MY MAFIA. 11

2007 Words
MY MAFIA. 11 “ต้นหอม...” “…” “ยัยต้นหอม!” “…” “ต้นหอมโว้ยยยย!!” “อะ...อะไร!? มึงจะเสียงดังทำไมอยู่ใกล้แค่นี้เอง” ฉันสะดุ้งตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปบ่นไอ้ทราฟฟิคที่มันมาตระโกนใส่หูฉันเมื่อสักครู่นี้ ฉันไม่ได้หูหนวกขนาดนั้นสักหน่อย ที่จะได้มาตะโกนใส่เสียงดังขนาดนี้ ถ้าแก้วหูฉันแตกขึ้นมาจะทำยังไง “เออ ตอนนี้กูอยู่ใกล้กับมึงมาก แต่กูเรียกมึงจนปากกูจะฉีกอยู่แล้ว แต่มึงก็ไม่ได้ยินกูสักที” ทราฟฟิคพูดขึ้นด้วยสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำหวานขึ้นมาดูดพร้อมกับเอนตัวลงไปพิงกันพนักโซฟาของร้านคาเฟ่แถวๆ บริษัทของฉัน “ช่วงนี้มึงเหม่อบ่อยมาก ยังไม่ดีขึ้นเหรอวะ” มันวางแก้วน้ำหวานลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถามออกมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างจริงจัง ก็ไม่แปลกถ้ามันจะถามแบบนี้ เพราะช่วงนี้ฉันก็รู้ตัวเองว่าฉันเหม่อบ่อยอย่างที่มันพูดจริงๆ แล้วอีกอย่างในบรรดาเพื่อนช่วงนี้ฉันเจอมันมากที่สุด เพราะมันมักจะมาหาหรือชวนฉันไปนู้นไปนี่บ่อยๆ ถ้าไม่ไปก็บังคับให้ไปจนได้ ส่วนยัยฟ้าใสช่วงนี้ก็เจอกันบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะมันก็ยุ่งๆ กับที่ร้านมัน หลังจากวันนั้นฉันก็อาการแย่เยอะอยู่เหมือนกัน แย่ทั้งร่างกาย แย่ทั้งสภาพจิตใจ แต่มันก็ดีขึ้นมาจากเดิมบ้างเล็กน้อย เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้มายุ่งวุ่นวายหรือทำเรื่องแบบนั้นกับฉันอีก ซึ่งมันก็ดีแล้ว แต่ที่มันไม่ดีก็คือ...วันนี้เขาส่งข้อความมาหาฉัน บอกว่าจะมารับฉันให้ไปอยู่กับเขา ฉันไม่อยากไปแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จะหนีเขาด้วยวิธีไหน ก็เลยต้องมานั่งเครียดอยู่แบบนี้นี่ไง “กู...ไม่รู้ว่ะมึง มันบอกไม่ถูก เฮ้อ” เหมือนฉันอยากจะพูดหรืออธิบายอะไรสักอย่างออกมา แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้มันตรงกับความรู้สึกของฉันตอนนี้ จริงๆ ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันเป็นอะไร แต่ฉันก็ไม่รู้จะพูดจะอธิบายให้มันฟังยังไงดี “โอเค กูเข้าใจมึง มึงไม่ต้องพูดก็ได้” ทราฟฟิคพูดขึ้นมาพร้อมกับแสดงสีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงออกมา เมื่อเห็นท่าทางและสีหน้าของฉันตอนนี้ “กูก็ไม่รู้จะบอกมึงยังไงดีว่ะ คือจริงๆ ไอ้เวกัสมันก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรนะ...” !! “อย่าเพิ่งมองกูแบบนั้น ฟังกูพูดให้จบก่อนสิวะ” มันรีบพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นฉันมองมันด้วยสายตาที่ไม่พอใจ หลังจากที่ได้ยินมันพูดว่าเขาคนนั้นไม่ใช่คนเลวร้าย เหอะ! พูดออกมาได้ไงว่าไม่ได้เลวร้าย แล้วดูที่เขาทำกับฉันสิ? คนดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน “เหอะ!” ฉันแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับสะบัดหน้าหันไปทางอื่น “กูเข้าใจเว้ยว่าสิ่งที่มันทำกับมึงมันมากเกินไป อันนี้กูไม่เถียง...แต่ที่กูจะพูด กูก็ไม่ได้จะแก้ตัวอะไรให้มันทั้งนั้น” ฉันเงียบไม่พูดอะไรต่อ และไม่ได้หันกลับมามองหน้ามันแต่อย่างใด ทราฟฟิคมันรู้เรื่องที่เพื่อนมันทำกับฉันทั้งหมดแล้วล่ะ ฉันเป็นคนเล่าให้มันฟังเอง จริงๆ ถึงฉันไม่เล่ามันก็รู้อยู่ดี เพราะมันขึ้นชื่อว่าเป็นคนขี้เสือกที่สุดในกลุ่ม “โอเคๆ งั้นก็ช่างมันเถอะ กูไม่พูดแล้วก็ได้” มันพูดขึ้นมาอีกครั้ง คงจะเห็นว่าฉันไม่อยากฟังที่มันจะพูดนั่นแหละถึงได้ไม่พูดอะไรต่อ แต่นั่นก็ดีแล้ว...เพราะฉันก็ไม่ได้อยากจะฟังความดีความงามอะไรของเพื่อนมันเลย และฉันก็เชื่อสิ่งที่ฉันเห็นสิ่งที่ฉันเจอมากับตัวมากกว่า “แต่กูขอเตือนมึงไว้เลยนะต้นหอม คนอย่างไอ้เวกัสน่ะ มันเป็นคนที่เด็ดขาด และยิ่งมึงต่อต้านมันเท่าไหร่มันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น” ฉันค่อยๆ หันกลับมามองหน้าทราฟฟิคเมื่อมันใช้น้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าเดิม “แล้วกูต้องอยู่เฉยๆ แล้วเป็นฝ่ายโดนกระทำแบบนี้ตลอดไปเลยน่ะเหรอ” ฉันพูดสวนขึ้นไปทันทีที่มันพูดจบ ฉันก็พอจะรู้นะว่าเขาเป็นคนแบบนั้น แต่จะให้ฉันยอมให้เขาทำอะไรกับฉันก็ได้โดยที่ฉันไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ มันเกินไปหรือเปล่า โคตรไม่ยุติธรรมเลย “มันก็ดีกว่าที่มึงต้องเจ็บตัวไม่ใช่เหรอ ตอนนี้น่ะอะไรที่ยอมมันได้มึงก็ยอมมันไปก่อน” “…ไม่มีวิธีไหนแล้วเหรอวะ ที่ทำให้กูไม่ต้องทนอยู่แบบนี้” ฉันพูดออกไปเสียงเบาอย่างคนหมดหนทาง “กูก็พยายามช่วยมึงอยู่ แต่กูพูดตรงๆ เลยนะ ไอ้เวกัสมันเป็นเพื่อนกูก็จริง แต่กูเดาทางมันไม่ออกแล้วก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้มันกำลังคิดอะไรอยู่” “…” “กูลองคุยเรื่องมึงกับมันหลายครั้งแล้ว แต่คำตอบที่กูได้คือความเงียบและสีหน้านิ่งๆ ของมัน กูก็เลยทำไรไม่ได้” ฉันเข้าใจ...ฉันรู้ว่าทราฟมันอยากช่วยฉันมากแค่ไหน แต่มันก็คงทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว อีกอย่างคือฉันก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของผู้ชายคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว "ทนอยู่กับมันไปก่อนนะต้นหอม บางทีมันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้" "มึงคิดว่ามันจะมีวันนั้นด้วยเหรอ?" เพราะฉันแทบจะมองไม่เห็นทางที่จะมีวันนั้นเลย เหตุผลหลักๆ เลยก็คือ หนึ่ง...ตัวฉันเองก็ไม่ชอบและเกลียดเขาอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สอง...เขาเองก็ไม่ชอบและเกลียดฉันมากเหมือนกัน ถ้าข้องใจอะไรให้กลับอ่านทั้งสองข้อใหม่ และนี่แหละคือเหตุทั้งหมด เพราะฉันนั้นมันแทบไม่มีหวังเลยว่าฉันกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ “งั้นเอางี้มั้ยล่ะ” ทราฟฟิคเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “อะไร” ฉันถามอย่างไม่ไว้ใจ พอเห็นไอ้ทราฟฟิคทำสีหน้าแบบนี้ทีไรรู้สึกระแวงทุกที และฉันคิดว่าตอนนี้มันก็คงกำลังคิดอะไรพิเรนทร์ๆ ที่คนอื่นเขาไม่ทำกันอยู่แน่ๆ [อยู่ไหน!?] ปลายสายพูดขึ้นมาทันมีด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดทันทีที่ฉันกดรับสายของเขา "กำลังจะกลับ แค่นี้นะขับรถอยู่" ฉันตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงปกติ วันนี้ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขามาก เพราะฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยงานยังพอทนได้ แต่เหนื่อยใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่สิ [เดี๋ยว!] และในขณะที่ฉันกำลังจะกดวางสายนั้น ก็มีเสียงเกี้ยวกราดของเขาดังขึ้นมาซะก่อน "มีอะไร ฉันขับรถอยู่นะ" [ฉันนัดเธอกี่โมง?] "นี่! อย่าเพิ่งมาหาเรื่องฉันตอนนี้ได้มั้ย วันนี้ฉันเหนื่อย" ฉันพูดออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย แค่เหนื่อยเฉยๆ ไม่พอยังมีแววว่าไมเกรนจะขึ้นอีก เพราะฉันรู้สึกปวดที่ศีรษะด้านขวา [ฉันถามว่าฉันนัดเธอไว้กี่โมง!] พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็ถามฉันอีกครั้งด้วยเสียงที่ดุดัน ฉันก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็เลยต้องจำใจตอบเขาไป... "สี่โมง" [แล้วตอนนี้มันกี่โมงแล้ว] ฉันเหลือบตาไปมองนาฬิกาหน้ารถเล็กน้อยก่อนจะตอบเขาไป "ห้า" [เธอเลต] "ฉันรู้แล้ว..." [...และฉันไม่ชอบ!] น้ำเสียงเย็นๆ ของเขาที่พูดออกมาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำให้ฉันชะงักไปนิดหน่อยพลางนึกถึงคำพูดของทราฟฟิคที่มันพูดกับฉันวันนี้... 'แต่กูขอเตือนมึงไว้เลยนะต้นหอม...คนอย่างไอ้เวกัสน่ะ มันเป็นคนที่เด็ดขาด และยิ่งมึงต่อต้านมันเท่าไหร่มันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น' 'แล้วกูต้องอยู่เฉยๆ แล้วเป็นฝ่ายโดนกระทำแบบนี้ตลอดไปเลยน่ะเหรอ' 'มันก็ดีกว่าที่มึงต้องเจ็บตัวไม่ใช่เหรอ?...ตอนนี้น่ะอะไรที่ยอมมันได้มึงก็ยอมมันไปก่อน' ยอมงั้นเหรอ... มันจะเป็นวิธีที่ดีใช่มั้ย มันจะดีกับฉันแน่ๆ ใช่หรือเปล่า? หากฉันยอมเขา... '...งั้นเอางี้มั้ยล่ะ?' ฉันนึกถึงวิธีที่ได้ทราฟฟิคมันแนะนำมาก่อนเราจะแยกย้ายกันออกมา 'อะไร' 'หึ!...ที่มันทำกับมึง มึงก็คงแค้นมันอยู่ไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ย' ทราฟฟิคมันแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ฉันมองหน้ามันอย่างระแวงๆ ก่อนจะตอบมันออกไป 'เออ กูแค้น!' บอกเลยว่าสิ่งที่เขาทำกันฉันน่ะ ฉันแค้นมากๆ โดยปกติแล้วฉันก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้ว แต่แค่ฉันมักจะเก็บมันไว้ในใจตลอด แต่ครั้งนี้ฉันว่าฉันทนเก็บไว้ไม่ได้หรอก อกแตกตายกันพอดี 'ทำให้มันรักมึงสิ เอาคืนสิ่งที่มันทำกับมึง' 'เหอะ! คงจะทำได้หรอก เกลียดกูขนาดนั้น' อีกอย่างฉันไม่ต้องการให้เขามารักฉันเลยสักนิด 'ไม่ลองก็ไม่รู้นะเว้ย...มึงไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าวิธีกำจัดศัตรูที่ดีที่สุดคือการทำให้อีกฝ่ายตายใจ' ฉันนั่งนิ่งฟังที่มันพูดพลางคิดตามไปด้วย 'อีกอย่างนะ...มันก็คงไม่เสียหายไปมากกว่านี่แล้วล่ะ มึงกับมันก็ถึงขั้นมีอะไรกันแล้ว และกูเชื่อว่ามันคงไม่ทำกับมึงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว...' ก็จริง ฉันต้องอยู่กับเขาไปอีกตั้งสองปี เรื่องแบบนั้นมันคงเกิดขึ้นอีกหลายๆ ครั้งแน่ 'มันจะดีกว่าถ้ามึงยอมมันดีๆ และทำให้มันรักมึงให้ได้ แต่มึงอย่าไปตกหลุมรักมันเองล่ะ' 'ไม่มีทาง! กูไม่มีทางรักคนแบบนั้นได้' ฉันรีบพูดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินไอ้ทราฟฟิคพูด 'กูแค่พูดเผื่อไว้...เพราะถ้ามึงรักมันแต่มันไม่ได้รักมึง คนที่จะเจ็บก็คือตัวมึงเอง มึงรู้ใช่มั้ย?' 'รู้ แต่กูมั่นใจ ว่ายังไงกูก็ไม่มีทางรักคนแบบนั้นแน่ๆ!' 'ก็ดี แต่บอกตรงๆ ว่ากูไม่ได้อยากแนะนำมึงแบบนี้หรอกเพราะมึงทั้งสองก็เป็นเพื่อนรักกูทั้งคู่ แต่ถึงยังไงกูก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้กัสมันทำกับมึง กูก็เลยไม่อยากให้มึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่คนเดียว กูแนะนำมึงได้แค่นี้...ที่เหลือก็มึงคิดเองละกัน' 'เออ' 'และกูจะพยายามช่วยมึงให้ถึงที่สุด' 'เออ ขอบใจมึงมาก' [เงียบ อยากลองดี?] เสียงหงุดหงิดจากปลายสาย ทำให้สติของฉันกลับมาอีกครั้ง ทำให้รักงั้นเหรอ... ฉันคิดว่ามันยากเกินไปที่จะทำให้คนแบบนั้นมารักฉันได้ แต่ก็คงดีกว่าไม่ทำอะไรเลย... "ฉัน...ขอโทษ" 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD