#หลายอาทิตย์ต่อมา
"รออะไรอยู่ครับ ?" นายหัวคาวีเอ่ยถามป้าพร แม่บ้านที่ปกติจะเข้านอนแต่หัววันเพื่อตื่นเช้ามาทำอาหารและทำงานบ้าน แต่ตอนนี้กลับยังไม่ยอมนอน เหมือนกำลังนั่งรอใครสักคนอยู่
"เอ่อ..."
"อย่าบอกนะครับ ว่าแม่ตัวดียังไม่กลับ"
"....." ป้าพรได้แต่พยักหน้าตอบ เพราะไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน มันก็เรื่องจริงแหละที่น้ำตาลยังไม่กลับ เธอไปไหนก็ไม่รู้จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับ
"ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ" นายหัวคาวีเท้าเอวด้วยท่าทางที่ขึงขัง พร้อมกับพูดเสียงเข้มออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์
"เดี๋ยวก็คงกลับมั้งคะ คงมีธุระ" ป้าพรช่วยพูดแก้ตัวให้
"จะไปไหนควรบอกกันก่อนนะครับ ไม่ใช่หายไปแบบนี้"
"นายหัวไปนอนเถอะ เดี๋ยวป้ารอเอง"
"ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ต้องคุย ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เดี๋ยวจะได้ใจใหญ่"
ไม่นานนักร่างเล็กก็เดินฝ่าความมืดของถนนเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะเป็นที่ส่วนตัว ไฟรายทางจึงไม่มี มันเป็นความมืดสนิทที่รอบข้างเป็นป่าและหนาวเหน็บจากบรรยากาศของพื้นที่แถบนี้
"นะ นั่นไงคะ คุณหนูกลับมาแล้ว" ป้าพรรีบพูด เมื่อเห็นชัดเจนว่าเจ้าของร่างที่เดินฝ่าความมืดมาคือใคร ก่อนจะรีบเดินเข้าไปรับด้วยความเป็นห่วง
"ยังไม่นอนอีกหรือคะป้าพร"
"จะนอนได้ยังไง ป้าพรเขาห่วงเธอ ถึงได้รอดึกดื่นแบบนี้" นายหัวคาวีพูดแทรกขึ้นมา
"ขอโทษค่ะ"
"เธอกับฉันเราต้องคุยกัน"
"วันอื่นได้ไหมคะ วันนี้หนูเหนื่อย"
"เกิดเรื่องแล้วก็ต้องคุยเลย จะได้รู้เรื่องกัน"
"....."
"ตามมา"
น้ำตาลได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังของนายหัวคาวีที่หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก็คงจะถูกเขาต่อว่าอีกตามเคยนั่นแหละ มีเรื่องอะไรบ้างที่เขาจะไม่ต่อว่าเธอ
"ไม่เป็นอะไรนะคะคุณหนู ฟังอย่างเดียวก็พอค่ะ อย่าเถียงเลยนะคะ จะได้ไม่เป็นเรื่องกัน"
"หนูจะพยายามค่ะ"
เธอเดินตามเข้าไปข้างใน ซึ่งป้าพรเองก็เดินตามหลังมาด้วยติด ๆ นั่นแหละ
"ไปไหนมา ?"
"บ้านเพื่อนค่ะ"
"พูดความจริง เธอไม่ได้ไปที่นั่น ฉันโทรเช็คแล้ว"
"....." น้ำตาลถอนหายใจแรง เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าจะคำตอบแบบไหน ก็ถูกเขาว่าอยู่ดีนั่นแหละ แค่มันไม่รู้จะบอกยังไงเท่านั้นเอง
"ไปไหนมา" นายหัวคาวีพูดเสียงเข้มใส่ สายตานั้นจ้องมองเค้นเอาคำตอบจนเสียวสันหลังไปหมด
"หลงทาง"
"ห๊ะ ??"
"นั่งรถเข้าเมือง แล้วกลับไม่ได้ หลงทาง" พูดเสียงแผ่ว
"แล้วเข้าเมืองทำไม ในเมื่อรู้แล้วว่ามันไกล กว่าจะเลิกเรียนก็เย็นแล้ว นั่งรถเข้าเมืองอีกกว่าจะถึงกว่าจะกลับ"
"เรื่องส่วนตัวค่ะ"
"ฉันเป็นผู้ปกครองเธอนะ จะไปไหนมาไหน ก็ควรบอกหน่อยสิ ที่นี่มันไม่ใช่บ้านเธอนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง"
"เอาเป็นว่า หนูขอโทษก็แล้วกันค่ะ ส่วนเหตุผลหนูขอไม่บอก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว หนูโตแล้วค่ะ มีเรื่องส่วนตัวเป็นของตัวเองเหมือนกัน ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ขอตัวไปพักก่อนนะคะ"
เธอพยายามที่จะไม่เถียงเขาตามที่ป้าพรขอไว้ แต่คำพูดของเขาก็คอยแต่จะหาเรื่องตลอดเลย แล้วจะให้เธอทำยังไงได้ คนไม่ยอมคนสองคนมาเจอกันแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากไฟกับไฟนั่นแหละ นอกซะจากจะมีคนยอมเป็นน้ำเพื่อดับร้อน
"ใจเย็น ๆ นะนายหัว เดี๋ยวป้าดูแลเอง อย่าต่อว่าเธอเลย แค่สูญเสียพ่อแม่ไปก็เจ็บมากพอแล้ว อย่าซ้ำเติมเธอนักเลย"
"ผมไม่ได้ซ้ำเติมครับ แต่เธอทำไม่ถูก ที่นี่มันอันตราย แล้วถ้ามีคนทำร้ายเธอขึ้นมาจะทำยังไงครับ"
"ค่อย ๆ ให้เธอได้เรียนรู้ค่ะ เธอเพิ่งมาอยู่ใหม่ ยังไม่เข้าใจอะไรมากนักหรอกค่ะ"
"ยังไงก็คงต้องฝากด้วยนะครับ ผมดูแลเด็กไม่เป็นหรอก" พูดพร้อมกับถอนหายใจ เพราะตั้งแต่พ่อแม่จากไป ตัวเองก็ขึ้นแท่นนายหัวต่อจากพ่อ รับช่วงต่องานต่าง ๆ ทำแต่งานไม่ได้มุ่งเรื่องบนเตียงหรือมีแฟนเลย ยิ่งเป็นเรื่องเลี้ยงเด็กอีกนะ ไม่ต้องคิดเลย ครึ่งชีวิตของเขาอยู่แต่กับงานในสวนที่พ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้ ก็เลยกลายเป็นคนห้วน ๆ อ่อนหวานไม่เป็นแบบนี้
**************
น้ำตาล Talk
ฉันทิ้งตัวนั่งลงกับเตียงนอน ก่อนจะหยิบข้าวของออกมาจากระเป๋าของตัวเอง มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ส่วนมาก็เป็นเงินนั่นแหละ ทุกวันนายหัวคาวีนั่นจะให้ฉันวันละร้อยบาท และเงินต่าง ๆ ที่ฉันเคยได้ฉันจะยังไม่มีสิทธิ์เอาออกมาใช้ จนกว่าจะอายุถึง 20 เขาบอกว่าอายุแบบฉันมันไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ๆ แบบนั้น แต่ยังดีที่ฉันพอจะมีเงินสดติดตัวมาอยู่บ้าง
และวันนี้ที่กลับบ้านช้า ก็เพราะหลงทางจริง ๆ นั่นแหละ ครั้งแรกเลยที่ฉันเข้าเมือง ก็คิดว่าเมืองที่ไหนมันคงเหมือน ๆ กันหมดแหละ ขากลับเดี๋ยวนั่งแท็กซี่เอาก็ได้ แต่สรุปว่ามันไม่มีเลย ฉันต้องนั่งรถต่อกันเป็นทอด ๆ แต่ก็ดันไม่รู้ที่รู้ทางอะไรกับเขาเลย แต่ยังดีที่มีคนใจดีเขาพามาส่งถึงหน้าปากซอย
มาครั้งแรกแบบงมเข็มในมหาสมุทรเลย ไม่ได้ถามเพื่อนหรือถามใครเลย ฉันไม่ชอบให้ใครตั้งคำถามว่าฉันจะไปไหนทำอะไร เพราะบางอย่างก็ไม่ได้อยากบอก
ก็ไม่ได้โทษใครหรอก เพราะปกติฉัน ก็เป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยปรึกษาใครอยู่แล้ว คิดแค่ว่าตัวเองทำได้ คิดแค่ว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาก็พึ่งตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว แต่คิดน้อยไปจริง ๆ
ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าฉันจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ฉันจะต้องทำยังไง นั่งรถยังไง หรือติดต่ออะไรใครที่ไหน ก็แค่อยากกลับบ้านเท่านั้นเอง เพราะฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้เลย
อยู่ที่นี่ฉันรู้สึกอึดอัด ไม่มีความสุขตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปแล้วล่ะ มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ไม่รู้จะเอายังไงต่อ ต้องเดินทางไหนไปยังไง รู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้ตัวเองเดินได้เพราะมีคนอื่นจูงมากกว่า เพราะตั้งแต่พ่อแม่ตายไปทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉันมันก็เขวไปหมดเลย
ชีวิตที่มีพ่อแม่คอยเป็นกำลังใจ คอยเป็นหลักให้ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กลับจากฉันไป ฉันทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ความคิดทุกอย่างในหัวสมองของฉันมันถูกลบออกไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะเอาแต่ไปจับจ้องอยู่ที่หน้าประตูมากกว่า ว่าเป็นใครกันที่มาตอนนี้
"ป้าเองนะคะคุณหนู"
"ป้าพร ? มีอะไรหรือเปล่าคะ นึกว่านอนไปแล้ว" ฉันมองนาฬิกาข้อมือแล้วรีบเดินออกไปเปิดประตู นี่มันก็ดึกแล้วล่ะ เพราะตอนที่ฉันกลับมาถึงมันก็ค่ำจนมองไม่เห็นทางแล้ว
"ป้าเดาว่าคุณหนูคงยังไม่ได้กินอะไร ป้าแบ่งอาหารไว้ให้ค่ะ" ป้าพรยื่นถาดอาหารให้กับฉัน ซึ่งในถาดอาหารนั้นก็มีกับข้าวที่ไม่ได้เผ็ดมากไว้ให้
"ขอบคุณนะคะ"
"ไม่ต้องคิดมากนะคะ นายหัวเขาแค่เป็นห่วงค่ะ ที่นี่ตกดึกแล้วมันอันตราย ทั้งโจรทั้งขโมย ทั้งคนร้าย มันชุมไปหมด"
"ขอบคุณที่เตือนนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหารด้วย ป้าพรนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการล้างเอง"
"จ้ะ งั้นก็พักผ่อนนะ"
"ขอบคุณค่ะ"
จะว่าไปป้าพรแกก็ดีกับฉันมากเลยนะ ดูเอ็นดูฉันอย่างกับลูกกับหลานแน่ะ ทั้งที่ฉันนิสัยเสียไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นคนอื่นคงไม่ชอบหน้าฉันไปแล้ว เหมือนกับนายหัวคาวีไง
ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะ ไม่ได้อยากเป็นเด็กนิสัยเสียเถียงผู้ใหญ่เลย และไม่ว่าเรื่องอะไร ฉันไม่ได้อยากทำให้เหมือนตัวเองดูร้ายเลย ถ้าไม่มายุ่งกับฉันก่อน ไม่มาว่าฉันก่อน ฉันแค่รู้สึกว่าถ้าตัวเองถูกต่อว่าโดยที่ไม่ยุติธรรม และไม่เป็นความจริง ก็จะไม่ยอม เพราะมันเป็นเหมือนการถูกด่าฟรี
แต่จากนี้ฉันคงต้องพยายามข่มอารมณ์ให้มากแล้วสิ เพราะดูนายหัวคาวีนั่นก็คงจะเป็นคนที่ไม่ยอมใครเหมือนกัน