“เฮ้อ ได้พักสักที ปวดไปหมดเลย” หัวไหล่ถูกยกขยับบิดซ้าย บิดขวา เพราะอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อ มือลูบบีบคลึงท้ายทอยก่อนจะสลัดกล้ามเนื้อเพื่อคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดหลายวัน
“คุณแทนคุณเมื่อยเหรอคะ หนูนวดให้เอาไหมคะ หนูนวดเป็นนะ” เด็กสาวเดินเข้ามายืนเขย่งปลายเท้าชะเง้อคอมองบ่าสูงด้วยความห่วงใย
“เธอนวดเป็นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดี มานวดให้ฉันหน่อย ตรงนี้ฉันปวดหัวไหล่มันตึงไปหมดเลย”
“ได้ค่ะ คุณแทนคุณนอนลงสิคะ” เด็กสาวจับแขนเจ้าของสนามแข่งรถให้มานั่งลงบนเตียง แล้วผลักให้คนตัวใหญ่ล้มตัวลงไปนอนคว่ำ จากนั้นกระโจนขึ้นมายืนบนเตียงทันที
“นั่นเธอจะทำอะไร”
“หนูจะนวดให้ไงคะ มาค่ะนอนๆ” มือจับหัวไหล่หนากดลงให้นอนคว่ำหน้าลงไปบนหมอนใบใหญ่ แล้วลุกขึ้นยืนชิดติดอยู่ด้านข้างก่อนจะวางส้นเท้าเหยียบลงไปบนสะบักแข็ง
“เฮ้ย!! นั่นเธอจะทำอะไร” คนที่นอนรอการนวดคลายเส้นดีดตัวลุกขึ้นมานั่งทันที
“เหยียบหลังไงคะ”
“ไหนว่านวดเป็น”
“ค่ะ ก็นี่นวดด้วยฝ่าเท้าไงคะ หนูเหยียบหลังเก่งนะ ในซอยนี่หนูเหยียบมาหลายคนแล้ว ถ้าเส้นยึดปวดตึงตรงบ่านี่นะคะ เดี๋ยวใช้ส้นเท้าเหยียบกดลงไปหนักๆ แป๊บเดียวหายเลยค่ะ มาค่ะคุณแทนคุณนอนลง เดี๋ยวหนูเหยียบให้”
“เอ่อ...ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพอกลับกรุงเทพฯ ฉันค่อยไปร้านนวด” ต่อให้เอ็นดูแม่สาวน้อยแสนซื่อคนนี้มากแค่ไหน หากแต่แทนคุณยังไม่สมัครใจยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าน้อยๆ นี่แน่
“คุณแทนคุณ ไม่เชื่อฝีเท้าหนูเหรอคะ” เด็กสาวกระโดดลงมานั่งจ้องหน้าอย่างตัดพ้อ
“เอาเป็นว่าฉันยังพอทนได้ เอาล่ะคืนนี้ดึกแล้วเอาหมอนกับผ้าห่มนี่ไป แล้วก็เดินไปปิดไฟนอนได้แล้ว” แทนคุณหยิบหมอนกับรวบผ้าห่มส่งให้
“คุณเอาผ้าห่มมาให้หนู แล้วคุณจะห่มอะไรคะ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า เธอน่ะไปนอน...ได้แล้ว” นิ้วชี้เคาะลงมาบนปลายจมูกรั้น จากนั้นล้มตัวลงไปนอนหลับตาเพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาง่วงเต็มทน
สาวน้อยลุกขึ้นเดินไปปิดไฟอย่างว่านอนสอนง่าย กระทั่งกลางดึก แทนคุณรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มาวางทับ สัมผัสตัว ผ้าห่มนวมผืนใหญ่อันอุ่นสบายเคลื่อนมาคลุมจนถึงหัวไหล่ เขาแกล้งปรือตาขึ้นมาเห็นร่างเล็กบอบบางค่อยๆ คลานกลับไปนอนลงบนโซฟาอย่างเดิม มือขยับจับชายผ้าอุ่นแล้วอดอมยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ
“คุณแทนคุณจะกลับกรุงเทพแล้วจริงๆ เหรอคะ ขอหนูตามไปด้วยได้หรือเปล่า” คนที่นั่งพับเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทางนั่งพับผ้าไป ร้องไห้ไป เมื่อรู้ว่าบุคคลที่ตนเคารพรักนักหนากำลังจะทิ้งไป
“เธอจะตามฉันไปได้ยังไง” ร่างสูงตวัดขาอยู่ในท่าไขว่ห้างนั่งกอดอกมองสาวน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น หลังจากจบการแข่งขันและทุกคนต่างแยกย้ายกระจายกันไปหมดแล้ว รวมถึงเขาด้วยที่ต้องเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ
“แต่ถ้าคุณกลับไปแล้ว หนูจะอยู่กับใคร นะคะ...ขอหนูตามไปด้วย หนูสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาทของคุณทุกอย่างเลย แล้วหนูก็จะไปหางานทำ จะได้เอาเงินมาใช้หนี้ให้คุณยังไงล่ะ นะคะ...ให้หนูตามไปด้วยนะ” ร่างเล็กคลานเข่ามานั่งหมอบอยู่แทบเท้าผู้มีพระคุณ
“มิว” ฝ่ามือลูบลงไปบนเรือนผมนุ่มอย่างเห็นใจและเอ็นดู ตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้เขารู้ดีว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอไปแล้ว
“เธอแน่ใจเหรอว่า จะไปกับฉันจริงๆ”
“แน่ใจค่ะ คุณจะให้หนูไปเป็นคนรับใช้ของคุณก็ได้ หรือว่าให้หนูไปทำงานโรงงาน ไปช่วยขายของ ไปทำอะไรก็ได้ค่ะ แต่ขอให้หนูไปด้วยนะคะ หนูไม่เหลือใครแล้วจริงๆ” คางเล็กวางลงมาบนหัวเข่าแก้มขาวเปื้อนเปรอะเลอะไปด้วยคราบน้ำตา
“เฮ้อ เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันยอมให้เธอไปด้วยก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ” มือจับเชยคางนั้นให้เงยขึ้นมา
“ข้อแม้อะไรคะ”
“เธอต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังและอยู่ในโอวาทของฉัน ห้ามเกเรเถลไถลเด็ดขาด”
“ค่ะ หนูสัญญา” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาได้ในที่สุด นิ้วก้อยเล็กยื่นเกี่ยวนิ้วก้อยของเขาไว้เป็นสัญลักษณ์ของการให้คำมั่นสัญญา
“อีกอย่างหนึ่ง เธอไปทำงานตอนนี้ก็คงหาเงินใช้หนี้ฉันไม่หมดหรอก เอาเป็นว่าเมื่อไปถึงกรุงเทพฯ ฉันจะพาไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัย เผื่อว่าพอเธอเรียนจบออกมาแล้วได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ จะได้ใช้หนี้ฉันหมดไว้ขึ้น เธอว่าอย่างนี้เป็นไง”
“คุณแทนคุณจะส่งหนูเรียนมหาวิทยาลัยเหรอคะ” ตาโตเบิกกว้างปรากฏม่านน้ำใสๆ ไหลเอ่อออกมาจนล้นปริ่ม
“ใช่”
“หนูจะได้เรียนหนังสือเหรอคะ”
“ใช่”
“ฮือออออ ทำไมคุณใจดีจัง ขอบคุณค่ะ หนูรักคุณที่สุดเลย” เด็กสาวพุ่งเข้าไปสวมกอด รัดท่อนแขนสั้นไว้รอบเอวหนา ซบใบหน้าลงไปกับหน้าท้องแกร่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังจนลั่นห้อง ด้วยความสำนึกในบุญคุณ ชั่วชีวิตนี้นอกจากยายที่ตายจาก เธอไม่เคยประสบพบใครที่มอบความรัก ความเมตตาให้เธอเท่ากับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว