หญิงสาวถลาเข้าสู่อ้อมอกกำยำหนั่นแน่น ทั้งตัวเธอเกยอยู่บนตัวของคชา มือบางวางแหมะอยู่บนกล้ามอกเป็นมัดๆ ที่ชวนให้ใจสยิว ก็รู้อยู่หรอกว่าผู้ชายตรงหน้าแข็งแรงบึกบึน ตัวก็โตรูปร่างสูงใหญ่น่ายำเกรง แต่ไม่คิดว่าพอเทียบกันจริงๆ เธอจะดูตัวเล็กลงไปถนัดใจ ถูกอีกฝ่ายบดบังเกือบจะกลืนหายไปทั้งตัว
ดุจมาตาค่อยๆ ขยับทรงตัว พอเงยหน้าก็พบว่าเธอหน้าเธอกับหน้าเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจกั้น ตาต่อตาประสานกัน คู่หนึ่งมีแววหยอกล้อเอ็นดู ส่วนอีกคู่ตื่นกลัวขัดเขิน ครู่นั้นเหมือนสมองของเธอขาวโพลนไปหมด ได้แต่จ้องตาเขาคล้ายคนต้องมนตร์สะกด ร่างกายก็แข็งทื่อเป็นหินผิดกับหัวใจที่เต้นระส่ำรุนแรง เมื่อฝ่ามือหนาทาบลงบนแผ่นหลัง โลมเลื่อนโอบตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอดที่วาบหวาม
อีกแล้ว...
ทั้งดวงตาคมๆ และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนจะดึงดูดหัวใจของฉันลงไปในความมัวเมา แม้จะพยายามต่อต้านดึงดันก็ทำไม่ได้ ไม่สามารถปีนขึ้นมาจากก้นเหวที่มืดดำได้เลย หัวใจของเธอตอนนี้เต็นรัวเหมือนสะบัดใจ มันกระแทกโพรงอกซ้ำๆ เหมือนจะกระดอนออกมาให้ได้
ดุจมาตาตื่นเต้นจนเผลอเลียริมฝีปากล่าง สายตายังคงหลุกหลิกมองสบเขา ทั้งที่อยากหนีจะแย่ แต่ถูกมือหนายกเชยคางไม่ยอมให้หลุบหลบไปไหน คชายื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างอ้อยอิ่ง เสียงแหบทุ้มเซ็กซี่ก็เอ่ยแผ่วหวิวว่า
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้ เรามันคนเคยๆ กันอยู่แล้ว”
คล้ายกับเขาเจตนาทำให้ใจเธอเต้นระทึกจนต้องกลั้นหายใจ ปากหยักได้รูปแนบชิดมุมปากเธออยู่รอมร่อ พอพูดทีก็เสียดสีกันจนเหมือนเกิดไฟฟ้าสถิต พุ่งตรงเข้าไปถึงหัวใจเธอให้กระตุกเร่าคันยุบยิบไปหมด
ดุจมาตากลอกตา ทั้งหมั้นไส้แกมรำคาญ อีตานี่ขยันพูดขยันอ่อยชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดเสียจริง
“ใครคุ้นเคยกับคุณ”
“ถ้ายังไม่คุ้นก็ยิ่งต้องใกล้ชิดกันให้มากๆ จะได้คุ้นเคยกันเร็วๆ” ไม่พูดเปล่า มือยังกระชับเอวคอด ส่วนปากก็แทบจะแนบนาบปากเธอเต็มที
หญิงสาวเบิกตาโพลง รีบยันอกขืนตัวออกห่างเขาราวกับเป็นของร้อน ปากก็ร้องโวยวาย
“คุณนี่ อย่าเอาแต่ทำเป็นเล่นได้มั้ย”
คนถูกว่าหัวเราะร่วน แม้จะขยับตัวนั่งพิงพนักโซฟาตามเดิม แต่มือยังคงพันธนาการตัวเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“โอ.เค. คุณมีอะไร ถึงได้โทร. นัดผม”
ดุจมาตาไม่ตอบ แต่ปรายตามองไปที่ทยุตอย่างลังเล คชาเข้าใจนัยยะที่เธอสื่อ เขาเลื่อนปลายนิ้วเกลียไรผมบนหน้าผากมน ยกตัวเธอที่เกยคร่อมตัวเขาเปลี่ยนเป็นนั่งตัก เอ่ยกับเธอยิ้มๆ ว่า
“คุณมีอะไรก็พูดได้เลย ที่นี่มีแค่คนกันเอง”
ความหมายของคชาคือทยุตเป็นคนที่เขาไว้ใจและเธอเองก็สามารถวางใจได้เช่นกัน เธอพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยต่อรองกับเขา
“คุณช่วยปล่อยฉันลงดีๆ ก่อนได้มั้ย”
พูดไปก็หน้าแดงไป ตั้งแต่เล็กจนโตดุจมาตาไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน กับพีรวิชญ์เองก็ใกล้ชิดกันอยู่ในขอบข่ายที่เหมาะสม ทีแรกคิดว่าเขาให้เกียรติเธอ ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะเขาไม่มีอารมณ์กับเธอมากกว่า จึงไม่อยากจะแตะต้องให้เสียมือ
ดุจมาตากระแอมเบาๆ ข่มความขัดเขิน เธอมีธุระเป็นการเป็นงานจะคุยกับคชา แต่จะคุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร ถ้าต้องมานั่งอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายที่เปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดและอุ่นไอร้อนผ่าวทำให้วาบหวิว เธอว่าหัวใจเธอจนเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ
“นั่งแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ ได้ยินเสียงชัดดี”
ดุจมาตาตวัดค้อนคนชอบเอาเปรียบ ตาบ้า! มีแต่คุณนี่แหละที่สบาย ส่วนฉันน่ะทั้งอายทั้งอึดอัดจนหัวใจจะวายอยู่แล้วย่ะ
คชาหัวเราะเหมือนรู้ว่าเธอนินทาอะไรเขา เห็นดุจมาตาเม้มปากเอาเป็นเอาตาย ไม่รู้ว่าเขินหรือโกรธมากกว่ากัน เขาก็นึกสงสารปากอิ่มๆ กลัวจะช้ำ จึงยอมปล่อยตัวเธอนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กันอย่างถนอม
“ที่ฉันนัดคุณมาวันนี้ เพราะอยากปรึกษาหารือเรื่องแผนการของเรา”
คนฟังยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม ไม่ได้ถามหรือขัดอะไร ทำแค่เลิกคิ้วให้เธอพูดต่อไป
“ถ้าต้องการทำลายพีรวิชญ์ วิธีที่ดีที่สุดคือฉีกหน้ากากแสนดีของเขาออกต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งมันก็มีหลายวิธีที่ทำให้เขาเสียชื่อได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือการที่เขานอกใจว่าที่ภรรยา ถ้าหากคนนอกรู้ว่าเขามีชู้ แถมยังเป็นคนใกล้ตัว คิดดูสิว่าทุกคนจะมองพีรวชิญ์ยังไง?
คงจะรังเกียจ ไม่อยากเกี่ยวข้องหรือคบค้าสมาคมด้วย