พุดน้ำบุษย์ไม่ได้คิดไปเองแต่ทว่าทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะที่เป็นเป้าหมาย บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดแปลกๆก็เกิดขึ้นทันที ท่าทางเลิกลั่กมองหน้ากันไปมาของเพื่อนสนิทของสามีทำให้หญิงสาวอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ทว่าสิ่งที่ทำคือการยิ้มหวานกว้างๆแจกจ่ายให้ทุกคนบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ที่สามีขยับให้
เก้าอี้ของพุดน้ำบุษย์ติดกับนายแพทย์ธนบดีหรือคุณหมอแทนสุดหล่อของพี่ๆนักข่าว ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์คนดังที่เพิ่งมีข่าวร้อนฉ่าดรามาเดือดกับดาราสาวดาวรุ่งไปเมื่อหลายวันก่อน ถึงจะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือว่าสนิทสนมกับเพื่อนของสามีทุกคน แต่ทว่าหญิงสาวก็พอจะรู้ว่านายแพทย์ออร์โธฯคนดังหนุ่มฮอตเนิร์ดที่นั่งข้างเธอเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของสามีที่คบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกับศิลา
พุดน้ำบุษย์ส่งยิ้มให้นายแพทย์หนุ่มอีกครั้งไม่แปลกใจว่าทำไมคนข้างๆเธอถึงได้รับฉายาให้เป็นหนุ่มหล่อฮอตเนิร์ดประจำปีจากพี่ๆนักข่าว ก่อนจะหันไปมองสามีที่นั่งข้างกัน ถัดไปถึงเป็นที่นั่งของศิลา... แต่ทว่าพอเบนสายตามองไปฝั่งตรงข้ามก็ต้องนิ่งงันเมื่อที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับปิยังกูรเป็นที่นั่งของคุณหมอขวัญดาวอดีตคนรักเก่าของสามีพอดิบพอดีราวกับว่ามันถูกล็อกมงเอาไว้ให้คนทั้งคู่
พุดน้ำบุษย์คอแข็งพูดไม่ออก ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยประกายไหววูบ ความรู้สึกวูบโหวงหน่วงๆพวยพุ่งขึ้นมาจนแน่นหน้าอก จนต้องเม้มปากแน่นพยายามกักเก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ไม่ให้ตัวเองแสดงออกมากจนเกินไป ก่อนจะค่อยๆเป่าพรูลมหายใจออกมาช้าๆเบาๆ พยายามคิดว่ามันก็คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญนั่นแหละ...มั้ง
หรือต่อให้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วเธอจะไปทำอะไรได้
ให้ขอเปลี่ยนที่นั่งกับสามีงั้นเหรอ?
ถ้าพุดน้ำบุษย์ทำแบบนั้นจริง ก็คงไม่พ้นถูกปิยังกูรต่อว่าว่าไร้สาระอีกตามเคย
ซึ่งถ้าทำแบบนั้นมันก็ไร้สาระจริงๆนั่นแหละ ไม่ต้องนั่งรอให้ปิยังกูรด่าเพราะเธอนี่แหละจะด่าตัวเองก่อน
"น้องบัวสบายดีนะครับ" คุณหมอนั่งข้างเธอหันมาถาม จุดประสงค์ก็คงไม่มีอะไรนอกจากชวนเธอคุย หรืออีกนัยก็คงไม่อยากให้เธอโฟกัสกับอะไรบางอย่างมากจนเกินไป
"บัวสบายดีค่ะ พี่แทนก็คง... สบายดี?"
"ฮ่าๆ ก็คงสบายดีมั้งครับ ตามอัตภาพ"
พุดน้ำบุษย์อมยิ้ม รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องข่าวฮอตประจำวีคที่ยังขยันขึ้นหน้าฟีดโซเชียลมีเดีย ซึ่งเธอก็เข้าใจไม่คิดที่จะเซ้าซี้
"หมอขวัญล่ะ ไม่คิดจะกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเหมือนเดิมเหรอ"
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นทุกคนในโต๊ะพูดคุยเรื่องอะไรกัน แต่ทว่าคำถามของใครบางคนที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับหมอขวัญดาวทำให้พุดน้ำบุษย์หลงลืมมารยาทปล่อยให้การสนทนาระหว่างเธอกับคุณหมอไฮโซเพื่อนสนิทของสามีหยุดไปดื้อๆ หันไปตั้งใจฟัง อยากจะรู้คำตอบของคุณหมอสาวเช่นเดียวกับคนถาม
แพทย์หญิงขวัญดาวยิ้มก่อนตอบ... มันเป็นรอยยิ้มที่สวยพิมพ์ใจมาก หวานมากไม่ต่างจากน้ำผึ้งเดือนห้า ใครเห็นเป็นต้องยิ้มตาม คงมีแค่พุดน้ำบุษย์คนเดียวละมั้งที่รู้สึกว่ามันไม่น่าดูและเธอก็ไม่อยากมองให้เสียสายตา
ใครจะบอกว่าสวยก็แล้วช่าง
แต่พุดน้ำบุษย์มองว่ามันก็แค่งั้นๆ
"พี่โปรดเขาชวนขวัญแล้วค่ะ แต่ขวัญอยากเปิดคลินิกของตัวเองมากกว่า"
“เปิดคลินิกเองก็ดีนะ เก่งๆอย่างหมอขวัญเปิดไม่กี่ปีก็รวยแล้ว ว่าแต่หมอขวัญจะเปิดคลินิกที่ไหนล่ะ พี่จะได้ช่วยโปรโมต”
“ขวัญกำลังดูอยู่ค่ะ ที่ดูไว้ก็หลายที่ค่ะ แต่ขวัญอยากเปิดคลินิกที่ห้าง... มากกว่าค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นที่นี่”
คำตอบของคุณหมออดีตคนรักเก่าของสามีที่บอกว่าสามีของเธอทาบทามให้กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลทำให้พุดน้ำบุษย์เม้มปากแน่นยิ่งกว่าเดิมก่อนจะเผลอกัดริมฝีปากเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บ แต่ทว่าความเจ็บที่เกิดขึ้นมันกลับไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกเจ็บแปลบในใจเมื่อรู้ว่าสถานที่ที่หมอขวัญดาวจะเปิดคลินิกคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ปิยังกูรเพิ่งเข้าไปบริหารงาน... ดวงตาคู่สวยหันขวับไปมองใบหน้าด้านข้างของสามีที่ตอนนี้กำลังคุยติดพันอยู่กับศิลา
ไม่รู้เป็นเพราะเขาไม่ได้ยินจริงๆหรือกลัวว่าเธอจะรู้ความลับ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรความรู้สึกของเธอมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
พุดน้ำบุษย์เม้มปากแน่นอยากจะดึงแขนสามีให้หันหน้ามามองสบตากันแล้วตะโกนถามออกไปดังๆ ว่าเรื่องที่หมอขวัญดาวพูดคือเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ทว่าเธอก็หน้าบางเกินกว่าจะทำแบบนั้น ที่สำคัญปิยังกรูเหมือนจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย
สามีของพุดน้ำบุษย์สามารถพูดคุยกับทุกคนในโต๊ะได้หมด คงมีแค่เธอคนเดียวละมั้งที่เขาไม่คิดที่จะหันมาพูดคุยด้วย
หรือปิยังกูรคิดว่าเธอคือไฮโซดอกบัวผู้เจนจัดงานสังคมก็เลยไม่ต้องดูแล
ถ้าเขาคิดแบบนั้นพุดน้ำบุษย์ก็อยากจะให้เขาคิดใหม่เพราะเวลานี้เธออยากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเขามากที่สุด... แค่เขาหันหน้ามาถามกันว่าง่วงมั้ยหรือว่าอยากดื่มอะไร แค่นั้นเธอก็ดีใจตายห่าแล้ว ไม่ต้องถึงขั้นให้เขามาพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจอะไรมากมาย
แต่ทว่าพุดน้ำบุษย์ก็คงได้แค่นอนหลับแล้ววาดฝันเอาเอง
เพราะมันไม่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง...