทันที ร่างหนาของกรยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมือหนาสองข้างกำเข้าหากันแน่น
ดินแดนสาวเท้าเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่อีกครั้งด้วยอารมณ์หงุดหงิดนอกจากน้องจะทำให้เขาหงุดหงิดแล้วยังมีกรเพื่อนที่ไม่ลงรอยกับเขาเข้ามาสุมไฟโทสะในใจของเขาให้ลุกโชนขึ้นไปกว่าเดิม
“ อ้าว! ดินแล้วน้องละ ” คุณหญิงกาญจนาเอ่ยถามลูกชายออกไปเมื่อไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้เดินกลับมาด้วย
พรึบ!
“ ไม่ทราบครับ ” ดินแดนเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างผู้ที่มีอารมณ์ครุกรุ่นอยู่ รังสีความหงุดหงิด ไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาจากร่างหนาจนผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆรับรู้ได้
“ ไปทะเลาะกับน้องมาใช่ไหม “ คุณหญิงกาญจนาเอ่ยถามลูกชายเบาๆแค่เพียงให้ได้ยินกันสองคน
”……“ ไอ้ลูกชายตัวดีก็เอาแต่นั่งเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา
” งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับไว้เราค่อยนัดวันเวลาไปหาฤกษ์แต่งกัน “ ท่านมาเฟียธีระเอ่ยบอกเจ้าของบ้านของทั้งสองเมื่อก้มมองเวลาพบว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว
“ ครับ ขอบคุณที่มาร่วมทานมื้อค่ำด้วยกันครับ ” ท่านธงชัยเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินนำแขกมาส่งยังรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน สองขาแกร่งเดินตามผู้ใหญ่ออกมาเงียบๆ
“ อ้าว! หนูน้ำมนต์ ” คุณหญิงกาญจนาเอ่ยเรียกว่าที่ลูกสะใภ้เมื่อเห็นร่างบางเดินกลับเข้ามาพร้อมกับพี่ชาย ใบหน้านวลสวยคลี่ยิ้มให้ผู้ใหญ่อย่างมีมารยาทแต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นมันมีทั้งความทุกข์ ความเศร้ามากๆมายซ่อนอยู่
“ คุณป้าจะกลับแล้วเหรอคะ ”
“ ใช่จ๊ะ ขอป้ากอดหนูหน่อยสิ ” แขนเรียวของคุณหญิงกาญจนาว่าที่แม่สามีอ้าแขนออกกว้างสองขาเรียวสาวเท้าเดินเข้าไปหาอ้อมกอดของผู้ใหญ่ด้วยความเต็มใจ
“ แม่ดีใจนะที่จะได้หนูน้ำมนต์มาเป็นลูกสะใภ้ ” คุณหญิงกาญจนาแทนตัวเองด้วยคำว่า แม่ กับคนในอ้อมกอดทันทีมันทำให้น้ำมนต์รู้ว่า การจะยกเลิกงานแต่งที่ไม่เต็มใจในครั้งนี้คงไม่ง่าย กระบอกตาสวยทอดสายตามองไปยังดินแดนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้เป็นแม่แค่เพียงครู่เดียวเธอก็ชักสายตากลับทันที คนพี่เอาแต่ยืนมองดวงตาคู่สวยที่บวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มานิ่ง
เขาไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นไม่สงสาร ไม่เห็นใจ ไม่เอ็นดูในความน่ารักสดใสและก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอด้วย
“ ต่อไปนี้ไม่เรียกป้าแล้วนะลูกให้เรียกแม่เหมือนพี่เขานะ “ คุณหญิงกาญจนาเอ่ยบอกฝ่ามือที่เริ่มเหี่ยวย่นลูบไปที่เรียนผมสวยราวกับเส้นไหมอย่างเบามือ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าไอ้ลูกชายตัวดีของเธอคงไปหาเรื่องทะเลาะกับว่าที่ลูกสะใภ้จนอีกคนร้องไห้กลับมา
ร่างบางผละกอดออกจากคุณหญิงแขกทั้ง 3 ก็พากันขึ้นรถกลับทันทีเหลือเพียงน้ำมนต์กับครอบครัวที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
” ฮือ! แม่คะ น้ำมนต์ไม่แต่งงานได้ไหมคะ” น้ำมนต์ปล่อยโฮออกมาทันทีเมื่อรถของผู้มาเยือนเคลื่อนตัวออกไป ใบหน้านวลสวยที่เคยสดใสอาบไปด้วยหยาดน้ำตา
“ ยกเลิกสัญญาไม่ได้เหรอคะ ” น้ำมนต์เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ น้ำมนต์ฟังแม่นะลูกยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับพี่ดินแดนตามสัญญาที่คุณปู่ของทั้งสองบ้านตกลงกันเอาไว้ ”
“ สัญญาอะไรละคะ ทำไมต้องเป็นน้ำมนต์กับพี่เขาคนไม่รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไงคะแล้วความรู้สึกของน้ำมนต์ อนาคตของน้ำมนต์อยู่ตรงไหนทุกคนเคยคิดถึงใจของน้ำมนต์กันบ้างไหมคะ ฮือ! ” น้ำมนต์เอ่ยพูดออกไปยาวเหยียดและปล่อยโฮออกมาอีกครั้งจนพ่อแม่และพี่ชายอึ้งไปทันทีนี่คงเป็นครั้งแรกที่น้ำมนต์ดูสิ้นหวังในตัวเองได้มากขนาดนี้
อนาคตที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้เรียนจบ ทำงานที่ตัวเองรัก ใช้ชีวิตให้ความสุขและเรียบง่ายวันนี้เหมือนทุกคนกำลังดับฝันเธอด้วยสัญญาการแต่งงานที่เธอไม่เต็มใจและเขาก็ไม่เต็มใจ
พรึบ!
“ น้ำมนต์ร้องไห้ออกมา น้ำมนต์ปล่อยมันออกมาให้หมดร้องให้กับพี่ตรงนี้ “ มือหนาของพี่ชายดึงน้องสาวเข้ามากอดแน่นก่อนจะบอกน้องออกไป ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ได้แต่เงยหน้าเพื่อให้น้ำสีใสที่มันกำลังจะไหลออกย้อนกลับเข้าไปอยู่ที่เดิม น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาควรจะต้องมีความสุขมากที่สุดในวันเกิดครบ 25 ปีของเธอแต่สำหรับน้องวันนี้มันคงเป็นวันที่ทุกข์ที่สุด น้องควรจะได้ยิ้ม ได้หัวเราะในวันนี้ไม่ใช่มายืนร้องให้หมดหวังอยู่แบบนี้
^^